ข้อเท็จจริงเปลี่ยนความเชื่อไม่ได้

20170531_changemind

วันก่อนผมได้อ่านบล็อกตอนหนึ่งของ Seth Godin (ซึ่งเป็นไอดอลของผมเรื่องการเขียนบล็อก) เห็นว่าดีและเหมาะกับสถานการณ์ในเมืองไทยมาก จึงอยากถอดความมาวางไว้ตรงนี้ครับ

Facts are not the antidote for doubt -ข้อเท็จจริงไม่ใช่ยาถอนพิษความสงสัย

ดื่มน้ำให้มากพอแล้วคุณก็จะหายหิวน้ำแน่นอน

แต่สำหรับคนที่ไม่เชื่อ ต่อให้ถูกรายล้อมด้วยข้อมูลและข้อเท็จจริงมากมายแค่ไหน ก็ยังไม่ยอมเปลี่ยนใจอยู่ดี

การให้ข้อมูลมากขึ้นจึงไม่สามารถหักล้างข้อสงสัยได้

สำหรับคนที่กำลังยืนกอดอก ส่ายหน้า หรี่ตา และปิดหูแล้ว การให้ข้อเท็จจริงกับเขาไม่อาจช่วยโน้มน้าวเขาได้เลย

แต่ความคลางแคลงใจนั้นพ่ายแพ้ต่อประสบการณ์ และประสบการณ์จะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อเขามีความสมัครใจ

ถ้าหากคนๆ หนึ่งพร้อมใจจะหาคำตอบที่ถูกต้อง พร้อมใจที่จะสำรวจดูว่าอะไรที่เวิร์ค อะไรที่สามารถพิสูจน์ได้ เขาก็จะยอมขบคิด เรียนรู้ และตั้งคำถามด้วยใจที่เปิดกว้าง

ความคลางแคลงมีมูลเหตุมาจากความกลัว และนั่นคือเหตุผลที่ทำไมการเปิดใจที่จะเรียนรู้จึงเป็นเรื่องยากนัก คนส่วนใหญ่ไม่อยากเปลี่ยนความเชื่อ เพราะการยึดมั่นในความเชื่อ (แม้ว่าความเชื่อนั้นจะผิด) นั้นทำให้เขารู้สึก “ปลอดภัย” มันคืออาการอัมพาตทางสมองเมื่อต้องประสบกับสิ่งที่เขาไม่รู้จัก

ดังนั้น ก่อนจะสาดข้อมูลและข้อเท็จจริงใส่กัน เราควรแสวงหาความสมัครใจและความเปิดใจที่จะเรียนรู้ร่วมกันก่อนเสมอ


ขอบคุณข้อมูลจาก Seth’s blog –  Facts are not the antidote for doubt

อ่านบทความใหม่ทุกวันที่เพจ Anontawong’s Musings: facebook.com/anontawongblog

อ่านบทความทั้งหมด anontawong.com/archives

ดาวน์โหลดหนังสือ “เกิดใหม่” anontawong.com/subscribe/

วันที่เราจะจดจำได้

20170531_remember

คือวันที่เราออกจาก Comfort Zone

เมื่อวานนี้ผมได้ฟังพอดคาสท์ Masters of Scale ที่สัมภาษณ์ Brian Chesky เจ้าของ Airbnb

Airbnb (อ่านว่าแอร์บีเอ็นบี) คือเว็บที่ช่วยเปลี่ยนห้องว่างในบ้านของเราให้กลายเป็นเหมือนห้องพักในโรงแรมที่ใครก็สามารถจองเพื่อมานอนพักได้ อารมณ์คล้ายๆ Uber ที่ทำให้รถของเรากลายเป็นรถแท๊กซี่ได้นั่นแหละครับ

ไบรอันบอกว่าตอนนี้ Airbnb พยายามจะไปไกลกว่าการเป็นแค่เว็บจองที่พักแล้ว แต่ต้องการเป็นผู้มอบ “การเดินทางอันตราตรึงใจ” ให้กับผู้มาใช้บริการ

เขาบอกว่าปัจจัยสำคัญที่จะทำให้คนๆ หนึ่งจดจำการเดินทางครั้งนั้นได้ คือมันต้องมอบประสบการณ์บางอย่างที่ทำให้เขาได้ออกจาก comfort zone (พื้นที่แห่งความสบายใจ)

เช่นการได้ลองทานอะไรใหม่ๆ ได้ลองทำอะไรที่มีความเสี่ยงนิดหน่อย หรือการได้คุยกับเพื่อนใหม่ๆ

—–

จำได้มั้ยครับว่าวันนี้เมื่อปีที่แล้วเรากำลังทำอะไรอยู่?

ผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่จะจำไม่ได้ และคำตอบส่วนใหญ่ก็คือถ้าไม่ใช่วันเสาร์อาทิตย์ก็คงกำลังทำงานอยู่มั้ง

เมื่อชีวิตเป็นแบบเดิมทุกวัน ความทรงจำ 5 วันจึงไม่ต่างอะไรกับความทรงจำ 1 วัน เราถึงรู้สึกว่าเวลาในวัยผู้ใหญ่นั้นผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน

ถ้าตั้งคำถามใหม่ว่า เมื่อนึกถึงปีที่แล้วมีเหตุการณ์อะไรที่คุณประทับใจบ้าง

คงมีน้อยคนที่จะนึกถึงวันที่เราไปทำงาน 9 โมงเช้า เลิกงาน 6 โมงเย็นแล้วกลับบ้าน

คำตอบน่าจะหนีไม่พ้นการได้ไปเที่ยวที่ไหนซักที่ หรือการได้ดูคอนเสิร์ตดีๆ  หรือแม้กระทั่งช่วงเวลาแห่งการอดหลับอดนอนเพื่อผลักดันงานสำคัญให้สำเร็จ

วันที่เราจะจดจำได้ จึงไม่ใช่วันที่เราเข้านอนแต่หัวค่ำ

วันที่เราจะจดจำได้ คือวันที่เราต้องเผชิญกับความยากลำบาก เผชิญกับความกลัว เผชิญกับความไม่แน่นอน และเผชิญกับความไม่แน่ใจในตัวเอง

การออกเดินทาง จึงเป็นเครื่องมือชั้นดีในการสร้างความทรงจำ เพราะมันนำพาเราออกจากความเคยชิน และสร้างสถานการณ์ให้เราต้องเหงื่อตกอยู่เสมอ ยิ่งสถานการณ์เข้มข้นเท่าไหร่ ความทรงจำก็จะยิ่งฝังรากลึกเท่านั้น

แต่สำหรับคนที่ไม่ค่อยได้เดินทางเพราะข้อจำกัดเช่นเรื่องครอบครัว ก็ยังสามารถ “สร้างวันที่น่าจดจำ” ด้วยการพาตัวเองออกจาก comfort zone แบบง่ายๆ เช่นลองทำงานที่ยากเกินความสามารถ กินอาหารสัญชาติที่ไม่เคยคิดจะกิน หรือหาอะไรใหม่ๆ ทำในวันเสาร์อาทิตย์แทนที่จะไปเดินห้างหรือนอนไถมือถืออยู่บนเตียง

อีกข้อคิดนึงที่ได้จากเรื่องนี้ก็คือ ถ้าเรากำลังประสบกับช่วงเวลาแห่งความยากลำบากก็อย่าเพิ่งหมดกำลังใจ

เพราะความยากลำบากในวันนี้จะกลายมาเป็นความทรงจำดีๆ ที่เราจะคิดถึงในวันข้างหน้าอย่างแน่นอน

—–

อ่านบทความใหม่ทุกวันที่เพจ Anontawong’s Musings: facebook.com/anontawongblog

อ่านบทความทั้งหมด anontawong.com/archives

ดาวน์โหลดหนังสือ “เกิดใหม่” anontawong.com/subscribe/

อย่ากลัวที่จะยอมรับผิด

20170529_admit

เพราะมันหมายความว่าเราฉลาดกว่าเมื่อวาน

“A man should never be ashamed to own that he has been in the wrong, which is but saying in other words that he is wiser today than he was yesterday.”
― Alexander Pope


เชื่อว่าเราทุกคนต่างก็เคยเป็น “โรคไม่ยอมรับผิด” มาแล้ว

แม้ลึกๆ จะรู้อยู่แก่ใจว่าเราพลาดไป หรือเข้าใจผิดไปเอง แต่ก็ยังไม่วายที่จะเถียงข้างๆ คูๆ หรือยกข้ออ้างต่างๆ นาๆ เพื่อจะพาตัวเองให้พ้นจากความผิดนั้น

ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วการกระทำแบบนั้นรังแต่จะทำให้อีโก้เราใหญ่ขึ้น และทำให้คนที่เราคุยอยู่ด้วยเชื่อถือเราน้อยลง

บางทีเราจึงควร “บั่นทอนอีโก้” ด้วยการรับผิด ให้มันโดนเสียบ้าง จะได้ไม่พยศหรือทะนงตนเกินไปนัก

การยอมรับว่าเราผิด และตั้งใจจะไม่ทำซ้ำอีก นอกจากจะเป็นทางออกที่ตรงไปตรงมาที่สุดแล้ว ยังเสียพลัง เสียความรู้สึก และเสียเวลาน้อยที่สุดอีกด้วย

ผิด แต่เป็นคนดีขึ้น ดีกว่าถูก แต่เป็นคนใช้ไม่ได้เหมือนเดิมนะครับ


อ่านบทความใหม่ทุกวันที่เพจ Anontawong’s Musings: facebook.com/anontawongblog

อ่านบทความทั้งหมด anontawong.com/archives

ดาวน์โหลดหนังสือ “เกิดใหม่” anontawong.com/subscribe/

บ้านตัวอย่างไม่มีราวตากผ้า

20170528_cloth

สองสัปดาห์ที่แล้วผมไปงานแต่งงานของเพื่อนสนิทที่ปราณบุรีมาครับ

เพื่อนจองบ้านพักเอาไว้ให้ ในโครงการน่าจะมีซัก 10 หลังได้ บ้านหลังที่ผมไปนอนมี 4 ห้องนอน มีห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ แถมยังมีสระว่ายน้ำอยู่กลางบ้าน เป็นคฤหาสน์ย่อมๆ เลยก็ว่าได้

แต่มีหลังหนึ่งที่แตกต่างไปจากหลังอื่น เพราะเหมือนเป็นหลังที่มีคนอยู่ประจำ แถมหน้าบ้านยังขึ้นป้ายขายด้วย

ป้ายขายบ้านคือสิ่งแรกที่เห็น ส่วนสิ่งที่สองที่ผมเห็นคือราวตากผ้าที่ตั้งอยู่ในลานจอดรถ

การมีราวตากผ้าที่เต็มไปด้วยผ้าที่ซักแล้วทำให้ความเป็นคฤหาสน์ดูดร็อปลงไปทันที


เวลาเราจะซื้อคอนโดหรือซื้อบ้านซักหลัง สิ่งหนึ่งที่พลาดไม่ได้คือการเดินชมห้องตัวอย่างหรือบ้านตัวอย่าง ซึ่งก็แต่งซะสวยมากจนอดคิดไม่ได้ว่าขอซื้อหลังนี้เลยได้มั้ย

แต่บ้านตัวอย่างไม่มีราวตากผ้า

ไม่มีถังแก๊ส

ไม่มีถังขยะสีดำที่รอทิ้ง

และไม่มีอะไรหลายๆ อย่างที่เราจะได้เจอเวลาย้ายเข้ามาอยู่จริง


เวลาเราคบหากับแฟน ต่างฝ่ายต่างก็พยายามหันส่วนที่ดีที่สุดให้อีกฝ่ายเห็น เลือกชุดมาอย่างดี ใส่น้ำหอมมาอย่างฟุ้ง พูดจาอย่างไพเราะ

ต่อเมื่อเราแต่งงานกันแล้วเท่านั้น เราถึงจะเห็น “ราวตากผ้า” ของชีวิตคู่ เช่นนิสัยไม่ดีที่ติดตัวมาแต่เด็ก ปัญหาเรื่องหนี้สิน รวมไปถึงการต้องมานั่งเปลี่ยนผ้าอ้อมที่เต็มไปด้วย !#@? ของลูกน้อย

เวลาสัมภาษณ์งานก็เช่นกัน ต่างฝ่ายต่างก็เอา “บ้านตัวอย่าง” ออกมาโชว์ ไม่ว่าจะเป็นเรซูเม่ของผู้สมัคร หรือวิสัยทัศน์ขององค์กร เราไม่มีทางรู้เลยว่าหัวหน้าคนที่สัมภาษณ์เราจะทำตัวยังไงเวลาที่เราทำงานไม่ถูกใจเขา และคนที่สัมภาษณ์เราก็มีโอกาสรู้น้อยมากว่าเรามีอะไรซ่อนอยู่ ต่อเมื่อได้เข้ามาทำงานจริงๆ กันซักพักแล้วเท่านั้น ถึงจะได้รู้ว่าหลายๆ อย่างมันไม่ได้เหมือนที่คิด


