เดือนนี้ผมเพิ่งได้อ่านหนังสือที่ดีมากๆ เล่มนึงจบไปครับ ให้คะแนน 9 เต็ม 10 เลย
หนังสือมีชื่อว่า The Little Book of Stoicism โดย Jonas Salzgeber ชาวสวิตเซอร์แลนด์ มีฉบับภาษาไทยแล้วโดยสำนักพิมพ์ Be(ing) ภายใต้ชื่อ “สโตอิก ปรัชญาเสริมแกร่งเพื่อชีวิตไม่สั่นคลอน”
คุณวิไลรัตน์ เอมเอี่ยม บรรณาธิการของ a day BULLETIN แปลหนังสือเล่มนี้ออกมาได้อย่างหมดจดงดงาม ผมไฮไลท์ไว้หลายประโยคมากจนน่าจะเป็นหนึ่งในหนังสือที่ผมไฮไลท์มากที่สุดในชีวิตนักอ่าน
เลยขอนำบางถ้อยคำจากหนังสือเล่มนี้มาให้ได้ชิมลาง หากประทับใจก็ตามไปอุดหนุนกันนะครับ เล่มนี้ผมแนะนำเลย
- หากไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง จงอย่าทำ ถ้าไม่ใช่ความจริง จงอย่าพูด
- สนใจในสิ่งที่ควบคุมได้: ยอมรับไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น และทำมันให้ดีที่สุด
- เราจำเป็นต้องปิดช่องว่างระหว่างสิ่งที่เราสามารถทำได้กับสิ่งที่เราทำจริงๆ
- ลองจินตนาการถึงตัวตนที่ดีที่สุดของตัวเองดู และแสดงตัวตนสูงสุดของตัวเองออกมาในทุกขณะ
- จงเป็นคนรับผิดชอบและกำจัดข้ออ้างทั้งหลายทั้งปวงที่จะไม่ยอมใช้ชีวิตให้ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
- เราไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้ว แล้วเรายังจะผัดผ่อนอีกหรือ จากนี้ไปให้ใช้ชีวิตเหมือนมนุษย์ที่เติบโตแล้ว
- พอเราต้องออกไปเผชิญโลกแห่งความเป็นจริง เราจะล้มเหลวไม่เป็นท่า แต่ก็เป็นเรื่องที่รับได้ เพราะนั่นคือเหตุผลที่เรามาอยู่ตรงนี้
- ไม่มีต้นไม้ใดมีรากหยั่งลึกหากไม่เคยผ่านพายุที่โถมเข้าใส่
- บอกตนเองเสียก่อนว่าท่านอยากเป็นอย่างไร จากนั้นจึงทำในสิ่งที่ท่านต้องทำ
- “นักปรัชญา” แปลว่า “ผู้รักในปัญญา”
- ปรัชญาไม่ใช่สิ่งที่สงวนไว้สำหรับเฒ่าชราปัญญาเลิศ แต่มันเป็นงานฝีมือที่สำคัญสำหรับทุกคนที่ต้องการเรียนรู้การใช้ชีวิต (และคววามตาย)
- ศิลปะการใช้ชีวิตนั้นเหมือนมวยปล้ำมากกว่าการเต้นรำ
- เพียงเพราะชีวิตตบหน้า เตะ ถ่มน้ำลายใส่ และสาดหมัดจนร่วงลงไปกอง ไม่ได้หมายความว่าเราควรจะยอมแพ้และเดินหนีไป
- คนที่ผ่านความทุกข์มานับครั้งไม่ถ้วนจะมีผิวหนังที่ด้านทนต่อความทุกข์ยาก
- ไม่ใช่สถานการณ์ที่ทำให้เรามีความสุขหรือทุกข์เศร้า แต่เป็นเพราะการตีความสถานการณ์เหล่านั้นของเราต่างหาก จุดนี้เองที่หอคอยแห่งความแข็งแกร่งจะเกิดขึ้นได้
