พรุ่งนี้เอาใหม่

เวลามีคนมาปรึกษาเรื่องปัญหาหนักใจ และมีความคิดว่าอยากจะล้มเลิกไปให้รู้แล้วรู้รอด ผมมักจะบอกให้ใจเย็น พักให้หายเหนื่อยก่อนแล้วค่อยๆ คิด

เพราะการหยุดนั้นมันง่าย จะทำเมื่อไหร่ก็ได้ สัปดาห์หน้าหรือเดือนหน้าค่อยเลิกก็ยังไม่สาย ดังนั้นให้ผัดผ่อนการยอมแพ้ออกไปก่อน

ผมเองก็คุ้นเคยกับความรู้สึกนี้ เพราะเขียนบล็อกมา 8 ปี หลายครั้งที่ไม่รู้จะเขียนเรื่องอะไร และหลายครั้งที่ตั้งใจเขียนเป็นอย่างยิ่งแต่กลับมีคนอ่านน้อยจนใจแฟ่บ โชคดีที่พลังงานที่ใช้ในการเขียนบล็อกนั้นยังอยู่ในวิสัยที่ไม่เบียดเบียนตัวเองเกินไป เมื่อผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามคาด ผมจึงมักบอกตัวเองว่า “ไม่เป็นไร พรุ่งนี้เอาใหม่”

“Courage doesn’t always roar. Sometimes courage is the little voice at the end of the day that says I’ll try again tomorrow.”

Mary Anne Radmacher

เสียงเล็กๆ ในหัวว่าพรุ่งนี้จะกลับมาอีกครั้ง อาจไม่ได้ฟังดูอาจหาญเท่ากับการเผชิญหน้าสิ่งอันตรายทางกายภาพ แต่อย่างน้อยมันก็เป็นสัญลักษณ์และสัญญาณว่าเรายังไม่ยอมแพ้ และจะไม่เดินหนีจากสิ่งที่เรารักไปโดยง่าย

ถ้าวันไหนรู้สึกว่าท้องฟ้าสีหม่นๆ เจอคนใจร้าย หรือคล้ายโดนโชคชะตารังแก เราอย่าผลีผลามที่จะทำอะไรหุนหัน

แค่ลุกออกจากที่นั่ง ไปทำอย่างอื่นให้ใจคลาย

แล้วบอกตัวเองว่า “ไม่เป็นไร พรุ่งนี้เอาใหม่” ดูครับ

ดูแลตัวเองให้ดี

20181223d

พรุ่งนี้ยังมีคนต้องการเราอยู่

การทุ่มเทเต็มร้อยให้กับงานที่เราทำเป็นเรื่องดี แต่คนทุ่มเทก็มีสองแบบ

คือคนทุ่มเทที่มองใกล้ กับคนทุ่มเทที่มองไกล

ถ้ามองใกล้ ก็อาจจะทุ่มเทจนสุขภาพเสียหาย

ถ้ามองไกลอีกซักหน่อย ว่าเรามีร่างกายเดียวที่จะใช้ไปอีก 50 ปี เราก็จะไม่ทำอะไรที่ทรมานสังขารเกินความจำเป็น

ไม่ผิดที่จะมีเป้าหมาย แต่ผิดหากรีบร้อนเกินไป

ช้าลงหน่อยก็ได้ แบ่งเวลาเพื่อดูแลตัวเองมากขึ้นอีกนิด

อาจจะไปได้ไม่เร็วเท่า แต่ไปได้ไกลกว่าแน่นอน

—–

Storytelling with Powerpoint รุ่นที่ 2 เรียนเสาร์ที่ 19 มกราคม 2562 เปิดรับสมัครแล้ว ดูรายละเอียดได้ที่ http://bit.ly/tgimstory2fb

บทความวันละตอนจาก Anontawong’s Musings:

LINE: bit.ly/tgimline

Facebook: bit.ly/tgimfb

Twitter: bit.ly/tgimtwt

100 เหตุผลที่ทำไม่ได้

20181124_100reasons

1 เหตุผลที่ทำได้

100 เหตุผลที่จะไม่ได้เขียนบล็อกวันนี้
– ตื่นสายกว่าปกติ (6.30am)
– เห็นแฟนยังง่วงๆ เลยอาสาขับรถไปส่งแฟนเล่นโยคะ
– ระหว่างรอก็อ่านหนังสือหาไอเดียเขียนบล็อก
– แฟนเล่นโยคะเสร็จก็กลับถึงบ้านทานข้าวเช้า
– ทานข้าวเสร็จรีบอาบน้ำแต่งตัว
– ขับรถไปพัทยา
– สอน Time Management ให้กับคนกลุ่มใหญ่
– สอนเสร็จรีบตีรถกลับกรุงเทพ
– แวะส่งแฟนแถวบ้าน
– ขับรถต่อไปงานแต่งงานรุ่นน้องแถวสาทร
– เพิ่งกลับถึงบ้านตอนสี่ทุ่มครึ่ง
– ง่วงนอนและเหนื่อย อยากอาบน้ำกระโดดขึ้นเตียงเต็มแก่
– หัวสมองตื้อๆ คิดไอเดียเขียนบล็อกไม่ค่อยออก
– คืนนี้ยังต้องดูลูกเล็กอีก
– เขียนไปตอนนี้ก็คงไม่ค่อยมีคนได้อ่าน
– ฯลฯ

