เรารู้อยู่แล้วว่าต้องทำอะไร

Slide1

แต่ที่เราไม่ทำเพราะมีเหตุผลมากมาย

“ไม่มีเวลา” “ไม่มีทุน” “ความรู้ไม่พอ” “ทำไม่ได้”

สารพันเหตุผลที่เราให้กับตัวเอง

และบางครั้งเราก็สับสนระหว่างเหตุผลกับข้ออ้าง

อาจารย์วิพรรธ์ ผู้ก่อตั้ง Asian University ที่ผมจบมา เคยสอนผมว่า

“People like to say it is impossible, so they don’t have to do it.”

คนชอบบอกว่าเป็นไปไม่ได้ จะได้ไม่ต้องทำ

คำถามคือเราอยากจะอยู่แบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน

ถ้าไม่ได้ชอบสภาพที่เป็นอยู่ตอนนี้ ก็ต้องหาทางเปลี่ยนรึเปล่า

ถ้าทำเหมือนเดิม ผลลัพธ์ก็ย่อมเหมือนเดิม

ถ้าอยากให้เปลี่ยน ก็ต้องทำต่างออกไป แน่นอนว่ามันยาก แต่ไม่ใช่จะเป็นไปไม่ได้

เราไม่ได้ขาดแคลนเวลา ทุนทรัพย์ หรือความรู้

สิ่งที่เราขาดจริงๆ คือความกล้าต่างหาก

เรารู้อยู่แล้วว่าต้องทำอะไร

เหลือแค่ว่าจะกล้าทำรึเปล่าเท่านั้นเอง

—–

“ช้างกูอยู่ไหน” หนังสือเล่มใหม่ของผมที่ว่าด้วยการลดทอนสิ่งที่ไม่ใช่ออกไปจากชีวิต มีวางขายที่นายอินทร์ ซีเอ็ด B2S Asia Books และ Kinokuniya แล้วนะครับ อ่านรายละเอียดได้ที่ bit.ly/eitrfacebook และอ่านรีวิวได้ที่นี่ครับ bit.ly/eitrreportingengineer

นิทานบะหมี่รู้คุณ

20200226

วันนี้วันศุกร์ มาฟังนิทานกันนะครับ

เด็กหนุ่มวัยรุ่นคนหนึ่งกำลังอยู่ในวัยต่อต้าน รำคาญทุกทีที่แม่บ่น รู้สึกว่าแม่ไม่เคยเข้าใจเขาเลย

วันหนึ่งเขาทะเลาะกับแม่ด้วยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่เขาโกรธแม่มากจนเดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงออกจากบ้าน ไม่ว่าแม่จะเรียกอย่างไรเขาก็ไม่หันกลับไปมอง

เด็กหนุ่มหลับหูหลับตาเดินไปตามทางเรื่อยๆ จนเริ่มรู้สึกหิวและรู้ตัวว่าไม่ได้นำเงินติดตัวมาด้วย

เมื่อเขาเดินมาถึงหน้าร้านบะหมี่ร้านหนึ่ง ก็ได้แต่ยืนมองแล้วกลืนน้ำลาย

เจ้าของร้านเห็นท่าทางของเด็กหนุ่มก็สงสาร จึงเรียกเข้ามากินบะหมี่ในร้าน

“แต่ผมไม่มีเงินนะครับ”

“อั๊วว่าลื้อต้องเจอเรื่องไม่ดีมาแน่เลย บะหมี่ชามนี้ถือว่าอั๊วเลี้ยงก็แล้วกัน”

แม้เด็กหนุ่มจะอาย แต่ก็หิว จึงรับน้ำใจเจ้าของร้าน กินบะหมี่อย่างมูมมาม

พอกินไปได้สักพักน้ำตาของเด็กหนุ่มก็ร่วงหล่นลงมา เจ้าของร้านตกใจ

“อ้าว ลื้อร้องไห้ทำไม?”

“ผมนึกไม่ถึงว่าโลกนี้ยังมีคนใจดีอย่างคุณน้าอีก ให้ผมกินบะหมี่โดยไม่คิดเงิน”

แล้วเด็กหนุ่มก็เล่าเรื่องที่ทะเลาะกับแม่ให้ฟัง เจ้าของร้านได้ยินแล้วก็หัวเราะเสียงดังลั่น

“น้าขำเรื่องอะไรเหรอครับ”

“อั๊วเลี้ยงบะหมี่ลื้อแค่ 1 ชามลื้อยังซาบซึ้งเสียขนาดนี้ ตั้งแต่เล็กจนโตแม่ลื้อต้มบะหมี่ให้ลื้อกินมาตั้งกี่ชาม แต่ลื้อกลับไม่พอใจแม่ด้วยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ลื้อว่ามันไม่ตลกเหรอ?”

—–

ดัดแปลงจากนิทานจากเพจ นิทานการเดินทางของมด

จะยอมเจ็บตอนนี้หรือจะยอมเจ็บไปตลอด

20200225b

คนไม่น้อยติดกับดักสิ่งที่ตัวเองรู้และคุ้นชิน

ธุรกิจเปลี่ยนไป บริบทเปลี่ยนไป เทคโนโลยีเปลี่ยนไปแล้ว แต่หลายคนยังทำงานแบบเดิม

ทำงานแบบเดิมใช้เวลา 1 ชั่วโมงเสร็จ ทำงานแบบใหม่ใช้เวลา 10 นาทีเสร็จ แต่ก็ยังมีคนที่ยินดีจะทำงาน 1 ชั่วโมงเสร็จอยู่

เพราะการจะลุกขึ้นมาเปลี่ยนตัวเอง เปลี่ยนเครื่องมือ เปลี่ยนกระบวนการนั้นมันยาก มันต้องออกแรงมากเกินไป

เมื่อรู้ว่าต้องออกแรงเยอะ จึงวิ่งหนีความเจ็บปวดด้วยการทำแบบเดิม

แต่จริงๆ แล้วเราเลี่ยงความเจ็บปวดไม่พ้นหรอก เพราะวิธีเดิมก็เจ็บปวดเหมือนกัน เพียงแต่มันเป็นความเจ็บปวดที่เราเคยชิน

ทำงานแบบเดิม เจ็บ 5 เต็ม 10

ทำงานแบบใหม่ ต้องยอมเจ็บ 10 เต็ม 10 สักพักหนึ่ง แต่หลังจากทุกอย่างเข้าที่เข้าทางแล้ว ความเจ็บจะเหลือแค่ 1 เต็ม 10 เท่านั้น

คนที่ก้าวหน้า จะยอมเจ็บตอนนี้ เพื่อให้เส้นทางที่เหลือมันง่ายขึ้น

ส่วนคนที่อยู่กับที่ จะยอมเจ็บแบบเดิมๆ ไปตลอดครับ

—–

“ช้างกูอยู่ไหน” หนังสือเล่มใหม่ของผมที่ว่าด้วยการลดทอนสิ่งที่ไม่ใช่ออกไปจากชีวิต มีวางขายที่นายอินทร์ ซีเอ็ด B2S Asia Books และ Kinokuniya แล้วนะครับ อ่านรายละเอียดได้ที่ bit.ly/eitrfacebook และอ่านรีวิวได้ที่นี่ครับ bit.ly/eitrreportingengineer