- เหมือนกับที่องุ่นมีชีวิตที่ดีเพราะมีผลผลิตออกมาเป็นลูกองุ่น มนุษย์เราก็จะมีชีวิตที่ดีเมื่อได้เแสดงตัวตนสูงสุดของตัวเองออกมาในแต่ละขณะสู่อีกขณะและต่อไปอีกยังขณะหนึ่งนั่นเอง ไม่ได้มีปัจจัยภายนอกใดๆ เลยที่เกี่ยวข้องกับการมีชีวิตที่ดี ไม่ใช่วิลล่าริมทะเล ไม่แหวนเพชรเม็ดงาม และก็ไม่ใช่อะไรอื่นที่ไม่ได้ถูกฝังอยู่ภายในตัวเราให้เป็นศักยภาพตามธรรมชาติ
- คุณธรรมหลัก 4 ประการของชาวสโตอิก ประกอบไปด้วยปัญญา ความยุติธรรม ความกล้าหาญ และวินัย ไม่ว่าจะมาจากศาสนาหรือวัฒนธรรมไหน ก็ย่อมให้คุณค่ากับคุณลักษณะที่ว่านี้
- สิ่งใดที่ไม่ได้นำประโยชน์มาให้กับรวงรัง ก็ไม่มีประโยชน์อันใดสำหรับตัวผึ้งเอง สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคนอื่นก็ย่อมจะดีที่สุดสำหรับเราเช่นกัน
- การมอบอำนาจให้กับสิ่งที่เราไม่สามารถควบคุมได้คือบ่อเกิดของความทุกข์ใจ
- เราสามารถตัดสินใจได้ว่าเหตุการณ์ใดมีความหมายกับเรา และเราจะตอบสนองกับมันอย่างไร
- ใครที่ไหนจะมาห้ามเราจากการเป็นคนดีและจริงใจได้
- มีแต่เราคนเดียวเท่านั้นที่จะทำลายชีวิตตัวเองได้
- หลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นราวกับโชคร้าย เราทำได้เพียงแบกรับมันไว้ด้วยจิตใจอันสูงส่ง
- ทันทีที่ได้ไพ่มา เราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมรับ มันสายเกินไปที่จะเปลี่ยนไพ่ ผู้ชนะไม่ใช่คนที่มีไพ่ดีที่สุด แต่คือคนเล่นไพ่ของตัวเองได้ดีที่สุดตลอดเกมการแข่งขัน หรือตลอดชั่วชีวิตของพวกเขาต่างหาก
- ความดีงามสูงสุดหรืออาเรเต้ (areté) เพียงอย่างเดียวก็เพียงพอแล้วสำหรับการมีชีวิตที่ดี และเพราะว่ามันอยู่ภายใต้การควบคุมของเรา จึงทำให้เราต้องรับผิดชอบต่อความเจริญงอกงามของตัวเอง
- ความรับผิดชอบนี้จะทำให้เราไม่มีข้ออ้างในการมีชีวิตที่มีความสุข เพราะเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่จะหยุดตัวเราเองจากการบ่มเพาะพฤติกรรมที่ดีงามได้ เราเพียงคนเดียวเท่านั้นที่หยุดยั้งตัวเองไม่ให้มีชีวิตที่ดี
- ขณะที่ผลลัพธ์อาจจะถูกยับยั้งจากเหตุการณ์ภายนอกได้ แต่กระบวนการและความตั้งใจของเราล้วนสำเร็จเสร็จสิ้นในปัจจุบันขณะ
- “ผู้มีปัญญามองไปที่เป้าประสงค์ของทุกการกระทำ ไม่ใช่ผลที่ตามมา การเริ่มต้นอยู่ในอำนาจของเรา แต่โชคชะตาจะตัดสินสิ่งที่ตามมา และข้าพเจ้าก็ไม่ยินยอมให้มันตัดสินตัวข้าพเจ้า” – เซเนกา
- การเปลี่ยนเหตุการณ์ภายนอกเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ การเปลี่ยนมุมมองที่เรามีต่อเหตุการณ์นั้นเป็นไปได้
- เมื่อความหลงเข้าควบคุมพวงมาลัย เหตุผลก็ถูกจับมัดและโยนเข้ากระโปรงท้ายรถไป
- เป็นเรื่องไร้เหตุผลสิ้นดีที่เราจะกลัวในสิ่งที่ไม่มีอันตราย
