เราทุกคนล้วนถูกสอนให้เตรียมตัวเข้าสู่วัยเกษียณด้วยการวางแผนทางการเงินให้ดี
แต่ทำไมมีแต่คนสอนให้เตรียมพร้อมทางการเงิน (financial) แต่กลับไม่มีคนสอนให้เตรียมพร้อมด้านจิตใจ (psychological) กันบ้างเลย?
ทุกๆ วันจะมีชาวอเมริกันเกษียณวันละ 10,000 คน และจะเป็นแบบนี้ไปอีก 10-15 ปี คิดเป็นคนหลายสิบล้านคน อารมณ์ไม่ต่างกับสึนามิแห่งคนชรา
และเนื่องจากอายุคาดเฉลี่ยของเราจะยืนยาวขึ้น จึงมีความเป็นไปได้ที่เราจะต้องใช้เวลาถึง 1 ใน 3 ของชีวิตเราในวัยเกษียณ
ไรลี่ย์ มอยนส์ (Riley Moynes) ไม่ค่อยมีความสุขกับชีวิตหลังเกษียณเท่าไหร่ เขารู้ว่า “ความสำเร็จ” ในวัยทำงานต้องทำยังไงบ้าง แต่ความสำเร็จในวัยเกษียณนั้นเขาไม่รู้ว่ามีหน้าตาเป็นอย่างไร
เขาจึงไปนั่งคุยกับคนวัยเกษียณหลายสิบคนและได้ข้อสรุปออกมาว่าวัยเกษียณมี 4 ระยะด้วยกัน
ระยะที่ 1 – พักร้อน (Vacation)
นี่คือภาพจำที่คนส่วนใหญ่มีสำหรับวัยเกษียณ จะตื่นกี่โมงก็ได้ จะทำอะไรก็ได้ จะไปไหนก็ได้ ไม่ต้องทำตามคำสั่งใคร ใช้ชีวิตได้อย่างสบายใจ
ระยะที่ 1 นี้จะมีความยาวประมาณหนึ่งปีเท่านั้น แล้วเราก็จะเริ่มเบื่อ แล้วเราจะเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองว่าวัยเกษียณมีแค่นี้เองหรือ และนั่นคือสัญญาณว่าเรากำลังเข้าสู่…
ระยะที่ 2 – สูญเสียและหลงทาง (Loss and Lost)
นี่คือช่วงที่เราจะรู้สึกสูญเสีย Big Five อันได้แก่
สูญเสียกิจวัตร (routine) เนื่องจากตื่นไม่เป็นเวลา นอนไม่เป็นเวลา ใช้ชีวิตแบบไร้แบบแผนมานาน
สูญเสียอัตลักษณ์ (identity) เนื่องจากถอดหมวกการทำงานออกไปแล้ว ไม่มีตำแหน่งแห่งหนใดๆ ก็เลยเริ่มไม่แน่ใจว่าตัวเองเป็นใครหรือยังเป็นอะไรได้อยู่รึเปล่า
สูญเสียความสัมพันธ์กับเพื่อนที่ทำงาน (relationships with people at work) เมื่อไม่ได้ทำงาน ความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานก็ย่อมต้องห่างเหินไปด้วย
สูญเสียจุดมุ่งหมาย (sense of purpose) ไม่รู้ว่าวันนี้จะตื่นมาเพื่ออะไร
สูญเสียอำนาจ (power) เมื่อถอดหัวโขนออก สิ่งที่เคยทำได้ก็ทำไม่ได้อีกต่อไป
นอกจาก Big Five ที่หายไปแล้ว เราอาจยังต้องเจอ 3D อีกด้วย
Divorce – แยกทางกับคู่ชีวิต
Depression – ความซึมเศร้าเหงาหงอยไร้ค่า
Decline – ความทรุดโทรมทั้งทางร่างกายและสติปัญญา
นี่คือระยะที่ยากลำบากที่สุด เพราะผู้คนส่วนใหญ่ไม่ได้เตรียมใจจะเจอสิ่งเหล่านี้ จึงรู้สึกเจ็บปวดและหลงทางอยู่พอสมควร จนกว่าจะถึงวันที่ลุกขึ้นมาบอกกับตัวเองว่า “เราจะอยู่แบบนี้ไปจนชั่วชีวิตไม่ได้” ก็แสดงว่าเรากำลังจะเข้าสู่…
ระยะที่ 3 – ลองผิดลองถูก (Trial & Error)
นี่คือการตั้งคำถามกับตัวเองว่า เราจะกลับมามีคุณค่าได้อย่างไร
ช่วงนี้เราอาจจะได้ลองทำอะไรหลายๆ อย่างที่เคยอยากทำ เช่นไปลงเรียนเพิ่มเติม ไปเป็นอาสาสมัครหรือกรรมการหมู่บ้าน หรือเปิดคอร์สสอนวิชาที่เราช่ำชอง
ช่วงที่ลองผิดลองถูกนั้นเราอาจจะเจอความผิดหวังมากกว่าสมหวัง แต่เราก็ต้องหาให้เจอว่าเหตุผลของการตื่นนอนตอนเช้าของเราคืออะไร ไม่เช่นนั้นแล้วเราอาจจะกลับไปอยู่ระยะที่ 2 อีกก็ได้
แต่หากไม่หยุดค้นหาและให้เวลากับตัวเองมากพอ เราก็จะเดินทางถึง…
ระยะที่ 4 – สร้างตัวตนใหม่ (Reinvent & Rewire)
นี่คือระยะที่เราสามารถหากิจกรรมที่ทำให้เรามีจุดมุ่งหมายและได้สัมผัสความสำเร็จ ซึ่งเกือบจะร้อยทั้งร้อยล้วนเป็นการทำอะไรเพื่อคนอื่น
บิลเป็นชายวัยเกษียณที่เชื่อว่าเราควรทำกิจกรรมที่ลับสมองอยู่เป็นประจำ เขาจึงไปชวนเพื่อนวัยเดียวกันมาเปิดคลาสสอนเรื่องที่พวกเขาถนัด
ปีแรกเปิดสอนไป 9 วิชา มีคนเข้าเรียน 200 คน
ปีที่สองเปิดสอน 45 วิชา คนเรียน 700 คน
ปีที่สามเปิดสอน 90 วิชา และมีคนเรียน 2,100 คน
วิชาที่สอนก็เช่นวาดรูป ปั่นจักรยาน ไพ่บริดจ์ ไพ่นกกระจอก รวมถึงสอนภาษาอังกฤษให้กับเด็กต่างชาติด้วย แน่นอนว่าต้องใช้พลังมหาศาลทั้งคนสอนและคนเรียนแต่ก็สนุกสนานกันมากเลยทีเดียว
ที่สำคัญ Big Five ที่เคยทำหล่นหายไปในระยะที่ 2 ก็กลับมาด้วย ไม่ว่าจะเป็นกิจวัตร อัตลักษณ์ ความสัมพันธ์ จุดมุ่งหมาย และความรู้สึกว่าตัวเองมีสิทธิ์มีเสียง
ดังนั้น สำหรับคนที่กำลังจะเกษียณ:
ขอให้สนุกกับการพักร้อนในระยะที่ 1
เตรียมใจพบกับความสูญเสียในระยะที่ 2
พร้อมจะลองผิดลองถูกในระยะที่ 3
และใช้วัยเกษียณให้คุ้มค่าและอิ่มเอมในระยะที่ 4 ครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก TedX Talks: The 4 phases of retirement | Dr. Riley Moynes | TEDxSurrey