เคล็ดลับหลับสบาย

20150720_SleepwellSecret

เกือบทุกเย็นผมจะปั่นจักรยานปันปั่นไปหาแฟนที่ตึกเอ็มไพร์ และขับรถกลับบ้านด้วยกัน

สิ่งหนึ่งที่ผมมักจะทำเวลานั่งอยู่ในรถด้วยกัน คือถามว่า วันนี้มีเรื่องอะไรดีๆ เกิดขึ้นบ้าง 5 เรื่อง

ของแฟนผมได้แก่

1. ถึงที่ทำงานแต่เช้า ทำให้ทำงานได้อย่างมีสมาธิและงานเสร็จไปเยอะ
2. ไม่กินน้ำหวาน (หลังจากรู้ตัวว่าน้ำหนักขึ้นเร็วไปนิดจนหมอสูฯทัก)
3. ผมซื้อ Pretzel Wrap จาก Auntie Anne’s ไปให้ทาน
4. ผมต่อรองกับผู้รับเหมาสำเร็จ (ผมเจรจาไม่ค่อยเก่งเพราะใจอ่อนเกินไป)
5. ถ่ายท้องคล่อง (คุณแม่ตั้งครรภ์มักจะมีปัญหาท้องผูก)

เรื่องดีๆ ของผมได้แก่

1. ผู้รับเหมาขนของเข้าบ้านแล้ว (หลังจากใช้เวลาหามาร่วมครึ่งปี)
2. แม่ทำผลไม้ให้กิน แม้ว่าเมื่อคืนจะมีงอนกันนิดหน่อย
3. เจ้านายอนุมัติเรื่องงบงานชิ้นใหม่อย่างง่ายดายเกินคาด
4. อ่านหนังสือ The Life-Changing Magic of Tidying จบ
5. แฟนอารมณ์ดี แม้ว่าเขาจะทำงานหนักมาทั้งวัน

ถ้าใครไม่มีโอกาสทบทวนตอนเดินทางกลับบ้าน ก็ลองทบทวนด้วยการเขียนไดอารี่ก่อนเข้านอนก็ได้ครับ ได้ผลดีกว่าด้วยซ้ำเพราะเรามีเวลาคิดเงียบๆ คนเดียวอย่างช้าๆ

การทบทวนแบบนี้ ผมว่ามีข้อดีสองอย่าง

หนึ่ง ทำให้เราได้ลับสมองโดยย้อนกลับไปคิดว่าวันนี้ทำอะไรมาบ้าง
และสอง ทำให้เราเห็นคุณค่าในสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้น ไม่ว่ามันจะเล็กน้อยแค่ไหน

ที่น่าสนใจก็คือ แม้ว่าเราจะมีวันแย่ๆ มา เราก็ยังสามารถนึกเรื่องดีๆ ได้ครบห้าข้อได้ แม้ต้องใช้ความพยายามมากกว่าปกติซักหน่อยก็เถอะ

จริงๆ แล้วในวันแย่ๆ ยิ่งมีความจำเป็นที่จะต้องนึกถึงเรื่องดีๆ ห้าข้อ เพราะมันจะช่วยเปลี่ยนมู้ดเราได้เยอะเลย ทำให้เรามีความสบายใจขึ้น ปล่อยวางมากขึ้น และหลับได้สนิทขึ้นครับ

วิธีการใช้ Google ให้ชีวิตง่ายขึ้นอีกนิด

20150323_GoogleTips2

ผมเชื่อว่าทุกคนที่อ่านบล็อกนี้อยู่เคยใช้ Google

ใครไม่เคยช่วยติดต่อผมมาด้วยนะครับ อยากจะขอสัมภาษณ์หน่อยว่าทุกวันนี้มีชีวิตอยู่ได้อย่างไร

