วันพ่อที่ผ่านมา ผมได้ไปดูหนังกับที่บ้านกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาครับ
ถือเป็นหนังเรื่องที่สองที่ได้ดูในรอบปี เพราะตั้งแต่มีลูกก็เพิ่งจะมีช่วงนี้แหละที่แฟนยอมออกจากบ้านมานานพอที่จะดูหนังได้
แม่ผมอยากดูพรจากฟ้ามาก อาจเป็นเพราะได้รับข้อความจากทางไลน์ว่าหนังเรื่องนี้ไม่ค่อยมีคนไปดูกัน ซึ่งผมก็แปลกใจเล็กน้อยเพราะตอนที่เปิดตัวใหม่ๆ ก็เห็นว่ามีกระแสอยู่พอสมควร แถมหนังเรื่องนี้ยังมีคู่พระคู่นางถึงสามคู่ น่าจะดึงให้คนไปดูได้ไม่ยาก
หนังเรื่องพรจากฟ้าประกอบด้วยสามเรื่องย่อย
เรื่องแรกเกี่ยวกับหนุ่มสาวที่ได้รู้จักกันในงานเลี้ยงนักเรียนทุนที่จะไปเรียนต่อต่างประเทศ (มีนาย นภัทร-วี วิโอเล็ตเป็นพระเอก/นางเอก)
เรื่องที่สองเป็นเรื่องราวของลูกสาวที่ต้องมาดูแลพ่อที่เป็นอัลไซเมอร์ (ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์-มิว นิษฐา)
และเรื่องสุดท้ายพูดถึงพนักงานออฟฟิศที่คิดตั้งชมรมดนตรีที่บริษัท (เต๋อ ฉันทวิชช์-หนูนา หนึ่งธิดา)
โดยตัวละครของทั้งสามเรื่องมีความเชื่อมโยงกันอย่างหลวมๆ
แต่ละเรื่องนั้นกำกับด้วยผู้กำกับคนละคน อารมณ์ความรู้สึกจึงแตกต่างกันอย่างชัดเจน เรื่องแรกหวาน เรื่องที่สองซึ้ง เรื่องสุดท้ายเน้นเฮฮา
หลังจากดูหนังจบแล้ว พวกเราก็ไปนั่งทานข้าวเที่ยงกัน และสิ่งเหล่านี้คือประเด็นที่อยู่ในบทสนทนาบนโต๊ะทานข้าว
1. ไดอะล็อกหรือบทสนทนาของหนังเรื่องแรกเขียนได้ฉลาด เป็นธรรมชาติ ทำให้น้องนายที่หน้าตาดีอยู่แล้วยิ่งดูมีเสน่ห์มากขึ้นไปอีก ผมเป็นผู้ชายยังเขินแทนนางเอกเลย
2. เพลงยามเย็นที่นำมาเรียบเรียงให้ร้องเป็นเสียงประสานแบบ A Cappella และทำท่าเต้นแบบ Body Percussion นั้นทำออกมาได้เจ๋งมาก เล่นเอาผมฮัมเพลงนี้ไปตลอดวัน กลับมาถึงบ้านก็ต้องมาเปิดดูเนื้อร้องเพื่อซึมซับเนื้อหาที่ลึกซึ้งและภาษาที่สละสลวยเหลือเกิน
3. มิวที่ต้องเล่นเป็นลูกสาวดูแลคุณพ่อแสดงได้ดีมาก ส่วนตัวผมชอบฉากที่พ่อกำลังจะขับรถออกจากบ้านไปหาแม่ แต่มิวมาหยุดเอาไว้และพยายามอธิบายให้พ่อฟังถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น
4. เราคุยกันว่าถ้าใครในบ้านเป็นอัลไซเมอร์นี่คงลำบากน่าดู น้องชายบอกว่าไม่ใช่แค่ลำบากอย่างเดียว แต่ยังอันตรายด้วย (อันตรายยังไงต้องไปดูในหนัง) ผมบอกว่า โรคอัลไซเมอร์นี่อาจจะป้องกันหรือลดความเสี่ยงได้ด้วยการนอนให้เพียงพอ เพราะเวลาเรานอนเซลล์ประสาทจะหดตัว และเปิดทางให้ของเหลวที่ไหลมาจากกระดูกสันหลังได้เข้ามาชะล้างโปรตีนที่มักจะมาเกาะตัวกับเซลล์และก่อให้เกิดโรคอัลไซเมอร์
5. เรื่องที่สามที่แสดงโดยเต๋อและหนูนานั้น พวกเราเด็กๆ เห็นตรงกันว่ามันล้นไปนิด แต่ผมเชื่อว่านี่น่าจะเป็นการทดลองอะไรบางอย่างของผู้กำกับ (พี่เก้ง จิระ มะลิกุล) ซึ่งก็ต้องขอแสดงความชื่นชมในความกล้าและขอเอาใจช่วยให้ค้นพบจุดที่ลงตัวนะครับ
6. เพลงพรปีใหม่ทำออกมาได้มีสีสันและอลังการมาก แฟนบอกว่าไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นคนแต่งเพลงนี้ (ผมเองก็เพิ่งมารู้เมื่อซักสี่ห้าปีที่แล้วนี่เอง)
7. นางเอกทั้งสามคนหน้าสดเกือบตลอดทั้งเรื่อง ทำให้ดูแปลกตาและน่ารักไปอีกแบบ
8. ตอนที่ดูหนังในโรง แฟนผมสะกิดให้หันไปดูแม่ ที่นั่งตัวตรงหลังไม่ได้พิงเบาะ ราวกับเด็กนักเรียนที่ตั้งใจแบบสุดๆ ออกจากโรงมาแม่ก็บอกว่าจะไปดูอีกรอบ และบอกผมว่าช่วยเขียนถึงหนังเรื่องนี้ให้หน่อย คนอื่นๆ จะได้มาดูบ้าง
9. ในหนังมีหลายวาระที่ทำให้น้ำตารินได้ ทั้งด้วยตัวบทหนังเอง เพลงที่ไพเราะจับใจ และความจริงที่ว่าคนที่แต่งเพลงเหล่านี้ไม่ได้อยู่กับเราแล้ว
หนังเรื่องพรจากฟ้า เป็นหนังที่ดูแลมีอะไรให้กลับมาคิดต่อเพลินๆ ได้มากมาย อยากให้ผู้อ่านได้ไปดูกันครับ ผมเชื่อว่า คุณจะได้รับพลังงานบางอย่างที่คีตราชันได้ประทานไว้ให้เป็นของขวัญสำหรับพวกเราชาวไทยทุกคน และเตือนให้พวกเราได้ตระหนักว่า ท่านไม่ได้จากเราไปไหนเลย
facebook.com/anontawongblog
anontawong.com/archives
Download eBook – เกิดใหม่
ขอบคุณภาพจาก Youtube: พรจากฟ้า