นิทานเศษกระดาษ

20181130_paper

วันนี้วันศุกร์ มาฟังนิทานกันนะครับ

ชายชราคนหนึ่งปล่อยข่าวว่าเพื่อนบ้านเป็นขโมย จนทำให้ชายหนุ่มถูกจับ

หลายวันต่อมา เมื่อได้พิสูจน์ว่าตัวเองบริสุทธิ์ ชายหนุ่มจึงได้รับการปล่อยตัวและตัดสินใจฟ้องร้องชายชราที่กล่าวหาเขาผิดๆ

ในศาล ชายชราขอความเห็นใจผู้พิพากษา

“มันเป็นแค่ความเห็น ผมไม่ได้ไปทำร้ายใคร”

ผู้พิพากษาจึงสั่งชายชรา

“เขียนคำพูดทั้งหมดที่เจ้าพูดเกี่ยวกับเขาลงในกระดาษ ตัดเป็นชิ้นเล็ก ๆ โปรยออกจากหน้าต่างรถระหว่างทางกลับบ้าน แล้วกลับมาฟังคำตัดสินพรุ่งนี้”

วันรุ่งขึ้น ผู้พิพากษากล่าวกับชายชราว่า

“เจ้าจงไปเก็บเศษกระดาษที่โปรยไว้เมื่อวานกลับมาก่อน แล้วจึงค่อยฟังคำตัดสิน”

“ศาลที่เคารพ ผมจะทำได้อย่างไร ป่านนี้ลมคงพัดเศษกระดาษกระจายไปทั่ว ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันปลิวไปไหนบ้าง” ชายชราประท้วง

ผู้พิพากษาจึงตอบว่า

“ในทำนองเดียวกัน คำพูดหรือความเห็นธรรมดา สามารถทำลายชื่อเสียงของคนคนหนึ่งถึงขั้นที่คนคนนั้นไม่สามารถกู้คืนได้ ถ้าพูดดีเกี่ยวกับคนอื่นไม่ได้ ก็จงอย่าพูดอะไรเลย”

ผู้พิพากษาหยุดชั่วครู่ ก่อนกล่าวต่อ

“การซุบซิบเลวร้ายกว่าการขโมย เพราะมันขโมยศักดิ์ศรี ชื่อเสียง และความน่าเชื่อถือของคนอื่นซึ่งเขาไม่อาจกู้กลับคืนมาได้ เมื่อเท้าเจ้าก้าวพลาด ยังกลับมาทรงตัวได้ใหม่ แต่เมื่อลิ้นเจ้าพลาด พูดจาพล่อยๆ ออกไป เจ้าไม่มีวันเอาคำพูดของเจ้าคืนมาได้เลย”

—–

ขอบคุณนิทานที่แม่ส่งมาให้ทางไลน์

บทความวันละตอนจาก Anontawong’s Musings:

LINE: bit.ly/tgimline

Facebook: bit.ly/tgimfb

Twitter: bit.ly/tgimtwt

อย่าเป็นคนอ่อนหัด

20181128_ornhud

เมื่อสี่ปีที่แล้ว คุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมขณะนั้น กำลังดังในโลกโซเชี่ยลด้วยฉายา “รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี” และเกิดประโยคฮิตที่ว่า

อ่อนหัด มีความตั้งใจแต่ยังอ่อนหัด

ถ้าแปลตามความรู้สึก คำว่าอ่อนหัดน่าจะมีความหมายประมาณว่า “กระจอก” หรือ “ไม่เก่ง”

แต่ถ้าแปลทีละคำตามตัวอักษร จะได้ความหมายว่า “ยังฝึกฝนมาไม่พอ”

คำว่า อ่อนหัด จึงไม่ได้เป็นการตัดสินตัวบุคคล แต่เป็นการวิพากษ์การกระทำของคนๆ นั้น

ซึ่งก็นับว่าเป็นเรื่องดี เพราะตัวตนเราเปลี่ยนกันยาก แต่การกระทำเราเปลี่ยนกันได้ทันที

ถ้าไม่อยากเป็นคนอ่อนหัด ก็แค่ต้องฝึกฝนให้มากขึ้นเท่านั้นเอง

ก่อนจะลงสนามแข่ง ต้องซ้อมแล้วซ้อมอีก

ก่อนจะเข้าห้องสอบ ต้องอ่านหนังสือและทำแบบฝึกหัดมาเยอะๆ

ก่อนจะขึ้นเวทีพรีเซ้นต์ ต้องเตรียมเล่าเรื่องมาเป็นอย่างดี และซ้อมเล่าเรื่องเป็นสิบๆ รอบ