- ไม่ใช่ทุกคนที่จะจ้องตากับความกลัวและกล้าลงมือทำไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
- “ให้ปรัชญาขัดเกลาความผิดของท่าน ดีกว่าใช้มันเพื่อวิพากษ์วิจารณ์ความผิดของผู้อื่น” – เซเนกา
- “เราคล่องแคล่วและชำนาญยิ่งในห้องเรียน แต่ทดสอบเราด้วยการปฏิบัติจริงสิ ท่านจะพบว่าพวกเราคือเรืออัปปางอันน่าเวทนา” – เอพิคเตตัส
- เราไม่ได้เกิดมาเพื่อความสุขสบาย ชีวิตไม่ควรจะมีแต่เรื่องง่ายๆ
- “ท่านคิดว่าเฮอร์คิวลีสจะกลายเป็นอะไรหากไม่มีสิงโต ไม่มีอสูรไฮดร้า กวางไพร หรือหมีป่า และไม่มีอาชญากรเถื่อนให้กำราบ เขาจะได้ทำอะไรบ้างหากปราศจากความท้าทายเหล่านั้น” – เอพิคเตตัส
- “ข้าพเจ้าบอกได้ว่าท่านนั้นไร้โชคอย่างยิ่ง เพราะท่านไม่เคยใช้ชีวิตผ่านความโชคร้ายมาก่อน ท่านผ่านพ้นชีวิตมาโดยปราศจากคู่ต่อสู้ จึงไม่มีใครเคยรู้ว่าท่านมีความสามารถอะไรบ้าง แม้แต่ตัวท่านเองก็ไม่รู้” – เซเนกา
- อย่าโยนผ้ายอมแพ้ตั้งแต่เห็นเค้าลางของความยากลำบาก
- ไม่ใช่อุปสรรคหรอกที่น่ากลัว แต่เป็นวิธีที่เรามองมันต่างหาก
- “อันตรายก็คือคุณจะใช้วันคืนไปกับการตามหาสิ่งที่ไร้ค่า ดังนั้นจึงทำให้ชีวิตคุณไร้ค่า” -วิลเลียม เออร์วิน
- วินัยในตนเองก็เหมือนกล้ามเนื้อ ยิ่งเราใช้มันเท่าไหร่ เราก็แข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น
- ถ้าเราทำมันในวันนี้ ก็เป็นไปได้ว่าเราจะทำอีกในวันพรุ่งนี้ ถ้าเราไม่ได้ทำมันตั้งแต่วันนี้ ก็มีโอกาสน้อยมากที่เราจะทำในวันรุ่งขึ้น
- จงย้ายฝั่งจากเหยื่อที่เอาแต่พร่ำบ่นมาเป็นผู้กำหนดที่มีความรับผิดชอบ
- “เมื่อท่านจุมพิตบุตรและภรรยา จงบอกตัวเองซ้ำๆ ว่า ‘ข้ากำลังจูบผู้ต้องจากไป'” -เอพิคเตตัส
- เรียนรู้ที่จะมีความสุขกับผู้คนและสิ่งของโดยไม่ยึดติดและอาลัยอาวรณ์
- Memento mori – จำไว้ว่าสักวันเราต้องจากไป
- ให้คิดว่าทุกอย่างที่เรามีเป็นของที่ยืมมา เพื่อนสนิท คู่ชีวิต ลูกๆ เจ้าแมวเหมียว สุขภาพ สถานภาพ รถยนต์ แล็ปท็อป เขาให้เรายืมมาทั้งนั้น เราต้องตระหนักสิ่งนี้ไว้ และรู้ว่าสักวันผู้ยืมจะอยากได้ของคืน เมื่อนั้นโชคร้ายจะเล่นงานเราเบาลง
- “ชะตากรรมจะร่วงหล่นลงมาอย่างหนักหนาสำหรับคนไม่คาดหวัง แต่คนที่จับตาดูอยู่เสมอจะรับมือได้อย่างง่ายดาย” – เซเนกา
- ใช้เวลาห้านาทีทุกคืนนั่งทบทวนอย่างมีสติถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้และมองย้อนถึงการกระทำของคุณ อะไรที่คุณทำได้ดี อะไรที่ทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร แล้วคุณจะปรับตัวเองในครั้งหน้าอย่างไร
