ทำไมคนไทยไม่ตรงต่อเวลา

20191129b

นี่เป็นคำถามที่ผมสงสัยมานานแล้ว และเคยพยายามคิดคำตอบเอาเองในบทความเรื่อง “ความตรงต่อเวลาของฝรั่ง”

วันนี้ได้อ่านเจอบทความอีกชิ้นหนึ่งที่ฝรั่งเป็นคนมาตอบคำถามข้อเดียวกันนี้ ผมคิดว่าน่าสนใจมาก เลยอยากนำมาเล่าสู่กันฟังครับ

—–

คำถาม: วัฒนธรรมอะไรของคนไทยที่คนต่างชาติรู้สึกว่าแปลกประหลาด?

คำตอบโดย Charissa Enget (นักศึกษาปริญญาโทที่อยู่เมืองไทยมาตั้งแต่ปี 2018)

ผู้หญิงไทยคนหนึ่งให้ฉันดูภาพ 3 ภาพ และให้ฉันบรรยายภาพทั้งสามแบบคร่าวๆ

ภาพแรกเป็นตัวการ์ตูน Peppa Pig นั่งอยู่ในห้องเรียน ฉันบรรยายไปว่าในห้องมีเด็กนักเรียนอยู่ 8 คน นาฬิกาบอกเวลา 4 โมงเย็น ฉันเลยรู้สึกว่ามันแปลกๆ ที่พวกเด็กๆ ยังอยู่ที่โรงเรียนกัน

ภาพที่สองเป็นภาพผู้ชายยืนอยู่ในห้องนอน หน้าตาเขาดูเศร้าๆ ส่วนภรรยาของเขาก็กำลังร้องไห้อยู่ในห้องน้ำ นาฬิกาบอกเวลา 12 นาฬิกา ฉันเลยคิดว่านี่น่าจะเที่ยงคืนแล้ว และทั้งคู่คงทะเลาะกันจนยังไม่ได้เข้านอน

ภาพที่สามเป็นภาพของครอบครัวกำลังนั่งกินข้าวด้วยกัน เข็มนาฬิกาชี้ไปที่เลข 6 ฉันเลยบรรยายว่าตอนนี้น่าจะเป็นเวลา 6 โมงเย็น พวกเขากำลังรับประทานอาหารเย็นด้วยกันหลังเลิกเรียน ฉันพูดถึงชุดที่เขาใส่และเฟอร์นิเจอร์ในครัว

หลังจากที่ฉันบรรยาย 3 ภาพนี้จบ ผู้หญิงที่ถามฉันก็อธิบายเหตุผลให้ฟัง

“เรากำลังศึกษาว่าคนต่างชาติคิดถึงเวลาอย่างไรเมื่อเทียบกับคนไทย คุณสังเกตเห็นนาฬิกาและพูดถึงเวลาในทุกๆ ภาพ ซึ่งตรงกับคนต่างชาติอีก 95% ที่เราได้คุยด้วย แต่พอเราเอาภาพนี้ให้คนไทยดู มีเพียง 20% เท่านั้นที่พูดถึงเวลา”

คนไทยไม่ค่อยให้ความสำคัญต่อเวลา ที่มหาวิทยาลัยที่ฉันเรียนอยู่ คลาสทุกคลาสจะเริ่มช้า 15 นาทีเสมอ เดดไลน์ต่างๆ มักจะต่อรองได้ คนมาสาย 1 ชั่วโมงโดยไม่ต้องขอโทษขอโพยอะไร ฉันช็อคมากตอนที่ย้ายมาอยู่ที่นี่ใหม่ๆ

นิสัยไม่ตรงต่อเวลาเป็นเรื่องปกติของคนในประเทศเขตร้อน เท่าที่ฉันสังเกต คนฟิลิปปินส์ดูจะมีความตรงต่อเวลาน้อยกว่าคนไทยเสียอีก

