ถ้าเรารักตัวเองจริงเราจะไม่เพิ่มทุกข์ให้ตัวเอง

“ทุกวันนี้คนเรารักเงิน รักชื่อเสียง รักความสำเร็จมากกว่ารักตัวเอง ยอมตายเพื่อเงินได้ ยอมตายเพื่อรถ ยอมตายเพื่อความสำเร็จ…ถ้าคุณเสียเงิน ถ้าคุณรักตัวเองคุณจะเสียแต่เงิน คุณจะไม่ปล่อยใจให้เสีย เพราะถ้าคุณปล่อยใจให้เสีย สุขภาพคุณก็จะเสียด้วย ถ้าคุณรักตัวเอง เวลารถติดแค่เสียเวลาก็พอแล้ว อย่าไปเสียสติ เสียอารมณ์…ถ้าไม่รักตัวเอง เสียเวลาไม่พอ เสียสติ เสียอารมณ์ เพราะเผลอ ถ้าคุณรักตัวเองจริง คุณจะไม่เพิ่มทุกข์หรือหาทุกข์มาใส่ตัว”

พระไพศาล วิสาโล | The Lessons บทเรียนชีวิต

ฟังคำสัมภาษณ์ของพระไพศาลที่ดำเนินโดยพี่เอ๋ นิ้วกลม ก็ทำให้นึกถึงอีกประโยคหนึ่งของ Haruki Murakami นักเขียนชื่อดังชาวญี่ปุ่น

Pain is inevitable. Suffering is optional.”

ที่มัน optional ก็เพราะว่าถ้าเรามีสติรู้ทัน ความทุกข์จะจบลงแค่ตรงทุกข์ทางกาย หรือชั่วแว่บที่ใจรู้ว่ามีปัญหา

แต่ถ้าเรารู้ไม่ทัน เราก็จะเพิ่มทุกข์ให้ตัวเองตามความเคยชิน ด้วยการหงุดหงิด ด้วยการกระสับกระส่าย ด้วยการอยากให้ความจริงมันต่างไปจากตอนนี้

เวลารถติดคือเวลาที่สังเกตเห็นตัวเองได้ง่ายที่สุด ถ้าเรารู้ว่าเราจะไปสาย สิ่งเดียวที่เราพอทำได้คือแจ้งคนที่รอเราอยู่ จากนั้นมันจะต้องใช้เวลาเท่าไหร่ก็ต้องเป็นไปตามนั้น ถ้าต้องหาที่จอดรถเพื่อกระโดดขึ้นมอเตอร์ไซค์ก็ต้องเป็นไปตามนั้น ซึ่งเราสามารถทำได้ด้วยใจที่ไม่หงุดหงิด เพราะการหงุดหงิดไม่ได้ทำให้เราไปถึงเร็วขึ้นแม้แต่นาทีเดียว

สมัยนี้เขาบอกให้รักตัวเองให้มากๆ แต่บางคนก็ตีความว่ามันคือการพาตัวเองไปเสพของดีๆ เที่ยวที่สวยๆ ซึ่งก็คงช่วยให้หย่อนใจ แต่มันไม่ได้ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันความทุกข์ให้กับเราเลย

ถ้าเรารักตัวเองจริง เราควรฝึกฝนให้มีสติรู้ทัน เวลาเจอปัญหาจะได้ “วางใจ” ให้ถูก

จะได้ไม่ซ้ำเติมความทุกข์ให้ตัวเองครับ

โกรธหนึ่งครั้งภูมิคุ้มกันลดไป 6 ชั่วโมง

วันนี้ผมหยิบหนังสือเล่มเก่ามาอ่าน ชื่อว่า “เสียงในความทรงจำ” ของคุณวรพจน์ พันธุพงศ์ นักสัมภาษณ์ที่ผมชื่นชอบมากที่สุด

เลยขอนำบางช่วงตอนของบทสนทนาระหว่างคุณวรพจน์และน.พ.วิธาน ฐานะวุฑฒ์ ที่เคยตีพิมพ์ลงนิตยสาร GM ฉบับเดือนกรกฎาคม 2546 มาให้ได้อ่านกันครับ


ดูเหมือนคุณจะเน้นย้ำเรื่องความเครียดบ่อยๆ ความเครียดน่ากลัวยังไงกับมนุษย์ยุคนี้?