- จำสิ่งนี้ไว้ให้ขึ้นใจ – จงมีเมตตากับตัวเองเสมอ
- “จำไว้ว่าท่านคือนักแสดงในบทละครที่ถูกกำหนดมาโดยผู้ประพันธ์ ถ้าเรื่องนั้นสั้น มันก็สั้น ถ้าเรื่องนั้นยาว มันก็ยาว ถ้าหากเขาต้องการให้ท่านเล่นเป็นขอทาน ก็จงเล่นบทนั้นให้ดีเลิศ…แสดงบทบาทที่ได้รับมอบหมายมาให้ดี แต่การเลือกบทเป็นสิ่งที่ขึ้นอยู่กับผู้อื่น” – เอพิคเตตัส
- เป็นไปได้ว่าคุณอาจเป็นลูกสาวที่ดี แต่พ่อของคุณไม่ใช่พ่อที่ดี เขาอาจจะเล่นบทของเขาได้ไม่ดี แต่นั่นไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณ ทำหน้าที่ของการเป็นลูกสาวให้สมบูรณ์แม้ว่าเขาจะไม่ได้ทำหน้าที่พ่อที่ดี เพราะท้ายที่สุดก็คือความพ่ายแพ้ของเขา เขาทำลายตัวเองด้วยการทำในสิ่งที่ไม่สอดคล้องกับธรรมชาติ แต่ถ้าคุณพยายามทำให้พ่อเจ็บปวดบ้าง คุณก็จะไม่บรรลุหน้าที่ของการเป็นลูกสาว เล่นบทบาทของตัวเองให้ดี แม้คนอื่นจะไม่ทำแบบนั้นก็ตาม
- เราไม่เคยตระหนักถึงเม็ดทรายของเวลาในขวดแก้วชีวิตที่กำลังร่วงไหลลงมา
- “แม้แต่สิ่งที่เล็กน้อยที่สุดที่เราทำก็ควรจะรู้ว่าจุดหมายที่ทำคืออะไร” – มาร์คัส ออเรเลียส
- “คนที่ตื่นเต้นดีใจกับการมีชื่อเสียงโด่งดังลืมเลือนไปว่า คนที่จะจดจำเขาได้ย่อมจากไปในอีกไม่ช้า และคนที่อยู่หลังจากนั้นก็จะตายตามไปเช่นกัน” – มาร์คัส ออเรเลียส
- เราไม่ควรมองหาคำขอบคุณหรือการยอมรับสำหรับการทำในสิ่งที่ถูกต้อง เพราะการทำสิ่งที่ถูกต้องย่อมเป็นรางวัลในตัวมันเองอยู่แล้ว
- “รับมาโดยไม่แยแส ปล่อยไปอย่างไร้ผูกพัน” – มาร์คัส ออเรเลียส
- มากไม่ได้หมายความว่าดีกว่า การได้มาเปล่าๆ ก็ไม่ได้แปลว่าไม่มีราคาต้องจ่าย
- “ไม่มีใครมีอำนาจมากพอที่จะได้ทุกสิ่งที่ต้องการ แต่พวกเขามีอำนาจมากพอที่จะไม่ต้องการในสิ่งที่พวกเขาไม่มี” – เซเนกา
- อย่าใช้เวลาไปกับเรื่องที่ไม่สำคัญ เพราะยิ่งเราใช้เวลากับสิ่งไหนมากเท่าไหร่ มันก็จะกลายเป็นเรื่องที่สำคัญกับเรามากเท่านั้น ในขณะเดียวกัน สิ่งที่สำคัญกับเราอย่างแท้จริง เช่นครอบครัว เพื่อนฝูง คำมั่นสัญญา การเผยตัวตนที่ดีงามสูงสุดของเราออกมา จะกลายเป็นสิ่งที่สำคัญน้อยลงเรื่อยๆ เพราะเราใช้เวลากับมันน้อยนั่นเอง
- ถ้าท่านอยากพัฒนาตัวเอง จงทำตัวเป็นคนโง่ในเรื่องที่ไม่ได้สลักสำคัญ
- ทรัพย์สินที่มีค่าที่สุดคือคุณลักษณะของตนเอง
- เวลาว่างของเราก็หมดไปกับกิจกรรมที่เราทำไปเรื่อยเปื่อยเพื่อจะทำให้ตัวเองด้านชาไม่รับรู้อะไร
- “ไม่ใช่ว่าเรามีเวลาของชีวิตสั้นเกินไปหรอก แต่เพราะเราเสียเวลาเปล่าๆ มากไปต่างหาก” – เซเนกา
- ระวังที่จะกลายเป็นคนแก่ที่ไม่มีเครื่องพิสูจน์คุณวุฒิอะไรนอกจากอายุและผมหงอกขาว