แล้วผมมีข้อแนะนำอะไรบ้าง? เอาจริงๆ ผมก็พยายามขบคิดหัวข้อนี้มาตั้งแต่ที่เห็นบ้านหลังนั้นแล้ว จนเวลาผ่านมาสองสัปดาห์ก็ยังไม่ได้มีคำตอบที่ดีนัก แต่เท่าที่คิดได้ก็คือ

ตอนซื้อบ้าน อย่าลืมคิดเผื่อด้วยว่า บ้านตัวอย่างเขาขาดอะไรอยู่บ้าง และถ้าเอาอุปกรณ์อย่างราวตากผ้า ถังแก๊ส หรือถุงขยะดำมาวาง เราจะวางไว้ตรงไหน

ตอนที่คบหากับแฟน ลองคิดเผื่อด้วยว่า ถึงวันที่เรามีลูกกัน เขาคือคนที่เต็มใจจะเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ลูกที่เต็มไปด้วย !#@? รึเปล่า

และเวลาจะสมัครงานที่ไหน การโทร.มาคุยกับคนที่ทำงานอยู่ในองค์กรนี้อยู่ก่อนแล้วน่าจะเป็นไอเดียที่ดี อย่างน้อยเขาน่าจะให้ข้อมูลเราได้ว่าทีมที่เราจะไปอยู่ด้วยนั้นเหมาะสมกับเราแค่ไหน และมีปัญหาอะไรที่เขาจะไม่มีทางบอกเราในชั่วโมงสัมภาษณ์

โดยสรุปก็คือต้องคอยเตือนตัวเองไม่ให้ฝันหวานไปกับบ้านตัวอย่างจนเกินไป แล้วพยายามคิดให้ออกว่า “ราวตากผ้า” ที่ซ่อนอยู่มีอะไรบ้าง

จะได้แน่ใจว่าเราคิดอย่างรอบคอบแล้วก่อนที่จะตัดสินใจเรื่องใหญ่ๆ ไม่ว่าจะเป็นการย้ายงาน แต่งงาน หรือซื้อบ้านครับ


อ่านบทความใหม่ทุกวันที่เพจ Anontawong’s Musings: facebook.com/anontawongblog

อ่านบทความทั้งหมด anontawong.com/archives

ดาวน์โหลดหนังสือ “เกิดใหม่” anontawong.com/subscribe/

มาจากไหนไม่สำคัญ

20170527_whereyoucomefrom

ที่สำคัญคือคุณจะไปไหนต่างหาก

“It doesn’t matter where you are coming from. All that matters is where you are going.”
– Brian Tracy

คนเราเกิดมาไม่เท่ากันอยู่แล้ว

คนที่ทำบุญมาดี จึงอาจได้เกิดมาในครอบครัวที่ฐานะดีกว่า มีสมองปราชญ์เปรื่องกว่า มีผิวพรรณหน้าตาที่ดีกว่าคนทั่วไป

แต่คนที่เกิดมาท่ามกลางความยากลำบากก็ใช่ว่าจะเสียเปรียบเสมอไป เพราะเขาจะมีทักษะที่ต่อให้มีเงินมากเท่าไหร่ก็จ้างใครมาสอนไม่ได้ เช่นความอดทนและความสู้ไม่ถอย

เราจึงไม่จำเป็นต้องไปขึ้นชกเวทีเดียวกับคนอื่น ถ้าเขาเป็นเฮฟวี่เวตก็ปล่อยเขา เราตัวเล็กหน่อยก็ไปต่อยรุ่นฟลายเวตก็ได้

ตราบใดที่เราไม่ปล่อยให้กิเลสครอบงำจนเกินไป ทำหน้าที่ของตัวเองให้เต็มที่ และคอยสำรวจตัวเองอยู่เสมอ ทุกๆ คนย่อมมีโอกาสเป็นแชมป์ในสังเวียนชีวิตนี้ได้ครับ


อ่านบทความใหม่ทุกวันที่เพจ Anontawong’s Musings: facebook.com/anontawongblog

อ่านบทความทั้งหมด anontawong.com/archives

ดาวน์โหลดหนังสือ “เกิดใหม่” anontawong.com/subscribe/