เราทุกคนพึ่งพาลุงกุ๊กหรืออากู๋ ในการหาข้อมูลทุกอย่างอยู่แล้ว

วันนี้ผมเลยอยากมาแชร์ วิธีการใช้งาน Google ของผมที่ทำเป็นประจำ และคิดว่าจะมีประโยชน์ครับ

1. หาศัพท์
2. แปลงค่า
3. เครื่องคิดเลข
4. ดูเวลา
5. หาข้อมูลในเว็บใดเว็บหนึ่ง
6. หาไฟล์
7. หาภาพด้วยภาพ

1. หาศัพท์

ก่อนอื่น จะขอบอกว่า ผมแทบไม่ได้เข้า http://www.google.com เลย

เพราะเวลาจะหาอะไร ผมจะพิมพ์ลงไปใน Address Bar ของ Chrome ตรงๆ ซึ่งมันก็จะเหมือนเป็นการพิมพ์ลง Google ดีๆ นี่เอง

(ใครที่ยังใช้ Internet Explorer อยู่ ขอบอกว่าเชยมั่กๆ นะครับ หันมาใช้ Chrome แล้วคุณจะติดใจ ส่วนมันจะดียังไงขอมาเล่าให้ฟังคราวหน้า)

วิธีการหาคำศัพท์ก็ง่ายๆ ครับ

แค่พิมพ์คำว่า define ต่อด้วยคำศัพท์ที่ต้องการ

เช่น น้องที่ออฟฟิศของผมคนหนึ่งบอกว่าเขาเปิดดิคชันนารีไม่เจอว่า Musing แปลว่าอะไร เห็นผมใช้เป็นชื่อบล็อกว่า Anontawong’s Musings

ผมก็แค่พิมพ์ลงไปว่า define musing

20130323_GoogleDefine

ก็จะได้ผลดังนี้ครับ

2015-03-23_225837
2. แปลงค่า

อันนี้ผมก็ใช้บ่อย โดยเฉพาะเวลาวางแผนไปเที่ยว เพราะตัวเลขมักจะมาเป็นสกุลเงินต่างๆ

เช่นถ้าผมอยากรู้ว่า 2471 ปอนด์เป็นเงินเท่าไหร่ ผมก็จะพิมพ์ว่า

2000 pounds in baht

2015-03-23_215323

หรือจะลองสกุลอื่นก็ได้นะครับ เช่น

30000 baht in yen

2015-03-23_215142

6000 euro in us dollars

หรือถ้าใครรู้ตัวย่อของสกุลเงิน จะพิมพ์ว่า

50000 THB in NZD

2015-03-23_215354

นอกจากแปลงค่าสกุลเงินแล้ว ยังแปลงพวกหน่วยอื่นๆ ได้ด้วย

เช่น

42.195 km in miles

2015-03-23_215441

หรือ

5 feet 10 inches in cm

2015-03-23_215545

หรือ

100 f in c

2015-03-24_174602

3. เครื่องคิดเลข

ใช้เครื่องหมาย * แทนเครื่องหมายคูณ และเครื่องหมาย / แทนเครื่องหมายหารก็ได้นะครับ

เช่น 120*85/9

2015-03-23_215750
หรือ

2^7-1

2015-03-23_215831

4. ดูเวลา

ก็พิมพ์ไปโต้งๆ นี่แหละครับ เช่น

what time is it in new york

2015-03-23_220015

5. หาข้อมูลในเว็บใดเว็บหนึ่ง

เช่นเรารู้ว่าเราเคยอ่านเนื้อหาประมาณนี้ในเว็บนี้ แต่พอใช้ search engine ในเว็บนั้นกลับไม่เจอ เราก็สามารถพิมพ์ว่า

site: ตามด้วยเว็บที่ต้องการ ต่อด้วยคำที่ต้องการค้นหาครับ

เช่น

site:anontawong.com หมอ

2015-03-23_221114

6. หาไฟล์

ให้พิมพ์คำว่า filetype: ต่อด้วยนามสกุลไฟล์ เช่นถ้าเราต้องการหาสไลด์หนังสือเรื่อง 7 habits of highly effective people ก็พิมพ์ว่า

