“สิ่งที่เป็นปัญหามากที่สุดสำหรับคนยุคนี้คือการคิดว่าสิ่งที่เลือกมันต้องใช่ ฉันจะผิดไม่ได้ แต่ผมคิดว่ามันไม่ใช่เลย ชีวิตมันมีแต่ความผิด เลือกไปเดี๋ยวมันก็ผิด ไอ้ที่คิดว่ามันโคตรถูกเลย เดี๋ยวอีกสองปีมันก็ผิด คือมันมีแต่การเลือกที่ผิด คุณถึงต้องเลือกไปเรื่อยๆ ผมเลยคิดว่าถ้าเราเปิดใจ และคิดว่าชีวิตมันคือการเลือกไปเรื่อยๆ มันสบาย แล้วคุณจะรู้สึกว่าชีวิตมันเต็มไปด้วยความเป็นไปได้ ผิดแล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ก็เลือกใหม่ได้นี่หว่า”
– สราวุธ เฮ้งสวัสดิ์ (นิ้วกลม)
a day BULLETIN issue 337, 5-11 Jan 2016
เรื่องและภาพ กองบรรณาธิการ
เราถูกสั่งสอนให้ “เลือกอย่างจริงจัง” มาตั้งแต่เด็ก
เริ่มตั้งแต่พ่อแม่ที่เลือกโรงเรียนให้ลูกตั้งแต่ชั้นประถม ทุ่มเททุกวิถีทางที่จะให้ลูกได้เข้าโรงเรียนที่หมายมั่นปั้นมือเอาไว้ จะต้องไปบำเพ็ญประโยชน์หรือบริจาคเงินเป็นแสนก็ยอม
เลือกโรงเรียนเสร็จ ลูกก็ต้องมา “เลือกคำตอบที่ถูกต้อง” เวลาทำข้อสอบ ซึ่งมักมีเพียงข้อเดียว ถ้าเลือกผิดเยอะก็จะสอบตกซ้ำชั้นอีก
พอขึ้นมัธยมปลายก็ต้องมาเลือกว่าจะเรียนสายวิทย์หรือสายศิลป์ เพื่อเตรียมความพร้อมสอบเข้าคณะที่จะเลือกเรียนในมหาวิทยาลัย และอาชีพที่จะเลือกทำหลังเรียนจบ
ซึ่งก็เป็นไปได้อย่างยิ่งว่า งานที่เราทำ และชีวิตที่เรามีอยู่ตอนนี้ เป็นผลลัพธ์ของการตัดสินใจของตัวเราเองในวัย 15 ปี
วัยที่ยังไม่รู้อะไรเลย
เหตุใดเราต้องปล่อยให้การตัดสินใจของเราคราวนั้น มากำหนดชีวิตเราทั้งชีวิต?
และพ่อแม่เอาความมั่นใจมาจากไหน ถึงวางแผนล่วงหน้าให้ลูกเป็นสิบๆ ปี ว่าต้องเข้าโรงเรียนนี้ จะได้เรียนคณะนี้ และจะได้ทำอาชีพนี้ (ซึ่งกว่าจะถึงตอนนั้น อาชีพที่ว่าอาจไม่เป็นที่ต้องการของตลาดแล้วก็ได้)
ในโลกที่หมุนเร็วขึ้นทุกวัน สามปีข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างเรายังไม่รู้เลย แต่เรากลับพยายามจะวางแผนล่วงหน้าเป็นสิบๆ ปี เราจึงซีเรียสกับการตัดสินใจ
และบางทีก็ซีเรียสเกินไป
“สิ่งที่เป็นปัญหามากที่สุดสำหรับคนยุคนี้คือการคิดว่าสิ่งที่เลือกมันต้องใช่ ฉันจะผิดไม่ได้ แต่ผมคิดว่ามันไม่ใช่เลย ชีวิตมันมีแต่ความผิด เลือกไปเดี๋ยวมันก็ผิด ไอ้ที่คิดว่ามันโคตรถูกเลย เดี๋ยวอีกสองปีมันก็ผิด คือมันมีแต่การเลือกที่ผิด คุณถึงต้องเลือกไปเรื่อยๆ”
เราถูกสอนให้จริงจังกับการเลือกมาโดยตลอด เพราะถ้าเลือกผิด ชีวิตก็พลิกผัน
แต่เราก็มักลืมไปว่า ในเกือบทุกสถานการณ์ เราสามารถเลือกใหม่เพื่อพลิกชีวิตกลับได้เหมือนกัน
วันนี้เรามีทางเลือกมากมายกว่ารุ่นพ่อรุ่นแม่หลายเท่า ถ้ายังพบว่าตัวเองมีทางเลือกน้อย ก็อาจเป็นเพราะว่าเรายังติดอยู่ในกรอบเดิมๆ ที่ตอนนี้อาจไม่มีอยู่จริงแล้วก็ได้
ชีวิตคนเราก็เหมือนวีดีโอเกมที่หากเลือกผิดหรือเล่นพลาด ก็เริ่มเล่นใหม่ได้เสมอ ตราบใดที่เรายังไม่เลิกเล่น หรือเครื่องเกมเจ๊งไปเสียก่อน
“ถ้าเราเปิดใจ และคิดว่าชีวิตมันคือการเลือกไปเรื่อยๆ มันสบาย แล้วคุณจะรู้สึกว่าชีวิตมันเต็มไปด้วยความเป็นไปได้ ผิดแล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ก็เลือกใหม่ได้นี่หว่า”
ใช่ครับ ชีวิตนี้เต็มไปด้วยความเป็นไปได้เสมอ
หากเรากล้าตัดสินใจ
และไม่กลัวที่จะผิดซะบ้างครับ
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก a day BULLETIN issue 337, 5-11 Jan 2016
อ่านตอนเก่าๆ ได้ที่ https://anontawong.com/archives/
อ่านตอนใหม่ๆ ได้ทุกวันที่ Facebook Page Anontawong’s Musings (ที่ปุ่มไลค์จะมี drop down menu ให้เลือกได้ว่าอยากจะให้มี notifications หรืออยากเห็นโพสต์จากเพจนี้อยู่ต้นๆ ฟีดรึเปล่าครับ)
ดาวน์โหลดอีบุ๊ค “เกิดใหม่”