เก๊กแก่

20180228_oldpretense

วันอาทิตย์ที่ผ่านมาผมกับแฟนพา “ปรายฝน” ลูกสาววัย 2 ขวบ 4 เดือนไปเข้า Playgroup แถวบ้านมาครับ

Playgroup ที่นี่จัดเป็นสไตล์ Montessori ที่เน้นให้เด็กได้เลือกของเล่นด้วยตัวเอง ด้วยความเชื่อที่ว่าหากเราปล่อยให้เค้าค้นหาและลองผิดลองถูก เขาจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความคิดสร้างสรรค์และไม่กลัวที่จะออกจากกรอบ

รอบๆ บริเวณมีสนามเด็กเล่น มีสไลเดอร์ มีสะพานเชือกให้ป่ายปีน

แถมยังมีแทรมโปลีนขนาดใหญ่ที่เราเคยเห็นแต่ในหนังฝรั่งอีกด้วย

ปรายฝนเป็นเด็กชอบกระโดดอยู่แล้ว พอได้ไปกระโดดบนแทรมโปลีนเลยสนุกขึ้นอีกเป็นเท่าตัว

ผมเองก็ไม่เคยได้กระโดดบนแทรมโปลีนใหญ่ขนาดนี้ ก็เลยสนุกไปกับเขาด้วย แฟนแซวว่าผมดูสนุกกว่าลูกเสียอีก

จริงด้วย ผมไม่ได้รู้สึกสนุกแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ

—–

คุณผู้อ่านที่อายุอยู่ในวัย 30 หรือ 40 กว่าๆ เคยรู้สึกมั้ยครับว่า จิตใจเราเองก็ยังไม่ต่างจากสมัยวัยรุ่นเท่าไหร่

แม้ตีนกาจะขึ้น ผมจะเริ่มบาง พุงจะเริ่มมา แต่เวลาเจอเพื่อนสมัยม.ปลายก็ยังรู้สึกเหมือนตัวเองกลับไปเป็นเด็กอายุ 16 อีกครั้ง

ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ลึกๆ ข้างในเรายังเป็นวัยรุ่นอยู่เสมอ

แต่พอมีงานมีการ มีตำแหน่ง มีหน้ามีตา เราต้องเริ่มแต่งตัวให้ดูดี ต้องเริ่มวางมาด ต้องไม่ทำอะไรติ๊งต๊องๆ

15-20 ปีของการเป็นผู้ใหญ่ คือกระบวนการแห่งการชุบตัวและฉาบเคลือบด้วยความคาดหวังที่(เราคิดว่า)สังคมมีต่อเรา

เวลาขำอะไรจึงไม่หัวเราะดังๆ

เวลาฟังเพลงมันๆ เราจึงไม่ลุกขึ้นมาเต้น

เวลาเจอกิจกรรมที่ดูน่าสนุก เราจึงเลือกที่จะนั่งเล่นมือถือ

ความเป็นผู้ใหญ่เลยทำให้เราสูญเสียความกล้า

กล้าที่จะทำในสิ่งที่ทำให้หัวใจพองโต กล้าที่จะเป็นตัวของตัวเอง

ยอมทิ้งตัวตน เพื่อแลกกับอะไรก็ไม่รู้

อาจไม่ถึงกับเป็นโศกนาฎกรรม แต่ก็ใกล้เคียงนะครับ

อยากได้ปลาช่อนก็จงไปจับปลาช่อน

2018022_salmon

อย่าไปจับปลาแซลมอนแล้วพยายามเอามาทำเป็นปลาช่อนเลย

คำพูดนี้พี่ต่อ ฟีโนมีน่าเคยกล่าวไว้ตอนที่มาพูดที่ Wongnai เมื่อสิงหาคมปีที่แล้ว

ผ่านมาครึ่งปีผมก็ได้พบว่าคำนี้มันจริงมากๆ โดยเฉพาะสำหรับผมที่ทำงานอยู่ทีม People (ที่ Wongnai เราจะเรียกแผนก HR ว่า People)

