นิสัยอย่างหนึ่งที่ผมเริ่มมีมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้คือการมองหาช่องทางที่จะสร้างผลตอบแทนสูงสุดให้กับทุกฝ่าย
คีย์เวิร์ดคือคำว่าทุกฝ่ายนะครับ
ขอยกสถานการณ์เพื่อให้เห็นภาพแล้วกัน
สถานการณ์ที่หนึ่ง
ผมกำลังนั่งทำงานสำคัญชิ้นหนึ่งอยู่ แล้วก็มีน้องคนหนึ่งเข้ามาขอให้ช่วยตรวจภาษาอังกฤษในบทความที่เขาเขียนให้หน่อย
คำถามคือผมจะละจากงานสำคัญชิ้นนั้นเพื่อช่วยน้องเค้ารึเปล่า
แน่นอน คำถามแรกคืองานที่ผมทำอยู่นั้นมันกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มแค่ไหน ถ้ากำลังติดพันอยู่ก็อาจบอกว่าขอเวลาอีก 10 นาทีเดี๋ยวจะดูให้ก็ได้
แต่ประเด็นสำคัญคือ ผมรู้ว่าถ้าผมใช้เวลาตรวจภาษาอังกฤษน้องแค่ 5 นาที น่าจะดีกว่าปล่อยให้น้องไป google หรือไปถามคนอื่นซึ่งอาจใช้เวลาถึง 30 นาที
ดังนั้น การที่ผมยอมเสียเวลา 5 นาที แล้วน้องเค้าได้กลับมา 30 นาที จึงคุ้ม เพราะ -5 + 30 = 25
ในขณะที่ถ้าผมให้น้องไปตรวจภาษาอังกฤษเอง ผมอาจเซฟเวลาตัวเองได้ 5 นาที แต่น้องเสียเวลาไป 30 นาที 5-30 = -25
ดังนั้นการตรวจภาษาอังกฤษน้องจึงเป็นเรื่องที่ควรทำ
สถานการณ์ที่สอง
ผมไปร้านก๋วยเตี๋ยวเรือ สั่งเส้นเล็กน้ำตก ปรากฎว่าได้เส้นใหญ่น้ำตกมา คำถามคือผมควรจะให้เขาไปทำมาใหม่หรือกินเส้นใหญ่ซะ?
ในมุมของผม ถ้าได้กินเส้นเล็ก คะแนนความสุขคือ 10/10 แต่ถ้าได้กินเส้นใหญ่ ความสุขอาจจะลดเหลือ 8/10
ในมุมของร้าน การที่มีคนกินก๋วยเตี๋ยวของเขา เขาก็จะได้คะแนนความสุข 10/10 แต่ถ้ามีก๋วยเตี๋ยวมาคืนแล้วต้องเททิ้ง คะแนนความสุขเขาอาจเหลือแค่ 5/10
ถ้าผมเลือกให้ร้านไปทำเส้นเล็กมาให้ คะแนนรวมจะได้ 10+5 = 15
แต่ถ้าผมเลือกกินเส้นใหญ่ คะแนนรวมจะได้ 8+10 = 18
ดังนั้นผมถึงเลือกกินเส้นใหญ่ครับ
บางคนที่อ่านอาจจะมีข้อโต้แย้งในใจมากมาย เช่นถ้าเราปล่อยให้น้องฝึกภาษาอังกฤษเอง วันหนึ่งเขาก็น่าจะเก่งโดยไม่ต้องมาขอให้เราช่วยก็ได้ หรือถึงเราจะคืนก๋วยเตี๋ยวไปให้ร้าน เค้าก็อาจจะเอาไปขายลูกค้าคนอื่นต่อก็ได้ (ซึ่งเอาจริงๆ ถ้าเราเป็น “คนอื่น” ที่ได้ก๋วยเตี๋ยวถ้วยเก่า เราคงไม่แฮปปี้เท่าไหร่หรอก)
ตัวอย่างข้างต้นทั้งสองข้อจึงไม่ใช่ตัวอย่างที่่เพอร์เฟ็คต์ แต่น่าจะพอช่วยให้เห็นภาพกระบวนการคิดได้
ตัวอย่างที่สาม
ข้อดีของอินเตอร์เน็ตและโซเชี่ยลมีเดียคือมันเอื้อให้ทุกคนสร้างอิมแพ็คได้มากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ผมเสียเวลาเขียนบล็อกวันนี้ 60 นาที แต่ถ้าหากมีคนได้อ่านบทความนี้ 100 คนและแต่ละคนนำความคิดที่ได้ไปช่วยประหยัดเวลาได้คนละ 5 นาที
-60 + 500 = 440 นาที
คุ้มเห็นๆ
และอย่าลืมว่ามันไม่ใช่แค่ 5 นาทีในวันนี้ แต่ยังเป็น 5 นาทีที่จะเกิดขึ้นอีกนับครั้งไม่ถ้วนในภายภาคหน้า
ดังนั้น เวลาที่มีใครมาบอกตัวเองว่าจะเปิดเพจหรือเขียนบล็อก ผมเลยอนุโมทนาทุกครั้ง เพราะถ้าเขาเขียนสิ่งที่มีประโยชน์ ต่อให้มีคนอ่านไม่กี่คน “แต่ผลประโยชน์มวลรวม” นั้นย่อมเป็นบวกอย่างไม่ต้องสงสัย
รูปประกอบนี้ก็เช่นกัน ทหารยื่นแอปเปิ้ลให้กับเด็ก สำหรับทหารแอปเปิ้ลลูกนั้นอาจสร้างความสุขให้เขาแค่ 3 แต้ม แต่หากเด็กได้กินมันอาจสร้างความสุขให้เด็กถึง 10 แต้ม
ลองใช้ชีวิตโดยเอา “ความสุขมวลรวม” เป็นที่ตั้งนะครับ
บ่อยครั้งมันเราอาจพบว่าเราต้องเหนื่อยมากขึ้น ต้องเสียสละมากขึ้น
แต่สุดท้ายแล้ว คนที่จะมีความสุขทีสุดคือตัวเราเองครับ
—–
ขอบคุณคุณผู้อ่านที่อุดหนุนหนังสือเล่มแรกของผม “Thank God It’s Monday ขอบคุณโลกนี้ที่มีงานประจำ” จนติด Bestseller หมวดจิตวิทยาของซีเอ็ดครับ (https://goo.gl/e326HZ) หากใครยังไม่ได้จับจอง ยังสามารถหาซื้อได้ที่ซีเอ็ด นายอินทร์ คิโนะคุนิยะ เอเชียบุุ๊คส์ บีทูเอส ศูนย์หนังสือจุฬา หรือสั่งซื้อโดยตรงกับผมได้ครับ bit.ly/tgimannounce