Pic & Pause: Pride will make you strong, but not happy

20150306_PicPause_UseHeartNotHead

ผมเคยอ่านเจอซักที่นึงว่าดร.ประเวศ วะสี มักจะให้คำอวยพรแก่คู่บ่าวสาวในงานแต่งงานว่า “เวลาทะเลาะกัน อย่าใช้เหตุผล”

ซึ่งคงขัดกับ common sense ของหลายๆ คนว่า แล้วจะให้ใช้อารมณ์หรือไง

แต่อาจารย์ประเวศก็ขยายความว่า การใช้เหตุผล หรือใช้หัวสมองนั้น คือการงัดเอาตรรกะหรือหลักฐานมาต่อสู้กัน ซึ่งสุดท้ายแล้ว อาจจะไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นมา

แต่ถ้าเราคุยกันโดยใช้หัวใจ ใช้ความรักที่เรามีให้กัน การคุยกันจะง่ายขึ้น

เพราะมันไม่ใช่เรื่องของหัวสมองอีกต่อไป

แต่เป็นเรื่องของหัวใจสองดวงที่พร้อมจะโอบกอดกัน

—–

Photo Credit: Karan Bansal on Quora

รักยังคงอยู่

20150228_IlMare

วันนี้เป็นวันสุดท้ายในเดือนแห่งความรัก

จึงขอนำ “ท่อนฮุค” ใน il Mare มาย้อนเวลาให้ท่านผู้อ่านที่เคยดูหนังสุดโรแมนติคเรื่องนี้ครับ

“ที่เราต้องเจ็บปวดกับความรักน่ะ ไม่ใช่เพราะมันจากไปหรอก
แต่เพราะมันยังคงอยู่ต่างหาก
ถ้าวันนี้คนสองคน ต่างหมดรักกันไป
คงไม่มีใครต้องเสียใจมากนัก
แต่กลับเป็นเพราะรักที่ยังอยู่ในใจคุณนั่นเอง
ที่ทำให้คุณปล่อยวางลงไม่ได้”

ในทางศาสนาพุทธ ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์

เพราะความรักแบบโลกๆ นั้น เป็นความรักที่ใช้ตัวเองเป็นตัวตั้ง

แต่ในเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไป ทุกสิ่งทุกอย่างคงทนอยู่ไม่ได้ และทุกสิ่งทุกอย่างไม่สามารถบังคับได้ดั่งใจเรา จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เราจะมีทุกข์เพราะความรัก

ผมก็หวังว่าวันหนึ่ง จิตใจจะเติบโตมากพอที่จะมีรักโดยไม่เอาตัวเองเป็นตัวตั้งได้

เมื่อนั้น ความรักคงจะไม่ทำร้ายใคร

ไม่ว่ารักนั้นจะจากไป หรือจะยังคงอยู่ก็ตาม

—–

Source: Dek-D

—–

หากต้องการรับ Newsletter รายเดือน (รวมเรื่องราวคัดสรรพร้อมบทความพิเศษ) สามารถสมัครได้ที่นี่ครับ

นิ่งเสียตำลึงทอง

20150217_SilenceGoodAnswer

บางทีความเงียบก็เป็นคำตอบที่ดีที่สุด

แต่ละวัน เราจะเจอสถานการณ์ที่กระตุ้นให้เราอ้าปากเสมอๆ

เคยมั้ย ที่ใครเอาเรื่องอะไรที่เรารู้แล้วมาบอกเรา เราจะตอบออกไปว่า “รู้แล้ว” หรือ “อ๋อ เคยคิดแล้วล่ะ”

ทั้งๆ ที่จริงๆ คำตอบที่ดีที่สุดน่าจะเป็นคำว่า “ขอบคุณ” มากกว่า วันหลังเขาจะได้เอาเรื่องอื่นๆ มาเล่าอีก

อัตตาคือสิ่งที่ผลักให้เราพูดคำว่า “รู้แล้ว” ออกไป เพราะมันต้องการจะเติบใหญ่ด้วยการโชว์คู่สนทนาว่าเราเก่งแค่ไหน

และยิ่งเราตามใจอัตตาบ่อยเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งตัวโตขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งไม่เป็นผลดีกับเราเลย

—–

เวลาใครโพสต์อะไรไม่ถูกใจเราใน Facebook

ไม่ว่าจะเป็นจุดยืนทางการเมืองที่ตรงข้ามกับเรา หรือการโจมตีบุคคลที่เราชื่นชม เราก็อดไม่ได้ที่จะลงไป “ปกป้อง”

คำถามคือปกป้องใคร?

ปกป้องคนที่เราเคารพ หรือปกป้องความคิดตัวเอง?

เถียงกันร้อยครั้ง จะมีสักกี่ครั้งที่เรามีเจตนาจะแลกเปลี่ยนข้อมูลหรือเรียนรู้จากคนที่เราเถียงด้วย

ส่วนใหญ่เป็นการเถียงกันเพื่อจะเอาชนะเสียมากกว่า

ทั้งๆ ที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตรงไหนถึงจะเรียกว่าชนะ

สุดท้ายจึงก็ได้แค่ความสะใจ  ได้อวดรู้  และได้ความขุ่นมัวไปนอนกอดเล่นๆ

พอตื่นขึ้นมา ต่างฝ่ายต่างก็ยังยึดมั่นความเชื่อเดิมอยู่ดี เผลอๆ ยึดแน่นกว่าเดิมด้วยซ้ำ

เป็นการสิ้นเปลืองพลังงานและสิ้นเปลืองเวลาที่ไร้สาระขั้นเทพเลยนะผมว่า

—–

เวลาทะเลาะกับแฟน ถ้าแฟนพูดอะไรออกมาด้วยอารมณ์และไม่ตรงความจริง เราก็จะมีแรงผลักดันที่จะอธิบาย “ข้อเท็จจริง”

แต่สิ่งเดียวที่คำอธิบายของเราก่อให้เกิด ก็คือการทำให้แฟนรู้สึกว่าเรากำลังโทษเขาอยู่

ซึ่งก็ยิ่งจะทำให้แฟนโกรธหนักกว่าเก่า และใช้อารมณ์ยิ่งกว่าเดิม

สองชั่วโมงก็คุยกันไม่จบล่ะครับอย่างนี้

จะดีกว่ามั้ย ที่จะอยู่นิ่งๆ เงียบๆ ให้เขาระบายสิ่งที่อัดอั้นให้หมดก่อน

ไว้อารมณ์เย็นลงทั้งคู่แล้วค่อยกลับมาจับเข่าคุยกันด้วยเหตุผลอีกครั้ง

—–

การไม่พูดเป็นเรื่องยากมาก เพราะธรรมชาติของมนุษย์ย่อมต้องทำอะไรซักอย่างเพื่อปกป้องความคิดของตัวเอง

แต่ถ้าเราไม่พยายามปกป้องความคิดของเราล่ะ?

เค้าจะมองว่าเราคิดผิดอย่างไร ก็เป็นเรื่องของเขา

เราจะมองว่าเขาคิดผิดอย่างไร ก็เป็นเรื่องของเขาเช่นกัน

ถ้าทำได้ ชีวิตน่าจะง่ายขึ้นนะ