1 เหตุผลที่ทำให้เขียนบล็อก
– ตั้งใจไว้แล้วว่าจะเขียนบล็อกวันละตอน

100 เหตุผลที่ทำไม่ได้ 1 เหตุผลที่ทำได้

ถ้าเรื่องนั้นมันสำคัญกับเราจริงๆ ก็จงหา 1 เหตุผลนั้นให้เจอ แล้วเดินหน้าต่อ

เมื่อ 1 เหตุผลของเราแข็งแรงพอ อีก 100 เหตุผลที่เหลือก็จะกลายเป็นเพียงข้ออ้างที่เราพึงเมินเฉยครับ

—–

บทความวันละตอนจาก Anontawong’s Musings:

LINE: bit.ly/tgimline

Facebook: bit.ly/tgimfb

Twitter: bit.ly/tgimtwt

กล้าพอไหม

20181114_braveenough

ที่จะให้ทาง

ที่จะไม่ขึ้นเสียง

ที่จะฟังเขาอย่างตั้งใจ

ที่จะยอมเสียเปรียบเสียบ้าง

ที่จะกล่าวขอโทษก่อนแม้ว่าเราไม่ผิด

ที่จะปิดแอร์ห้องในโรงแรมเวลาเราไม่อยู่ในห้อง

ที่จะทำสิ่งที่เราเชื่อว่าดีแม้คนรอบข้างจะไม่มีใครทำ

ความกล้าหาญไม่จำเป็นต้องเสียงดัง ไม่จำเป็นต้องยิ่งใหญ่

หลายครั้ง ความกล้าหาญเป็นเพียงเสียงกระซิบเบาๆ ให้เราลงมือทำสิ่งเล็กๆ ที่มุ่งหมายความสุขมวลรวมและลดอัตตาตัวตนครับ

—–

บทความวันละตอนจาก Anontawong’s Musings:

LINE: bit.ly/tgimline

Facebook: bit.ly/tgimfb

Twitter: bit.ly/tgimtwt

อย่าทิ้งฝันเพียงเพราะมันต้องใช้เวลา

20171107_taketime

เพราะยังไงๆ เวลาต้องผ่านพ้นไปอยู่แล้ว

“Never give up on a dream just because of the time it will take to accomplish it. The time will pass anyway.”
-Earl Nightingale

ตอนเด็กๆ เราล้วนมีความฝันกันทั้งนั้น

พอขึ้นมัธยมหรือเรียนมหาวิทยาลัย เราก็ยังมีความฝันอยู่ เพียงแต่ฝันอาจเปลี่ยนไปนิดหน่อยให้มันชิคมันคูลขึ้น

พอเรียนจบออกมา ต้องทำงานหาเงินเอง ต้องรับภาระ ต้องเผชิญโลกแห่งความจริงมากๆ เข้า ความฝันก็เลยค่อยๆ จางหายไปทีละฝันสองฝัน

แล้วถึงวันหนึ่ง ความฝันก็หมดไป เหลือไว้เพียงความรับผิดชอบ

ถ้าชีวิตถึงจุดนี้ ก็อาจจะแห้งผากไปหน่อยนะครับ

“ความเป็นผู้ใหญ่” หลายครั้งก็มาพร้อมกับชุดความเชื่อที่ว่า เราไม่อาจเป็นอย่างที่เราฝันได้หรอก เพราะเราเก่งไม่พอ ทุนไม่พอ มีเวลาไม่พอ

สารพัดสารพันเหตุผลที่จะหยิบยกขึ้นมา

ความฝันบางอย่าง มันอาจจะหมดอายุไปแล้วจริงๆ เพราะมัันเกี่ยวพันกับกายภาพ เช่นฝันอยากเป็นนักฟุตบอลอาชีพ แต่ตอนนี้อายุ 37 แล้วก็คงต้องปล่อยมันไป

แต่ความฝันหลายอย่างไม่เกี่ยวกับอายุ

อยากเป็นศิลปิน อยากเป็นนักเขียน อยากออกเดินทาง

แน่นอนว่ามันไม่ง่าย ต้องใช้แรง และเวลา

แต่ยังไงเสียเวลาย่อมจะต้องผ่านไปอยู่แล้ว

คำถามสำคัญจึงไม่ใช่เรื่องเวลา

คำถามสำคัญคือคุณพร้อมจะออกแรงดูซักตั้งรึเปล่า

แบ่งเวลาวันนี้จากจอทีวี จอมือถือ และจอไอแพด ซัก 30 นาทีเพื่อเอาเมล็ดฝันลงดินแล้วลองรดน้ำใส่ปุ๋ยดู

วันละ 30 นาที หนึ่งปีก็ 180 ชั่วโมง 5 ปีก็เกือบ 1000 ชั่วโมงแล้ว

1000 ชั่วโมงนี่สร้างอะไรได้มากมายนะครับ

ถ้าเราทำมันอย่างสม่ำเสมอ ด้วยความเพียรและด้วยพลังงานบวก ยังไงมันก็ต้องออกดอกออกผลบ้างล่ะน่า