ประเด็นนี้พูดได้ใน 3 มิติ
มิติแรกคือทำเรื่องยากๆ ที่ต้องใช้เวลา แต่สุดท้ายแล้วมันจะทำให้ทุกอย่างที่ตามมานั้นง่ายขึ้น
นิทานผู้ชายขนน้ำพูดถึงชายสองคนที่ขึ้นไปเอาน้ำบนภูเขาลงมาขายให้คนในหมู่บ้าน
ชายคนแรกแบกถังใบใหญ่เพื่อขนน้ำลงจากภูเขาทุกวัน ได้เงินค่าน้ำอย่างงดงาม
แต่ชายคนที่สองกลับพยายามสร้างท่อน้ำ ซึ่งใช้เวลายาวนานกว่ามาก ช่วงแรกจึงไม่มีรายได้ แถมยังโดนชายคนแรกและคนในหมู่บ้านดูแคลน
แต่พอถึงวันหนึ่งที่เขาสร้างท่อน้ำเสร็จ เขาก็สามารถขายน้ำให้คนทั้งหมู่บ้านโดยไม่ต้องแบกถังขึ้น-ลงภูเขาอีกเลยแม้แต่วันเดียว
เรื่องยากๆ ก็คือการสร้างระบบ-สร้างเครื่องมือ-สร้างธุรกิจ ที่ต้องใช้ความความสามารถ ความคิด และความอดทนเป็นอย่างสูง แต่เมื่อทำได้สำเร็จ ชีวิตที่เหลือก็จะง่ายขึ้นทันที
—–
มิติที่สองว่าด้วยการทำเรื่องที่ยากเดี๋ยวนี้ เพื่อปลดล็อคอะไรบางอย่าง
เช่นเรื่องการลงดาบพนักงานที่ทำงานไม่ดีหรือสร้างมลภาวะให้กับเพื่อนร่วมทีม
คนเหล่านี้จัดการลำบาก เราจึงหลีกเลี่ยงเพราะเราไม่อยากถูก challenge และเราไม่อยากถูกเกลียด
แต่ถ้าเราตัดสินใจทำสิ่งที่ถูกต้อง และทำให้เขากลับตัวได้ หรือทำให้เขาไปอยู่ที่อื่นได้ บรรยากาศในการทำงานและกำลังใจคนทำงานจะดีขึ้นจนเรารู้เลยว่ามันคือการลงทุนที่คุ้มค่า
—–
มิติที่สามว่าด้วยเรื่องภูมิคุ้มกันความยาก
เด็กที่โตในสลัม กับเด็กที่โตในบ้านหลังใหญ่ ภูมิคุ้มกันย่อมต่างกัน
คุณหนูที่โดนประคบประหงม โดนแดดนิดเดียวก็ทนไม่ได้แล้ว ขณะที่เด็กอีกคนเดินขายพวงมาลัยหลายชั่วโมงได้โดยไม่ปริปากบ่น
คนที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาเยอะ คือคนที่ได้รับวัคซีนให้มีภูมิคุ้มกันความยาก เจออุปสรรคอะไรก็ไม่ย่อท้อ ล้มกี่ครั้งก็ลุกขึ้นมาใหม่
ผิดกับคนที่เคยตัวกับความสุขความสบาย พอเจอความยากลำบากนิดหน่อยก็ยอมแพ้อย่างง่ายดาย
เมื่อผ่านเรื่องยากๆ ชีวิตจะง่ายขึ้น
ท่องเอาไว้ จะได้มีกำลังใจไปต่อนะครับ