ปัญหาหลายๆ อย่างที่เราเจอมักมีต้นเหตุมาจากความมักง่าย
คนมักง่ายมักจะพูดคำว่า “ขี้เกียจ” กับ “เอาไว้ก่อน” เสมอ
สมมติตอนเย็นกินข้าวที่บ้านเสร็จแล้ว แทนที่จะล้างจานให้เรียบร้อย เราก็จะบอกตัวเองว่าเอาไว้ก่อน ผลที่ได้ก็คือจานเกรอะกรังที่ยังไม่ได้ล้างในวันรุ่งขึ้น
เวลาทำงาน พอเราได้ไฟล์อะไรใหม่ๆ มา เรามักจะเซฟลงเดสก์ท็อป แต่เมื่อใช้ไฟล์เสร็จแล้ว แทนที่จะลบทิ้งหรือย้ายไฟล์ไปยังโฟลเดอร์ที่ควรจะเป็น เราก็ไม่ทำ ผลลัพธ์ก็คือเดสก์ท็อปที่เต็มไปด้วยไอค่อน บางคนมีไอค่อนเต็มจอเป็นคอลเล็คชั่นเลยทีเดียว
ความมักง่ายเกิดจากอะไร?
ผมคิดเล่นๆ ว่ามันอาจจจะเป็นเรื่องชีววิทยา
เพราะสิ่งมีชีวิตทุกชนิดถูกวิวัฒนาการให้ประหยัดพลังงานเพื่อความอยู่รอดอยู่แล้ว
มนุษย์เราจึงหาเรื่องประหยัดพลังงานเสมอ การประหยัดนี้จึงแสดงตัวออกมาเป็นความขี้เกียจหรือการผัดวันประกันพรุ่ง
ซึ่งบางทีก็ส่งผลรุนแรงกว่าจานชามที่กองพะเนินหรือเดสก์ท็อปที่เต็มไปด้วยไฟล์ร้อยพ่อพันแม่
ถ้าเรามักง่ายในการกิน อาจทำให้สุขภาพทรุดโทรม
ถ้าเรามักง่ายในการทำงาน อาจทำให้เราไม่เติบโตในองค์กร
ถ้าเรามักง่ายในคำพูด อาจจะทำให้เราเสียเพื่อนหรือเสียอนาคต
แค่ความมักง่ายในระดับบุคคลยังสร้างความเสียหายได้ขนาดนี้ ลองคิดดูว่าความมักง่ายในระดับชุมชนหรือระดับประเทศจะส่งผลร้ายแรงขนาดไหน
แล้วถ้าอยากจะมักง่ายให้น้อยลง ต้องทำอย่างไร?
ข้อแรก เราต้องตระหนักว่า ไม่มีความจำเป็นต้องประหยัดพลังงานขนาดนั้น เพราะในยุคนี้ ต่อให้เราใช้แรงไปเท่าไหร่ เราก็มีแหล่งพลังงานเพื่อ “รีฟิล” ได้อยู่แล้ว ลองไปเปิดตู้เย็นหรือเดินเข้าเซเว่นดูก็ได้
ข้อสอง เราต้องไม่ลืมว่า การมักง่ายอาจทำให้เราประหยัดเวลาได้ 2 นาทีในวันนี้ แต่จะทำให้เราเสียเวลาอย่างน้อย 10 นาทีในวันข้างหน้า
ข้อสามก็คือ ความมักง่ายที่แสดงออกมาทางการกระทำหรือทางวาจานั้น เริ่มต้นจากความมักง่ายทางความคิดเสมอ และความมักง่ายทางความคิดนั้นก็มักเกิดจากเราโดนกิเลสหลอก
ดังนั้น ต้องหัดเถึยงกับกิเลสบ่อยๆ และยอมลงแรงเสียแต่ตอนนี้
จะได้ไม่ต้องเสียเวลาและอารมณ์มานั่งแก้ปัญหาอันเกิดจากความมักง่ายของเราเองในวันหลังครับ
อ่านตอนใหม่ๆ ได้ทุกวันที่ Facebook Page Anontawong’s Musings (กดไลค์แล้วเลือก See First หรือ Get Notifications ก็จะไม่พลาดตอนใหม่ครับ)
อ่านตอนเก่าๆ ได้ที่ https://anontawong.com/archives/
ดาวน์โหลดอีบุ๊ค “เกิดใหม่”
ขอบคุณภาพจาก Pexels.com