หลายคนตั้งสมมติฐานว่ามันเป็นเพราะดินฟ้าอากาศ เวลาเป็นเรื่องคอขาดบาดตายสำหรับคนอเมริกันและคนยุโรป ถ้าเราไม่เก็บเกี่ยวพืชผลให้ทันก่อนฤดูหนาวจะมาเยือน พวกเราก็จะอดตาย ฤดูกาลทั้งสี่นั้นแตกต่างกันอย่างชัดเจนและคอยย้ำเตือนว่าวันคืนกำลังหมุนไปและเหลือเวลาอีกเท่าใดกว่าฤดูหนาวจะกลับมาอีกครั้ง วัฒนธรรมของเราจึงให้ความสำคัญต่อการตรงต่อเวลา และมันก็ส่งผลต่อชีวิตเราในทุกแง่มุมตราบจนทุกวันนี้

แต่สำหรับเมืองไทย ฤดูกาลไม่เคยเปลี่ยน ฤดูหนาวไม่เคยมาถึง คนไทยเลยไม่เคยต้องเตรียมอาหารให้พร้อมสำหรับฤดูหนาว ผลไม้และข้าวปลูกได้ทั้งปี อากาศที่ร้อนอย่างสม่ำเสมอทำให้คนไทยไม่ค่อยรู้สึกถึงการผ่านไปของเวลาและรู้สึกว่าอะไรๆ ก็ยังเหมือนเดิม

ด้วยเหตุผลนี้พวกเขาจึงไม่ได้ให้ความสำคัญกับเวลาเพราะพวกเขามีเวลาเหลือเฟือ ถ้าวันนี้ยังไม่ได้เกี่ยวข้าวก็ค่อยทำพรุ่งนี้ก็ได้

แปลกดีมั้ยที่ความเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลสามารถส่งผลต่อวัฒนธรรมได้ถึงเพียงนี้?


ถ้ายังไม่หนำใจ เข้าไปอ่านความเห็นของคนที่ได้อ่านบทความนี้ได้ในตอน ทำไมคนไทยไม่ตรงต่อเวลา (อภิปราย)

ติดตาม Anontawong’s Musings ทาง LINE: bit.ly/tgimline

ขอบคุณเนื้อหาจาก Quora: Charissa Enget’s answer to What are some things about Thai culture that foreigners find absurd?

ภาพโดย Sasin Tipchai จาก Pixabay

นิทานสิงโตหิว

20191129

วันนี้วันศุกร์ มาฟังนิทานกันนะครับ

สิงโตตัวหนึ่งตื่นขึ้นมาด้วยความหิวโหย มันจึงเริ่มออกหาอาหาร

สิงโตเห็นกระต่ายวิ่งผ่านมา มันจึงไล่กวดและตะครุบกระต่ายได้อย่างรวดเร็ว

ในขณะที่มันกำลังจะกินกระต่าย สิงโตก็เหลือบไปเห็นกวางอีกตัวอยู่ลิบๆ สิงโตคิดว่าถ้าได้กินกวางคงอิ่มกว่าแน่ มันจึงทิ้งกระต่ายและวิ่งไล่กวดกวางแทน

แต่กวางวิ่งเร็วและอึดกว่าที่คาด สิงโตวิ่งอยู่ได้ไม่นานก็หมดแรง จึงบอกตัวเองว่ากลับไปกินกระต่ายดีกว่า

มันรีบกลับไปยังจุดที่มันจับกระต่ายได้ แต่อนิจจากระต่ายป่าได้หายไปแล้ว

หิ่งห้อยไม่หลงทางเพราะมีแสงสว่างในตัวเอง

20191127

หิ่งห้อยนั้นตัวกระจิ๊ดริด แสงที่มันปล่อยออกมาก็น้อยนิด ดูจะอ่อนแรงกว่าแสงเทียนเสียด้วยซ้ำ

แต่ไม่ว่าจะที่แจ้งหรือที่มืด จะเป็นถ้ำลึกสักแค่ไหน แสงอ่อนๆ ของหิ่งห้อยก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้มันเห็นทางข้างหน้า

ชีวิตคนเราก็เช่นกัน ไม่จำเป็นต้องมองเห็นทางที่ทอดไกล ขอแค่เพียงรู้ว่ายี่สิบเมตรถัดไปจะมีอะไรบ้างก็พอ

