ทำไมถึงอยากมีลูก

20150827_WhyHaveABaby

“ขอ request โพส เรื่องมีลูกครับ ประมาณว่าตัดสินใจเมื่อไร เริ่มคิดเมื่อไร อะไรคือแรงสุดท้ายที่ทำให้ตัดสินใจว่ามีลูกครับ”

– อัม อัมรินทร์ 11 ก.ค. Facebook Message

—–

อัม (ไม่ใช่อ่ำ) หรือชื่อจริงว่าอัมรินทร์ คือน้องที่เคยทำงานอยู่ที่รอยเตอร์ด้วยกัน

และที่สำคัญกว่านั้นเราเล่นดนตรีด้วยกันในวง Reuters Music Group (สมัยนั้นบริษัทยังไม่ได้เปลี่ยนชื่อเป็น Thomson Reuters)

ตอนที่มาสมัครเข้าวงดนตรีใหม่ๆ อัมบอกว่า “เล่นอะไรก็ได้” เราก็เลยจับอัมเล่นคีย์บอร์ดเลยเพราะตอนนั้นในวงขาดมือคีย์บอร์ด

แต่เราก็ค่อยๆ เรียนรู้ว่า จริงๆ แล้วอัมเล่นกลองกับกีต้าร์เก่งมากเช่นกัน ช่วงนั้นถ้าเพลงไหนยากๆ เราก็มักจะโยนให้อัมกับปั๊ม (คู่ซี้ของอัม) ให้เอาไปจัดการ

เมื่อประมาณ 8 ปีที่แล้ว อัมก็แต่งงานกับเดียร์ และลาออกจากรอยเตอร์เพื่อไปเรียนต่อที่อเมริกา โดยเดียร์ไปต่อหมอเฉพาะทาง ส่วนอัมก็ไปทำงาน เรียนปริญญาโทและปริญญาเอกสาย Computer Science

อ้อ อัมมีบล็อกเกี่ยวกับการไปฝึกงานที่ Google ด้วย เชิญเข้าไปอ่านได้ที่เพจ อิต อิ๊ส อะ แวรี่ กู๊ด  ครับ

—–

ตอนนี้อัมกับเดียร์ยังไม่มีลูก อัมก็เลยมาถามผมว่าทำไมผมถึงคิดมีลูก

ขอตอบคำถามของอัมตรงๆ ก่อน

เริ่มคิดเมื่อไร
น่าจะตั้งแต่วัยรุ่นแล้วนะครับ คิดมาแต่ไหนแต่ไรแล้วว่าโตขึ้นแล้วอยากมีลูก

ตัดสินใจเมื่อไร
ตัดสินใจเมื่อตอนคุยกับภรรยาแล้วว่าเขาก็อยากมีลูกเหมือนกัน

อะไรคือแรงสุดท้ายที่ทำให้ตัดสินใจว่ามีลูก
ถ้าเอาจริงๆ ก็คือผมกับภรรยาก็อายุค่อนข้างเยอะแล้ว พอจบงานแต่งงานก็ปล่อยตามธรรมชาติเลย โดยคิดกันง่ายๆ ว่าถ้าเขาจะมาเขาก็คงมา ถ้าเขาไม่มาก็ไม่เป็นไร

—–

คราวนี้ขอตอบโดยรวมบ้างว่า “ทำไมถึงอยากมีลูก” เพราะเป็นสิ่งที่ไม่เคยถามตัวเองแบบจริงจังเหมือนกัน

พอลองมานั่งคิดดู จึงได้คำตอบคร่าวๆ ว่าผมอยากมีลูกไปเพื่ออะไร

มีลูกเพื่อทำหน้าที่
ในเชิงชีววิทยา สิ่งมีชีวิตเกือบทุกชนิดมีสัญชาติญาณอย่างหนึ่งที่เหมือนๆ กันคือการสืบพันธุ์เพื่อดำรงไว้ซึ่งเผ่าพันธุ์ของตัวเอง

เป็นไปได้ว่า การเพิ่มจำนวนมนุษย์ในโลกนี้อาจจะยิ่งทำให้โลกเสื่อมโทรมลงกว่าที่เป็นอยู่ แต่ผมว่า “จำนวน” ของมนุษย์อาจจะไม่ใช่สาเหตุที่มีน้ำหนักเท่ากับ “คุณภาพ” และ “คุณธรรม”

มีลูกเพื่อสร้างคน
ผมเป็นคนหนึ่งที่ชอบความท้าทาย จึงชอบลองงานใหม่ๆ ได้ทำอะไรที่มันยากๆ และน่ากลัวนิดๆ

และในบรรดาโปรเจ็คอันน่าท้าทายทั้งหลาย ผมว่าการเลี้ยงเด็กคนหนึ่งให้เติบโตขึ้นมาเป็นคนที่มีคุณธรรมและมีคุณภาพนี่เป็นอะไรที่โคตรจะท้าทายเลย

เป็นโปรเจ็คที่ไม่มีวันหยุดเสาร์อาทิตย์ ไม่ได้เงินซักบาท และใช้เวลาอย่างน้อย 20 ปี กว่าสิ่งที่เราลงแรงไปจะผลิดอกออกผล (ออกผลในแง่ที่เขามีความคิดอ่านเป็นตัวของตัวเองและสร้างประโยชน์ให้กับสังคมแบบจับต้องได้)

มีลูกเพื่อรับประสบการณ์
ถ้าพระเจ้าคือ “ผู้สร้าง”
การได้เป็นพ่อ-แม่คน ก็คือการสวมบทบาทของพระเจ้าดีๆ นี่เอง เพราะพ่อและแม่คือผู้ให้กำเนิดและคอยดูแลปกป้องลูกราวกับพระเจ้าให้กำเนิดและคอยดูแลมนุษย์