filetype:ppt 7 habits of highly effective people

ถ้าอยากจะคำนวณภาษี ก็อาจต้องหาไฟล์ Excel ที่นามสกุล xls

filetype:xls คำนวณภาษี

2015-03-23_220357

หาหนังสือออนไลน์ของคุณดังตฤณ

filetype:pdf ดังตฤณ

2015-03-23_220533

7.หาภาพด้วยภาพ

สมมติว่าเรามีภาพอยู่ภาพหนึ่งแต่ขนาดเล็กเกินไป

เราก็สามารถบอก Google ให้หาไฟล์ภาพเดียวกันนี้ได้ครับ

อย่างเช่นภาพนี้จากบล็อก Pic & Pause: Photo taken after a 23-hour long heart transplant surgery

ผมก็แค่ดาวน์โหลดรูปนี้หรือก๊อปปี้ Image URL

แล้วเข้าไปที่ http://images.google.com

แล้วกดไปที่เครื่องหมาย กล้องถ่ายรูป แล้วก็ระบุรูปที่ต้องการจะหา

Google ก็จะแสดงผลการหารูปที่ใกล้เคียงมาให้เราดู โดยระบุให้ด้วยว่า แต่ละรูปมีขนาดความกว้างคูณยาวเท่าไหร่

ดูสาธิตได้ในวีดีโอนี้ครับ

และนี่คือวิธีการใช้ Google ที่ผมใช้เป็นประจำนะครับ

ใครมีอะไรอยากนำเสนอ tricks เพิ่มเติมก็ขอเชิญได้เลยนะครับ!

แต่ขอละเว้น tricks ประเภท 21 Amazing Things You Didn’t Know You Could Do With Google นะครับ

เพราะมัน Amazing ก็จริง แต่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไหร่ครับ

—–

Credits: Google Doodle: Thai Language Day

วิธีไฮไลท์หนังสือทั้งเล่มด้วยดินสอแท่งเดียว

20150202_Highlight

แต่ก่อนตอนที่ผมเรียนอยู่ที่ Asian U ผมเห็นรุ่นน้องบางคนชอบไฮไลท์หนังสือมาก

คุณเธอจะมีปากกาไฮไลท์อยู่ 3-4 สี แล้วก็จะใช้แต่ละสีสลับกัน

ผมจำไม่ได้แล้วว่าสีแต่ละสีของน้องเค้ามีความหมายรึเปล่า หรือแค่เปลี่ยนสีเพื่อให้มันดูสวยๆ เฉยๆ

ไฮไลท์ไปไฮไลท์มา ก็เลยมีสีไฮไลท์เกือบเต็มหน้า คล้ายๆ กับรูปประกอบด้านบนนี่แหละ

เพื่อ!?

ผมเองก็เป็นคนชอบปากกาไฮไลท์นะครับ

ติดอยู่อย่างเดียวคือมันแพง และพกพาไม่สะดวกด้วย

ในช่วงหลายๆ ปีที่ผ่านมาผมก็เลยคิดวิธีไฮไลท์ตามสไตล์ของผมเอง

และวันนี้ก็เลยอยากมานำเสนอครับ!

หลักๆ ผมจะมีวิธีการไฮไลท์อยู่ 5 แบบดังนี้ครับ

HighlightSymbolsAll

มาดูกันนะครับว่าแต่ละอันหมายความว่าอย่างไร

HighlightSymbol_Word

อันแรกน่าจะเดาไม่ยาก ผมเอาไว้วงพวก keywords ที่พอมองผ่านๆ ก็จะพอรู้ว่าเนื้อหามันเกี่ยวกับเรื่องอะไร