ไม่ใช่ความผิดของเรา หากเกิดมาแล้วไม่ได้มีพรสวรรค์

แต่ถ้าเราอ่อนหัด นั่นเป็นความผิดของเราเต็มๆ ครับ

—–

ขอบคุณภาพจากคุณ Prachya Singhto

มนุษย์มาม่าหมูสับ

20181128_mama

ย่ำค่ำวันจันทร์ที่ออฟฟิศ ผมได้กลิ่นหอมที่คุ้นเคย จนต้องเอ่ยขึ้นมาว่า มีคนกินมาม่าหมูสับแน่ๆ พอเดินข้ามไปอีกฟากของออฟฟิศ ก็เห็นน้องคนนึงกำลังกินมาม่าหมูสับอยู่จริงๆ

มาม่าหมูสับนี่มีความคลาสสิคมากๆ นะครับ ได้กลิ่นนิดเดียวก็รู้ทันทีว่าคืออะไร แถมมันยังทำให้เรารู้สึกดีอย่างไม่มีสาเหตุ คงเป็นเพราะเราผูกพักกับกลิ่นนี้มาตั้งแต่เด็กๆ หิวยังไง มีเงินน้อยแค่ไหน มาม่าหมูสับก็ยังเป็นที่พึ่งได้เสมอ

ผมว่าคนเราเองก็ควรพยายามทำตัวให้ใกล้เคียงกับมาม่าหมูสับด้วยเช่นกัน

หากเราใช้ชีวิตตามแนวทางที่ถูกที่ควร ทำงานหนัก และสร้างประโยชน์ให้กับคนได้มากพอ วันหนึ่งเมื่อใครได้ยินชื่อหรือได้เห็นหน้าของเรา เขาก็จะรู้สึกดีได้โดยไม่ต้องมีสาเหตุ เพราะเราเคยเป็นที่พึ่งทางใจให้กับเขาในหลายๆ จังหวะของชีวิต

เบิร์ด ธงไชย, หม่ำ จ๊กมก, ตูน บอดี้สแลม คนเหล่านี้คือมาม่าหมูสับสำหรับผม

เราคงไม่ต้องยิ่งใหญ่หรือโด่งดังเท่าพี่เบิร์ด เราเป็นมาม่าหมูสับสำหรับบางคนก็พอ

แค่ได้กลิ่น ได้ยิน ได้เห็น ก็มีความสุขแล้ว

ก่อนจะเห็นโฆษณา ชีวิตก็โอเคดี

20181125

แต่พอได้เห็นโฆษณาเท่านั้นแหละ ชีวิตเหมือนจะขาดอะไรบางอย่างขึ้นมาทันที

โฆษณาในที่นี้ไม่ใช่เฉพาะในทีวีนะครับ แต่หมายถึงในเว็บ ในไลน์ ในเฟซบุ๊ค ในไอจี รวมถึงในบทสนทนาของเพื่อนด้วย

โลกเราถูกขับเคลื่อนด้วยทุนนิยม และหัวใจของทุนนิยมคือการเจริญเติบโต และวิธีเดียวที่จะเติบโตได้คือการรณรงค์ให้ผู้บริโภคซื้อมากขึ้นเรื่อยๆ

“ของมันต้องมี” จึงกลายเป็นวาทกรรมแห่งยุค เมื่อคนอื่นเขามีกัน ฉันเลยต้องมีบ้าง ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ฉันก็อยู่มาได้ตั้งนานโดยไม่ต้องมีมัน

“ความจำเป็น” (need) ของสินค้าต่างๆ ล้วนถูกปรุงแต่ง (fabricated) ขึ้นทั้งนั้น

ไม่ได้บอกว่าห้ามซื้อ แค่อยากเตือนให้รู้เท่าทันถึงกลไก

จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อให้เขาปั่นหัวเล่นได้ตามอำเภอใจครับ

สิ่งที่ถูกเมื่อวานอาจจะผิดในวันนี้

20181125b

และสิ่งที่ถูกในวันนี้ อาจจะผิดในวันพรุ่งนี้ก็ได้

เรากำลังอยู่ในยุคที่การเปลี่ยนแปลงมาแรงและมาเร็วกว่ายุคใดๆ

คำตอบของเราอาจถูกต้องที่สุด แต่พรุ่งนี้โลกก็จะมีคำตอบที่ถูกต้องยิ่งกว่า

เผลอๆ พรุ่งนี้โลกอาจเลิกถามคำถามนี้ไปเลยด้วยซ้ำ

ดังนั้น เราจึงไม่ควรยึดมั่นถือมั่นในคำตอบที่เรามี และควรเผื่อใจไว้บ้าง

เพราะไม่ช้าก็เร็ว เราจะผิดอย่างแน่นอนครับ