แสงสว่างในชีวิตคนก็คือความรู้สึกตัว คิดอะไรก็รู้ ทำอะไรก็รู้ ไม่มัวแต่หลงอยู่ในความคิดจนลืมเนื้อลืมตัว

เมื่อได้ฝึกฝนจนเรามีแสงสว่างในตัวเอง แม้ในวันที่มืดมนเราก็ไม่ต้องกลัวหลงทางอีกต่อไปครับ

—–

ขอบคุณประกายความคิดจากหนังสือเปลวไฟกลางสายธาร โดยเขมานันทะ

เมื่อเพื่อนบ่นว่าทำไมตัวเองไม่มีแฟนสักที

20191127c

ลองถามเขากลับว่าอยากมีจริงๆ เหรอ

การมีแฟนหรือไม่มีแฟนนั้นเกิดจากหลายปัจจัย

หน้าตา นิสัย โอกาส และอื่นๆ อีกมากมาย

แต่ที่บางคนยังไม่มีแฟน ก็เพราะตัวเองไม่ได้อยากมีจริงๆ หรอก ยังพอใจกับชีวิตคนโสด มีอิสระ อยากทำงานเยอะแค่ไหน อยากจะไปเที่ยวกับใครก็ไม่ต้องคอยรายงานตัว

หรือบางคนอาจจะอยากมีจริงๆ แต่ปฏิเสธที่จะเปลี่ยนวิธีคิดและวิธีทำ ไม่ได้พาตัวเองไปเจอคนใหม่ๆ หรือพอเจอแล้วก็ดันไม่กล้าเข้าไปคุย ไม่กล้าบอกความรู้สึกเพราะกลัวถูกปฏิเสธ ไม่หาความรู้เพิ่มเติมเรื่องการสร้างความสัมพันธ์ สุดท้ายก็มาบ่นว่าเหงาจังเลย

โอเค เราคนไทย เรื่องโชคชะตาและพรหมลิขิตก็คงมีส่วน

แต่กรรมเก่าหรือจะสู้กรรมปัจจุบัน?

“If you don’t get what you want, it’s a sign either that you did not seriously want it, or that you tried to bargain over the price.”
-Rudyard Kipling

ของทุกอย่างมีราคาของมัน ไม่ว่าจะเป็นแฟน งานในฝัน หรือเงินในกระเป๋า

ถ้าอยากได้ ก็ต้องยอมจ่ายให้สมน้ำสมเนื้อนะครับ

อยู่กับหมาไม่ต้องวางฟอร์ม

20191125c

นี่อาจเป็นเหตุผลที่หลายคนชอบเลี้ยงสัตว์

เราไม่เคยต้องกังวลว่าใส่เสื้อตัวนี้หมามันจะมองเราว่าเชยรึเปล่า

หรือถ้าใช้มือหยิบไก่ทอด แมวจะมองว่าเราไม่มีมารยาทรึเปล่า

เมื่ออยู่กับสัตว์ เราไม่เคยต้องห่วงสายตาที่คอยประเมินหรือตัดสิน

เช่นเดียวกับการไปอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ เราไม่ต้องห่วงสายตาของต้นไม้ ใบหญ้า หรือก้อนหิน เราจึงเป็นตัวของตัวเองได้เต็มที่

ต่างกับตอนที่เราอยู่กับคน ที่ทำให้เราสร้างตัวตนขึ้นมาเสมอ

อยู่ที่ทำงานเราก็เป็นแบบหนึ่ง อยู่กับแฟนเราก็เป็นแบบหนึ่ง อยู่กับแม่เราก็เป็นแบบหนึ่ง อยู่กับลูกเราก็เป็นอีกแบบหนึ่ง

จนบางทีก็อดสงสัยไม่ได้ว่าแท้จริงแล้วเราเป็นคนแบบไหนกันแน่

ถ้าอยู่กับคนแล้วเหนื่อยกับการสวมบทบาท ลองเอาตัวเองไปอยู่กับสัตว์เลี้ยงหรือธรรมชาติดูบ้าง

เผื่อจะได้ไม่ต้องดัดแปลงหรือวางฟอร์ม

เผื่อจะได้พบกับตัวเราที่แท้จริงครับ