นิทานปลาดาว

20150226_Starfish

ผมจำไม่ได้แล้วว่า ตอนเด็กๆ พ่อกับแม่อ่านนิทานให้ฟังก่อนนอนรึเปล่า

แต่ที่จำได้แม่นคือพ่อแม่ผมเคยซื้อหนังสือชุดนิทานอีสปให้ เป็นกระเป๋าสีเนื้อใบใหญ่ ในนั้นมีทั้งหนังสือภาพและเทปให้เปิดฟัง ผมจำได้ว่ามีความสุขมากกับการอ่านและฟังนิทานชุดนี้

ความเจ๋งของนิทานคือมันจะติดตัวเราไปหลายสิบปี เพราะมันมีข้อคิดดีๆ และความจริงของชีวิตอยู่ในนั้น

แต่พอเราเริ่มโตเป็น “ผู้ใหญ่” เราก็ฟังนิทานน้อยลงไปเรื่อยๆ  และหยุดฟังหยุดอ่านไปโดยไม่รู้ตัว

ซึ่งจะว่าไป “ผู้ใหญ่” อย่างเราก็เหมือนเสียโอกาสในการเสพความรื่นรมย์อันเรียบง่ายนี้ไปโดยปริยาย

วันนี้ผมเลยมีนิทานมาเล่าให้ฟังครับ

เป็นนิทานที่ผมไม่ได้ฟังบนเตียงนอนหรือจากเทปม้วนใด

แต่ฟังในหอประชุมตอนผมอยู่ชั้น มัธยมปลายที่ประเทศนิวซีแลนด์

คนเล่านิทานเป็นอาจารย์ใหญ่ตัวโตชื่อมิสเตอร์เบอโร่

เรื่องราวอาจจะผิดเพี้ยนไปบ้าง เพราะผมขอใส่สำนวนตัวเองลงไป ถ้าอ่านสะดุดหรือไม่ได้อรรถรสอย่างไรก็ให้อภัยกันนะครับ

—–

เช้าวันหนึ่ง ชายชราลงไปเดินเล่นที่ชายหาด

เมื่อกวาดสายตาไปบนหาดทรายสีขาวที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา เขาก็มองเห็นปลาดาวนับพันตัวนอนเกยตื้นอยู่

ปลาดาวพวกนี้คงถูกพัดพามาช่วงที่น้ำขึ้น และพอตอนน้ำลงมันคงว่ายกลับลงไปไม่ทัน จึงมานอนแอ้งแม้งอย่างที่เห็น

แสงจากพระอาทิตย์เริ่มร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ อีกไม่กี่ชั่วโมงปลาดาวทั้งหลายก็จะแห้งตาย

ขณะที่ชายชรากำลังนึกสงสารปลาดาวผู้โชคร้ายเหล่านั้น เขาก็มองเห็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งกำลังก้มๆ เงยๆ หยิบปลาดาวเขวี้ยงลงไปในทะเล

ชายชราจึงเดินไปใกล้ๆ แล้วเอ่ยว่า “ทำอะไรอยู่รึเจ้าหนู?”

“ผมกำลังช่วยชีวิตปลาดาวอยู่ครับ”

“เอาจริงเหรอ หาดนี้ยาวมากนะ ปลาดาวก็มีเป็นพันเป็นหมื่นตัว เธอจะไปช่วยมันทันได้อย่างไร รู้ตัวรึเปล่าว่าสิ่งที่เธอทำมันแทบไม่มีความหมายอะไรเลย” (What you are doing doesn’t make any difference)

เด็กชายคนนั้นยิ้มให้ชายชรา ก้มลงหยิบปลาดาว ชูมันขึ้นมา แล้วพูดว่า

“มีสิครับ อย่างน้อยมันก็มีความหมายกับปลาดาวตัวนี้” (Oh yes it does. It makes a difference to this starfish)

แล้วเด็กผู้ชายก็เขวี้ยงปลาดาวตัวนั้นลงทะเลไป ก่อนจะก้มลงไปเก็บปลาดาวขึ้นมาอีกตัว

“แล้วก็ตัวนี้…แล้วก็ตัวนี้…แล้วก็ตัวนี้…”

—–

ผมตั้งใจไว้แล้วว่า วันไหนมีลูก จะเล่านิทานเรื่องนี้ให้ลูกฟังก่อนนอน

หลับฝันดีครับทุกคน

Leave a comment