- “มันเป็นไปได้ที่คนคนหนึ่งจะมีชีวิตที่ยาวนานแต่ใช้ชีวิตได้น้อยเหลือเกิน” – เซเนกา
- “เป็นไปไม่ได้ที่เราจะเรียนรู้สิ่งที่เราคิดว่าเรารู้อยู่แล้ว” – มาร์คัส ออเรเลียส
- สิ่งต่างๆ ไม่ได้เกิดขึ้นเพื่อทำร้ายเรา มันก็แค่เกิดขึ้นเท่านั้นเอง
- เราถูกฉุดรั้งด้วยความกลัว เราถูกทำให้พิกลพิการด้วยสิ่งที่ไม่จริง
- คนที่ไม่อยากได้อะไรนอกเหนือความควบคุมของตัวเองจะไม่มีความกังวลเลย
- ความกลัวจะเพิ่มพูนขึ้นเมื่อเราไม่มองมันตรงๆ
- สิ่งที่เป็นสาเหตุของความกลัวไม่ใช่เรื่องจริง แต่ผลที่ตามมามันจะจริงเอามากๆ และขวางทางเราไว้ เราคือคุณที่กำลังฉุดรั้งตัวเองอย่างแท้จริง
- จงเป็นจักรพรรดิของชีวิตตัวเอง คนที่ประสบความสำเร็จล้วนแต่ทำในสิ่งที่ต้องทำให้เสร็จไม่ว่าเขาจะอยากทำหรือไม่ก็ตาม
- “เหตุผลเท่านั้นที่จะทำให้น้ำตาของเราหยุดไหล เพราะโชคชะตาจะไม่ทำเช่นนั้น” – เซเนกา
- “แตงกวาขมไปหรือ โยนมันทิ้งไปเสีย มีขวากหนามขวางทางหรือ ก็เดินอ้อมมันไป นั่นคือทั้งหมดที่ท่านจำเป็นต้องรู้ ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น อย่าเรียกร้องต้องรู้ให้ได้ว่า ‘ทำไมสิ่งนั้นจึงเกิดขึ้น’ คนที่เข้าใจโลกจะหัวเราะเยาะ เหมือนที่ช่างไม้หัวเราะถ้าคุณประหลาดใจที่เจอขี้เลื่อยในโรงไม้ของเขา หรือแปลกใจกับเศษหนังเหลือใช้ที่กระจายเกลื่อนไปทั่วในโรงผลิตรองเท้า” – มาร์คัส ออเรเลียส
- ผู้มีปัญญาย่อมมั่นใจได้ว่าสิ่งที่เกิดจะไม่มีอะไรอยู่เหนือความคาดหมาย เราไม่ควรประหลาดใจกับอะไรทั้งนั้น โดยเฉพาะสิ่งที่เกิดขึ้นให้เห็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
- “อันตรายใหญ่หลวงนั้นคือการพูดถึงสิ่งที่ตัวเองได้เรียนรู้มา เพราะท่านอาจสำรอกในสิ่งที่ยังไม่ได้ย่อย” – เอพิคเตตัส
- โรคภัยไข้เจ็บเป็นอุปสรรคต่อร่างกาย แต่ไม่ใช่ต่อความมุ่งมั่น
- แรงลมจะช่วยโหมกองเพลิง แต่จะดับเปลวเทียน
- “ถ้ามีใครโยนร่างกายของท่านไปให้ใครสักคนที่เดินผ่านไป ท่านก็คงโกรธมาก แต่ท่านกลับยกจิตใจของตัวเองใส่มือใครก็ตามที่ผ่านมา เพื่อให้เขาทำร้ายท่าน ทำให้ท่านคับข้องและสับสน ท่านไม่อายบ้างหรือ” – เอพิคเตตัส
- ในชั่วขณะที่แสนโกลาหล มักเป็นเรื่องง่ายที่เราจะหลุดความสนใจจากงานที่อยู่ตรงหน้า และหลงใหลไปในความมหาศาลของชีวิต
- “ไม่มีใครสูญเสียอดีตหรืออนาคตได้ เพราะคนเราจะถูกพรากจากสิ่งที่ไม่ใช่ของเขาได้อย่างไร” – มาร์คัส ออเรเลียส
- “ปัจจุบันขณะไม่อาจทำให้คุณทุกข์ทรมานได้” – เซเนกา
- จำเอาไว้ว่าชีวิตเอื้อเฟื้อแก่เราแค่ไหน เราไม่จำเป็นต้องมีข้าวของมากขึ้น เราต้องมีน้อยลงเราถึงจะเป็นอิสระ