อันตรายที่สุด คุณรู้ไหมว่าโรคที่หมอทั้งโลกกำลังรักษาอยู่ 70-80% เป็นโรคอันสืบเนื่องมาจากความเครียด โรคความดัน หัวใจ เบาหวาน ภูมิแพ้ ข้อ เกาต์ ทั้งหมดนี้เชื่อมกับความเครียดทั้งนั้น ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง โรคกระเพาะ มะเร็ง ก็โดยตรง เพราะเซลล์ถูกสร้างขึ้นอย่างผิดปกติทุกวัน ถ้าระบบภูมิคุ้มกันดีก็สามารถฆ่าเซลล์ผิดปกติเหล่านั้น เม็ดเลือดขาวไปจัดการ แต่เครียดปุ๊บ ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันไม่ดี เซลล์ผิดปกติก็โตขึ้นสร้างปัญหา

ที่ร้ายคือคนเครียดมักไม่รู้ตัว คุณลองหายใจลึกๆ ดู หายใจเข้าท้อง แล้วลองเอาใจจับความคิดตอนนี้ว่าคิดอะไรอยู่ รู้สึกอะไร แค่เฝ้าดูตัวเองก็สนุกแล้ว ง่ายๆ แค่นี้เราเคยรู้กันบ้างไหม คำว่าเครียดมันเป็นคำรวม คนจะปฏิเสธว่าฉันไม่เครียด จริงๆ คือรวมถึงความโกรธ หงุดหงิด อิจฉา สิ่งที่เป็นอารมณ์ลบทุกอย่าง

.

อะไรทำให้คนเครียดมากที่สุด?

ความโกรธ

.

คนทุกวันนี้โกรธกันเยอะขนาดนั้นเลยหรือ?

ใช่ ความโกรธทำลายมนุษย์เยอะมาก โกรธ โผงผาง พวกนี้มีสิทธิ์เป็นโรคหัวใจ โรคความดันสูง แล้วทำไมเราให้ยาที่ปลายเหตุ ทำไมเราไม่ดูแลหัวใจให้ดีตั้งแต่ก่อนจะเป็นโรคหัวใจ นี่คือประเด็น โกรธครั้งหนึ่ง ไอจีเอ ภูมิคุ้มกันในน้ำลายลดลงไป 6 ชั่วโมงทันที อาจจะลดลงไปต่ำกว่านั้นเป็นวันก็ได้ เขาวิจัยมาขนาดนั้น ไอจีเอตัวเดียวนะ ไม่นับอย่างอื่น ฮอร์โมนในร่างกายของเรามีเป็นพันๆ หมื่นๆ เอาแค่ตัวเดียวภูมิคุ้มกันลดไปอย่างน้อย 6 ชั่วโมง บางครั้งทั้งวันยังไม่ขึ้นมาเหมือนเดิม บางทีหายไปเลย

.

แล้วมันมีผลยังไง?
ภูมิคุ้มกันลดลง เซลล์มะเร็งก็งอกขึ้นมาอีกเม็ดหนึ่ง คนที่เป็นเอดส์ เชื้อไวรัสก็จะโตขึ้น ภูมิคุ้มกันสำคัญมาก แทนที่คุณจะไม่เป็นหวัดก็อาจเป็นหวัด


ขอบคุณเนื้อหาจากหนังสือ เสียงในความทรงจำ วรพจน์ พันธุ์พงศ์ สำนักพิมพ์ openbooks