เหตุผลที่เราไม่ควรไปกินข้าวเบ้านโรนัลโด้

Patrice Evra คือแบ็คซ้ายชาวฝรั่งเศสที่เคยร่วมทีมกับคริสเตียโน โรนัลโดคริสเตียโน โรนัลโด สมัยที่เซอร์อเล็กซ์คุมแมนยูฯ

เอฟร่าเคยให้สัมภาษณ์ในพ็อดคาสท์ 2018 World Cup ของ ITV ว่า

“ผมอยากจะแนะนำทุกคนนะว่า ถ้าโรนัลโด้มาชวนคุณไปกินข้าวเที่ยงที่บ้านเขา ให้ตอบปฏิเสธไปเลย

โรนัลโดบอกกับผมว่า ‘ปาทริส เดี๋ยวซ้อมเสร็จแล้วมากินข้าวบ้านเราสิ’ ผมก็เลยไป ซึ่งตอนนั้นผมก็เหนื่อยสุดๆ แล้ว

พอไปถึง ที่โต๊ะกินข้าวมีแค่สลัดกับไก่นึ่งหน้าตาจืดๆ เครื่องดื่มมีแต่น้ำเปล่า ไม่มีแม้แต่น้ำผลไม้ ผมได้แต่คิดในใจว่า ‘โอเค…’

เราเริ่มลงมือทานอาหาร และผมคิดว่าเดี๋ยวคงมีอาหารจานหลักมาเสิร์ฟ แต่เปล่าเลย ไม่มีอะไรเพิ่มทั้งนั้น

พอโรนัลโด้กินเสร็จ เขาก็ลุกขึ้นไปเล่นลูกบอล แล้วก็หันมาบอกผมว่า ‘เรามาเล่น 1-2 กันดีกว่า’ (ส่งบอลไปมา แตะบอลไม่เกินสองจังหวะ)

ผมถามโรนัลโด้ว่าขอผมกินให้เสร็จก่อนได้มั้ย เค้าตอบว่า ‘ไม่ได้ มาเล่น 1-2 กันเหอะ’

เราก็เลยเล่นบอล 1-2 กัน จากนั้นเขาก็ชวนไปว่ายน้ำต่อ ผมก็พูดว่า “โอเค…” พอว่ายน้ำเสร็จ เราก็ลงจาคุซซี่และเข้าซาวน่า กว่าจะทำครบทุกอย่างผมก็หมดก๊อกพอดี

ผมถึงแนะนำว่าถ้าโรนัลโด้ชวนคุณไปที่บ้าน ก็จงอย่าไป เพราะหมอนั่นเป็นเครื่องจักรชัดๆ เขาไม่เคยคิดจะหยุดซ้อมเลย

แต่ถ้าจะให้ผมพูดแบบเอาจริงจังก็คือ โรนัลโด้คู่ควรกับทุกอย่างที่เขาได้รับอยู่ตอนนี้ เพราะเขาฝึกหนักจริงๆ”


ขอบคุณข้อมูลจาก Sport Bible: Patrice Evra’s Incredible Story About Going To Cristiano Ronaldo’s House For Lunch Sums The Man Up

ขยันก็ทำ ขี้เกียจก็ทำ

20190520_doitanyway

วันพุธที่แล้ว ผมได้ไปเข้าร่วมสัมมนา Happiness Mastery ที่จัดโดยเพจ Trick of the Trade ที่หอศิลป์กรุงเทพ

หนึ่งในวิทยากรคือคุณแท็ป รวิศ หาญอุตสาหะ CEO ของศรีจันทร์ และผู้เขียนหนังสือขายดีหลายเล่ม

พี่แท็ปมาแชร์เรื่องการจัดการระเบียบชีวิตตัวเอง เมื่อเรามีความฝันหรือเป้าหมายระยะยาว เราก็ต้องมีเป้าหมายระยะกลางและเป้าหมายประจำวันที่สอดคล้องกัน

สิ่งที่คนเรามักจะขาดก็คือเป้าหมายประจำวันที่จะพาเราเข้าใกล้ความฝันขึ้นอีกนิด

คนไม่น้อยมี new year resolution อย่างการน้ำหนัก แต่กลับไม่มีเป้าหมายประจำวันที่เรียกว่า MIT หรือ Most Important Tasks ที่พาไปให้ถึงเป้าหมายนั้น

พี่แท็ปมีความฝันที่จะไปบอสตันมาราธอน ซึ่งเป็นรายการเมเจอร์ที่เข้าร่วมยากมากๆ เพราะต้องเคยวิ่งมาราธอนด้วยเวลาไม่เกิน 3 ชั่วโมง 10 นาทีถึงจะเข้าร่วมรายการนี้ได้

พี่แท็ปเลยจ้างโค้ชประจำตัวและซ้อมวิ่งทุกวัน การซ้อมในแต่ละวันถือเป็นหนึ่งใน MIT ที่จะพาพี่แท็ปไปบอสตันในอนาคตได้

เมื่อพูดจบและเปิดโอกาสให้คนในห้องส่งถามคำถาม หนึ่งในคำถามก็คือพี่แท็ปเคยมีวันที่ขี้เกียจบ้างมั้ย

พี่แท็ปตอบว่า ขี้เกียจทุกวันครับ ไม่มีวันไหนไม่ขี้เกียจ น้อยมากที่จะมีวันที่ตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกว่าอยากออกไปซ้อมจังเลยๆ

แต่ถึงขี้เกียจแค่ไหนก็ยังพาตัวเองออกไปซ้อมวิ่งอยู่ดี

มันทำให้ผมนึกหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชโช ที่ย้ำกับลูกศิษย์เสมอว่า ขยันก็ภาวนา ขี้เกียจก็ภาวนา

เป็นการง่ายเหลือเกินที่จะปล่อยให้การกระทำเป็นไปตามสภาวะอารมณ์ และนั่นคือเหตุผลที่คนส่วนใหญ่ไม่สามารถทำตามเป้าหมายได้สำเร็จ

ดังนั้น ถ้าอยากบรรลุ(เป้าหมาย) เราก็ต้องเป็นคนที่ไม่สนดินฟ้าอากาศทางอารมณ์

ขยันก็ทำ ขี้เกียจก็ทำ เท่านั้นเอง