ว่าการหาคนให้เหมาะกับงานตั้งแต่แรกนั้น ง่ายและมีประสิทธิภาพกว่าการพยายามไปเปลี่ยนแปลงเขา

คนที่ไม่ชอบเขียนรีวิว ต่อให้เราเอาเงินรางวัลมาล่อ เขาก็ไม่เขียนรีวิวอยู่ดี

คนที่ทำงานแนว passive แม้ว่าเราจะบิ๊วแค่ไหน ก็มีโอกาสน้อยที่เขาจะทำงานแบบ proactive

คนที่ไม่มี service mind ต่อให้เราท้วงติงกี่ครั้ง service mind ก็ไม่กระเตื้องขึ้น

แน่นอน คนเราควรต้องยืดหยุ่นและปรับตัว แต่ในทางกลับกัน ถ้าเขาทำไม่ได้หรือไม่ยอมทำ ก็เป็นความผิดขององค์กรอย่างน้อยครึ่งหนึ่งที่เลือกใช้คนไม่ถูกกับงาน หรือเลือกคนที่ไม่เหมาะกับวัฒนธรรมองค์กรเข้ามา

นี่อาจหมายรวมไปถึงการเลือกแฟนหรือเลือกหุ้นส่วนทางธุรกิจ ที่ต้องคำนึงไว้เสมอว่าสิ่งที่เราคาดหวังควรจะสอดคล้องกับธรรมชาติของเขาด้วย

อยากได้ปลาช่อนก็จงเฟ้นหาปลาช่อน อย่าไปฝืนปลาแซลมอนให้เป็นปลาช่อนเลยนะครับ

เสื้อตัวนั้นคือของเหลือใช้จากตัวเราเมื่อวานนี้

20180226_itemfromyesterdayyou

หนังสือเล่มนั้นที่ซื้อมานานแต่ยังไม่ได้อ่านก็ใช่

คอมเก่าตัวนั้นก็ใช่

สายอุปกรณ์อิเลคโทรนิคส์ต่างๆ นั้นก็ใช่เช่นกัน

ไม่สำคัญว่าตัวเราในอดีตจ่ายเงินซื้อมันมาเท่าไหร่ สิ่งเดียวที่ควรคำนึงคือตัวเราในปัจจุบันจะได้ใช้มันอีกหรือเปล่า

หากคำตอบคือไม่ ก็ไม่จำเป็นต้องรับของชิ้นนั้นไว้ เพราะเราในวันนี้เป็นคนละคนกับเราในอดีต

และการเก็บของที่ไม่ได้ใช้เอาไว้ รังแต่จะทำให้พื้นที่ว่างหายไปโดยไม่ได้สร้างคุณค่าอะไรให้เราครับ

—–

ใครรู้สึกว่าห้องเริ่มจะรกเกินไปแล้ว แนะนำให้อ่านวิธีการจัดบ้านแบบ KonMari ครับ: https://anontawong.com/2015/08/10/konmari/

ขอบคุณประกายความคิดจาก Seth Godin: Totaled

1 พันล้านครั้งที่เหลือ

20180225_1billion

วันนี้แฟนบอกกับผมว่า ช่วงนี้ความคิดที่ผ่านเข้ามาบ่อยๆ คือพวกเราอายุ 38 นี่ก็ถือว่าไม่น้อยแล้วนะ

ผมก็เลยบอกกับแฟนว่าใช่ ดังนั้นมีอะไรที่อยากทำก็ควรจะรีบทำ

ข่าวดีคือเรายังมีชีวิตอยู่ ยังมีแรงอยู่ และแรงที่ว่านี้มีแต่จะลดน้อยลงไปเรื่อยๆ เพราะเราจะไม่มีวันเด็กไปกว่านี้แล้ว

“Right now is both the oldest you’ve ever been and the youngest you’ll ever be.”