ครูบาอาจารย์สอนเราว่า พ่อแม่คือพระอรหันต์ในบ้าน คนธรรมดาสุกๆ ดิบๆ คนหนึ่งอาจจะเปลี่ยนเป็นคนที่มีความรัก ความเสียสละ และความเมตตาอย่างยิ่งได้เมื่ออยู่กับหน่อเนื้อเชื้อไขของตัวเอง

และเคยรู้สึกมั้ยครับว่า พ่อแม่ของเราต้องเป็น “ซูเปอร์แมน-วันเดอร์วูแมน” แน่ๆ เพราะเขาตื่นเช้ากว่าเรา นอนดึกกว่าเรา ทำงานหนักกว่าเรา แบกภาระมากกว่าเรา จนเรานึกไม่ออกเลยว่า ถ้าเราเป็นเขาเราจะอดทนขนาดนั้นได้อย่างไร

การได้เป็นพ่อเป็นแม่คือโอกาสที่เราจะได้สัมผัสประสบการณ์การเป็นพระเจ้า พระอรหันต์ และซูเปอร์แมนครับ

มีลูกเพื่อสร้างครอบครัว
บ้านทั้งหลัง ถ้าอยู่กันแค่สองคน ก็อาจจะเงียบไปนิดรึเปล่า

แต่งงานโดยไม่มีลูก มันก็ดีที่ไม่ต้องคอยรับผิดชอบชีวิตใครก็จริง แต่ถ้าในบ้านมีแต่ผู้ใหญ่ที่ความคิดความอ่านเท่าๆ กันหมด ในบ้านก็อาจขาดความหลากหลาย

และชีวิตที่ไม่มีความหลากหลาย ก็อาจจะขาดสีสันและน่าเบื่อ

การมีมนุษย์ตัวเล็กๆ ซักคนสองคนวิ่งไปวิ่งมา น่าจะสร้างมิติบางอย่างที่ชายหนุ่ม-หญิงสาวไม่อาจสร้างได้เพียงลำพัง

ที่สำคัญ มนุษย์ตัวเล็กๆ เหล่านี้อาจจะช่วยให้เราระลึกถึงบางสิ่งหรือบางอารมณ์ที่เราหลงลืมไปนานแล้วก็ได้

มีลูกเพื่อตอบแทนบุญคุณ (Pay it forward)

ทั้งบุญคุณพ่อแม่ และบุญคุณแผ่นดิน

ครึ่งชีวิตที่ผ่านมา ผมรู้สึกว่าผมโชคดีเหลือกเกินที่ได้เกิดมาในครอบครัวนี้ มีพ่อแม่ที่เข้าใจและให้อิสระ มีน้องชายที่คอยช่วยเหลือทุกอย่าง

และรู้สึกโชคดีมากที่ได้เกิดมาเป็นคนไทย ประเทศที่ไม่สมบูรณ์แบบแต่ก็น่ารัก ที่ให้โอกาสผมได้กินอะไรอร่อยๆ ได้เจอเพื่อนดีๆ ได้งานดีๆ ทำ ได้เล่นดนตรีและเตะบอล

ถ้าเราไม่มีลูกเลย ผมอาจจะรู้สึกผิดว่าเรารับมาอย่างเดียว แต่ไม่ได้ให้กลับคืนสู่สังคมเท่าที่ควร

มีลูกเพื่อให้โอกาสคน
เหตุผลข้อนี้เป็นเรื่องความเชื่อ

พระท่านบอกว่า การเกิดแก่เจ็บตายเป็นทุกข์

แต่ในอีกมุมหนึ่ง พระท่านก็บอกอีกว่า การได้เกิดเป็นมนุษย์ถือเป็นความโชคดีอย่างมหาศาล (ดีกว่าไปเกิดในภพภูมิอื่นๆ) ยิ่งได้เป็นมนุษย์ที่ได้เกิดในยุคที่ธรรมะและหนทางดับทุกข์ยังคงอยู่ ต้องเรียกว่า “แจ๊คพ็อต” เอามากๆ

ดังนั้น การที่เราให้โอกาสให้เด็กคนหนึ่งมาเกิดกับเรา และเราได้สอนให้เด็กคนนี้รู้จักธรรมะก็เท่ากับเป็นการให้โอกาสที่เขาได้มาเรียนรู้วิธีการออกจากสังสารวัฏ

จะมีของขวัญใดที่มีค่ามากไปกว่านี้

—–

ป.ล. คำตอบเหล่านี้เป็นการคิดเอาเองล้วนๆ เพราะต้องรออีกสองเดือนถึงจะได้เป็นพ่อคนจริงๆ

ถึงตอนนั้น ความคิดหลายๆ อย่างอาจจะเปลี่ยนไปก็ได้นะครับ!

ป.ล.2 นี่เป็นโพสต์แรกที่ตอบคำถามจากทางบ้าน ชักเริ่มติดใจ เลยขอประชาสัมพันธ์ว่า ใครอยากจะให้ผมเขียนเรื่องอะไร หรืออยากถามมุมมองในเรื่องไหน ก็ทักมาได้ทาง Message ของเพจ Anontawong’s Musings นะครับ

—–

ขอบคุณภาพจาก Pixabay.com

อ่านตอนเก่าๆ ได้ที่ https://anontawong.com/archives/

อ่านตอนใหม่ๆ ได้ทุกวันที่ Facebook Page Anontawong’s Musings (ถ้ากด Get Notifications ใต้ปุ่ม Like หรือเลือก Show First ใต้ปุ่ม Following ก็จะไม่พลาดตอนใหม่ครับ)

ดาวน์โหลดอีบุ๊ค “เกิดใหม่