ฝากถึงคนที่ชอบใช้เวลาให้คุ้มค่าที่สุด
เมื่อสัปดาห์ก่อน ผมมีโอกาสได้สอนคลาสออนไลน์เรื่อง Time Management ให้กับพนักงานในองค์กรใหญ่แห่งหนึ่ง
มีคำถามในคลาสที่ผมติดใจเป็นพิเศษ:
“ถ้าอยากประชุมไปและทำงานไปด้วย เราควรจัดการตัวเองอย่างไรดี”
ผมนิ่งไปครู่หนึ่งเพราะปกติไม่ค่อยได้ทำอย่างนั้น แล้วก็ตอบไปว่าถ้าเราเป็นคนที่ต้องพูดบ่อยๆ หรือเป็นเรื่องที่ต้องตั้งใจฟัง ก็ไม่ควรทำงานอื่นไปด้วยในระหว่างการประชุม
แต่ถ้าการประชุมนี้เราไม่มีบทบาทอะไร แค่เข้ามารับฟังเฉยๆ และบางช่วงเนื้อหาไม่เกี่ยวกับเรา เราก็คงพอที่จะทำงานอื่นไปด้วยได้ แต่ถ้าเป็นแบบนี้บ่อยๆ เราก็ควรขอไม่เข้าร่วมประชุมนี้ดีกว่า
สิ่งที่อยู่ลึกกว่าการประชุมไปทำงานไป ก็คือความพยายาม multi-tasking เพื่อจะได้ใช้เวลาให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งเป็นเรื่องปกติของคนทำงานที่ไม่เคยมีเวลาพอ
Oliver Burkeman บอกไว้ในหนังสือ Four Thousand Weeks ว่า “ความฝันสูงสุด” ของคนทำงานจำนวนไม่น้อย คือการพยายามไปให้ถึงจุดที่เรา “เอาอยู่ทุกอย่าง” ทำงานเสร็จเรียบร้อย ตอบเมลครบทุกฉบับ อ่านครบทุกข้อความ แถมยังมีเวลาเหลือมากพอที่จะทำทุกสิ่งที่เราอยากทำ
เราเลยชอบเสาะหาเครื่องมือใหม่ๆ แอปใหม่ๆ วิธีการทำงานใหม่ๆ ด้วยความหวังลึกๆ ว่ามันจะช่วยพาเราเข้าใกล้วันที่เราจะเอาอยู่จริงๆ เสียที
แต่เราก็ต้องผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะวันนั้นไม่เคยมาถึง เป็นเหมือนบ่อน้ำกลางทะเลทรายที่เมื่อเดินเข้าไปใกล้ถึงได้รู้ว่ามันเป็นเพียงภาพมายา
เมื่อกลางสัปดาห์ ผมมีโอกาสได้นั่งสนทนากับพี่ที่เคารพนับถือท่านหนึ่ง ผมบอกเขาว่าสิ่งที่กำลังขบคิดอยู่ตอนนี้ คือแม้หน้าที่การงานจะไปได้ดี แต่ก็รู้สึกผิดที่ไม่เคยมีเวลาพอให้กับลูกสาวและลูกชายที่กำลังจะอายุครบ 8 ขวบและ 6 ขวบ
เมื่อเกือบสิบปีที่แล้ว ตัวพี่เขาเองก็เคยทำงานหนักมาก ไม่เว้นแม้กระทั่งเสาร์-อาทิตย์ แต่ทุกครั้งที่มีเวลาอยู่กับลูกสาวที่กำลังก้าวเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น พี่เขาจะไม่ทำอย่างอื่นเลย จะอยู่กับลูกร้อยเปอร์เซ็นต์
คืนนั้น ผมส่งข้อความไปขอบคุณ และได้รับข้อความตอบกลับมาว่า
“การเลี้ยงลูก เป็นงานที่จะให้คุณค่ากับเรามากกว่างานไหนในชีวิต
เมื่ออายุมากขึ้น เราจะเข้าใจสิ่งนี้ครับ”
การประชุมไปทำงานไป เป็นเพียง “อาการ” อย่างหนึ่งของคนที่ต้องการใช้เวลาให้คุ้มค่าที่สุด
เราต้องการเค้นทุกหยาดหยดของเวลาเพื่อให้ได้ผลลัพธ์กลับมามากเท่าที่จะทำได้
ผมจึงรู้สึกว่า หาก multi-task เป็นอาจิณ เราอาจนำความเคยชินติดกลับมาที่บ้าน
หากตอนทำงานเราชอบประชุมไปทำงานไป ก็มีความเป็นไปได้สูงเหลือเกินว่าเวลาที่เราอยู่กับลูก หรืออยู่กับพ่อแม่ เราก็จะพยายามทำอย่างอื่นไปด้วยเช่นกัน
เมื่ออยู่ด้วยกันดีๆ แล้วมีคนหนึ่งหยิบมือถือขึ้นมาเช็ค อีกคนย่อมรู้สึกอึดอัดจนต้องหาอะไรทำ
ตัวอยู่ด้วยกัน แต่ใจเตลิดกันไปคนละทาง
เวลาที่เราอยู่กับคนสำคัญ เราจึงต้องหัดละวางความคิดเรื่องความคุ้มค่าของการใช้เวลา เพราะคุ้มค่ากับคุณค่าเป็นคนละอย่าง
เมื่อต่างคนต่างมีเวลาน้อย เรามาใช้เวลานั้นเพื่อที่จะอยู่ด้วยกันอย่างแท้จริงกันนะครับ