ถ้าเป็นหนังสือภาษาอังกฤษ ในบางครั้ง ผมก็อาจจะใช้วงรีอันนี้ไฮไลท์คำที่ผมไม่รู้จัก จะได้กลับมาเปิดดิคทีหลังได้

หรือถ้าเจอรูปประโยคภาษาอังกฤษที่น่าสนใจ ผมก็อาจจะขีดเส้นใต้เอาไว้

ผมจะไม่พูดถึงการขีดเส้นใต้นะครับ เพราะมันเป็นการไฮไลท์ที่ทุกคนก็รู้จักกันดีอยู่แล้ว ขอไปอันถัดไปเลยดีกว่า

HighlightSymbol_Lines

ผมจะขีดเส้นนี้ไว้ใน margin ซึ่งก็คือช่องว่างระหว่างตัวหนังสือกับขอบกระดาษนั่นเอง

เครื่องหมายนี้ไว้ขีดบอกว่าบรรทัดต่อไปนี้ สำคัญ โดยความยาวของเส้นขึ้นอยู่กับจำนวนบรรทัดที่อยากกลับมาอ่านใหม่ ยิ่งบรรทัดเยอะ เส้นก็จะยาวยิ่งขึ้นด้วย

แต่ถ้ามันสำคัญหลายบรรทัดมากๆ เช่น 10 บรรทัดหรือครึ่งหน้าล่ะ?  ถ้าขีดเส้นยาวๆ คงดูเลอะเทอะน่าดู ผมเลยใช้เครื่องหมายนี้ครับ

Top

เครื่องหมายที่คล้ายๆ ตัว T แหว่ง แปลว่า ให้อ่านตั้งแต่จุดนี้ลงไปจนถึงบรรทัดล่างสุดของหน้านั้น

Bottom

ส่วนเครื่องหมายตัว L ก็คือให้อ่านจากบรรทัดนี้ขึ้นไปจนถึงบรรทัดแรกของหน้านั้น

และถ้าหากใช้คู่กันแบบนี้

Top

Bottom

ก็แปลว่าให้อ่านจากบรรทัดของหัวตัว T ลงไปจนถึงบรรทัดที่เป็นท้ายตัว L ครับ

ตัว T แหว่งกับตัว L นี่ ถ้าไปเขียนอยู่บนหน้าขวา (หน้าเลขคี่) ก็จะดูไม่ธรรมชาติเท่าไหร่ ดังนั้นมันจะกลายร่างนิดหน่อย กลายเป็นแบบนี้ครับ

HighlightSymbol_ToBottom_Right

HighlightSymbol_ToTop_Right

ส่วนเครื่องหมายสุดท้ายที่คล้ายเครื่องหมายบวก +

HighlightSymbol_Essentialก็คือเครื่องหมายดอกจัน * แต่เขียนแบบคนขี้เกียจนั่นเอง  มันแปลว่าสองสามบรรทัดนี้ เป็นประโยคสำคัญมาก ถ้าจะกลับมาพลิกอ่านหนังสือนี้แค่แป๊บเดียว ก็อ่านเฉพาะที่มาร์คว่าเป็นดอกจันนี้ก็พอ

พอเอามาใช้งานจริงก็จะได้ประมาณนี้ครับ อันนี้ผมเปิดเอาจากที่เคยไฮไลท์ไว้จริงๆ ในหนังสือ The Buddha Said ของ Osho นะครับ จะเห็นได้ว่าขาดเครื่องหมายแรก (วงรี) ไป แต่ที่เหลือก็มีหมดครับ

Highlight_Example

ก็เป็นอันจบวิธีการไฮไลท์หนังสือทั้งเล่มด้วยดินสอแท่งเดียวด้วยประการฉะนี้

ใครอยากเอาไปใช้ก็เชิญได้เลยนะครับ ไม่คิดค่าลิขสิทธิ์

แต่ถ้าใครคิดเอาไปต่อยอด หรือมีวิธีการที่ดีกว่าก็มาบอกกล่าวกันด้วยนะครับ!