- “อย่าเอาใจของท่านไปผูกอยู่กับสิ่งที่ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของ…แต่ให้ขอบคุณสิ่งที่เป็นของท่านจริงๆ และคิดดูว่าท่านจะปรารถนามันมากเพียงใดหากมันไม่ได้เป็นของท่านในตอนนี้” – มาร์คัส ออเรเลียส
- “เมื่อสิ่งใดถูกพรากไป จงพร้อมที่จะปล่อยมือทันที และจงขอบคุณช่วงเวลาที่ท่านเคยมีมัน” – เอพิคเตตัส
- ครั้งต่อไปหากมีสิ่งที่ไม่สบายใจเกิดขึ้นกับคุณ ลองจินตนาการว่ามันเกิดขึ้นกับคนอื่นดู ถามตัวเองว่าคุณจะตอบสนองอย่างไรเมื่อเรื่องเดียวกันนี้เกิดขึ้นกับชารอน เพื่อนร่วมงานของคุณ ถ้ามันไม่ใช่เรื่องคอขาดบาตตายเมื่อมันเกิดขึ้นกับชารอน มันก็ย่อมจะไม่คอขาดบาดตายกับคุณเช่นกัน
- เตือนตัวเองเอาไว้ว่าสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับเราไม่ใช่เรื่องพิเศษ คนนับร้อยเคยประสบมันมาก่อนเรา และคนอีกนับร้อยก็จะเจอแบบเดียวกันเมื่อเราจากไป
- “ความหยาบคายที่สุด ความใจร้ายที่สุด และความโหดร้ายที่สุด ล้วนแต่เป็นหน้ากากปิดบังความอ่อนแอที่อยู่ลึกที่สุด” – ไรอัน ฮอลิเดย์
- สิ่งที่ทำให้รู้สึกถูกใจ ส่วนใหญ่ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องที่ควรทำ
- “เมื่อไหร่ก็ตามที่ท่านตำหนิการกระทำผิดของผู้อื่น จงย้อนกลับมาดูความล้มเหลวแบบเดียวกันนั้นของท่านทันที…เมื่อเราคิดได้แบบนี้เราจะลืมความโกรธเคืองไปอย่างรวดเร็ว” – มาร์คัส ออเรเลียส
- จงเป็นผู้ให้อภัย แม้ว่าคนอื่นจะไม่ให้อภัยเราก็ตาม
- จงอดทนและอ่อนโยนกับคนอื่นๆ เพราะคุณเองก็อยู่ในจุดเดียวกับเขามาก่อนเมื่อไม่นานมานี้เอง
- อย่าหวังให้ผู้คนไม่ทำผิด แต่จงขอความแข็งแกร่งในการอดทนอดกลั้นและให้อภัยเขา
- ปล่อยคนอื่นให้อยู่กับความผิดพลาดของเขาไป ไม่มีข้อใหนในปรัชญาสโตอิกที่ให้เราหาญกล้าไปตัดสินพวกเขา เราทำได้เพียงยอมรับและรักพวกเขาในแบบที่พวกเขาเป็น ใส่ใจในสิ่งที่อยู่ภายในตัวเอง แค่นั้นก็มากพอแล้วที่จะพัฒนาตัวเราเอง
- ท่านจะรออีกนานเพียงใดกัน จึงจะเรียกร้องสิ่งที่ดีที่สุดจากตัวเอง
- ถามตัวเองดูว่า “ฉันอยากจะเป็นคนแบบไหนในโลกใบนี้” แล้วก็ใช้ชีวิตแบบนั้นเสีย
- ก็แค่ทำสิ่งที่ดีไปทีละเรื่อง
- หนึ่ง อย่าหงุดหงิด สอง ทำในสิ่งที่ถูกต้อง เท่านั้นเอง
- ถึงเวลาที่จะเป็นในแบบที่คุณอยากเป็นแล้ว วันนี้เลย ไม่ใช่พรุ่งนี้
ขอบคุณเนื้อหาจากหนังสือ “สโตอิก ปรัชญาเสริมแกร่งเพื่อชีวิตไม่สั่นคลอน The Little Book of Stoicism” Jonas Salzgeber เขียน วิไลรัตน์ เอมเอี่ยม แปล สำนักพิมพ์ Be(ing)