“นี่คือวันที่เราแก่ที่สุดในชีวิตและคือวันที่เราเด็กที่สุดในชีวิตแล้ว”

-Stan Hayward on Quora

ทราบมั้ยครับว่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมส่วนใหญ่จะหัวใจเต้นแค่ 1 พันล้านครั้งตลอดอายุขัยของมัน

มนุษย์เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดเดียวเท่านั้นที่ได้สิทธิพิเศษ หัวใจเต้นเกิน 2 พันล้านครั้ง

ถ้าหัวใจเราเต้นเฉลี่ยนาทีละ 60 ครั้ง และเรามีอายุถึง 70 ปี หัวใจเราจะเต้นทั้งหมด 60x60x24x365x70 = 2.2 พันล้านครั้ง

ในวัย 38 นั่นแสดงว่าผมเหลือหัวใจเต้นอีกแค่เพียง 1 พันล้านครั้งเท่านั้น

ก็หวังว่าตัวเองจะใช้ 1 พันล้านครั้งที่เหลืออย่างมีสติ

แล้วคุณล่ะครับ จะใช้การเต้นของหัวใจที่เหลือไปกับเรื่องอะไรบ้าง?

นิทานดาบที่ดีที่สุดในโลก

20180222_sword

วันนี้วันศุกร์ มาฟังนิทานกันนะครับ

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีช่างตีดาบที่เก่งกาจจนทหารและนักรบจากทั่วทุกสารทิศต่างเดินทางมาเข้าพบเพื่อขอให้ช่างคนนี้ตีดาบให้

วันหนึ่ง หนุ่มน้อยคนหนึ่งได้เดินทางมาเข้าคารวะช่างตีดาบแล้วเอ่ยว่า

“ข้าอยากได้ดาบที่ดีที่สุดในโลกเพื่อจะได้ร่วมออกรบกับพระราชา ท่านสามารถสร้างดาบที่ดีที่สุดในโลกให้ข้าได้หรือไม่?”

“ได้สิ แต่มันต้องใช้เวลาถึง 1 ปีเชียวล่ะ”

“แต่ 1 ปีมันนานเกินไปนะครับ”

“แต่เจ้าก็ต้องรอ ไม่อย่างนั้นมันก็จะไม่ใช่ดาบที่ดีที่สุดในโลก”

ชายหนุ่มคนนั้นเลยรับปากว่าจะกลับมาอีกครั้งในหนึ่งปีข้างหน้า ก่อนจะจากกัน ช่างตีดาบเอ่ยว่า

“ระหว่างนี้ เจ้าจงไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์กับปรมาจารย์ด้านการสู้รบและฝึกปรือให้จงหนัก”

1 ปีผ่านไป ชายหนุ่มกลับมาหาช่างตีดาบอีกครั้ง และช่างตีดาบก็ยื่นดาบให้ตามสัญญา

ในสงครามคราวนั้น ชายหนุ่มได้ใช้ดาบเล่มใหม่โค่นล้มศัตรูได้เป็นจำนวนมาก พระราชาพอพระทัยจนแต่งตั้งให้ชายหนุ่มเป็นทหารเอก

ชายหนุ่มรีบรุดกลับมาหาช่างตีดาบ

“ท่านครับ ขอบคุณท่านจริงๆ ที่สร้างดาบเล่มนี้ขึ้นมา มันเป็นดาบที่ดีที่สุดในโลกจริงๆ ด้วย”

“เจ้าไม่ได้ชนะเพราะดาบหรอก เจ้าชนะเพราะวิชาการต่อสู้ของเจ้าต่างหาก เจ้าในตอนนี้ไม่วาจะใช้ดาบเล่มไหนก็ไม่ต่างกัน อันที่จริงดาบที่ข้ามอบให้เจ้านั้นข้าใช้เวลาตีเพียง 2 วันเท่านั้น แต่ข้าต้องการให้เจ้าเรียนวิชาการต่อสู้ให้แตกฉานเสียก่อน ข้าถึงบอกให้เจ้ารอ 1 ปี”

—-

ขอบคุณนิทานจาก Quora: Akram Khan’s answer to What kind of people will not succeed in life?