อย่าลืมว่าเรามาทำอะไรที่นี่

20200629

เวลามาออฟฟิศ เรามาเพื่อทำงานให้มันเสร็จ ไม่ใช่เพื่อมานั่งเล่นเน็ต เล่นการเมือง หรือนั่งนินทา

เวลามาเข้าประชุม เรามาเพื่อที่จะแชร์ข้อมูล ตัดสินใจ และทำให้งานเดินหน้า ไม่ใช่เพื่อที่จะเกี่ยงงาน และโทษกันไปมา

เวลามาออกกำลังกาย เรามาเพื่อจะได้ออกเหงื่อ ไม่ใช่เพื่อจะวางแผนว่าจะเซลฟี่ยังไงให้ดูดีที่สุด

เวลามาอยู่บนโลกใบนี้ เรามาเพื่อที่จะทำให้ชีวิตของตัวเองและผู้อื่นดีขึ้น ไม่ใช่มาเพื่อจะทำให้ตัวเองและคนอื่นแย่ลง

อย่าลืมว่าเรามาทำอะไรที่นี่

ความขัดแย้งในใจมันจะเกิด หากเราไม่ได้ทำในสิ่งที่ควรทำในที่ที่ควรทำครับ

หาโดมิโนตัวแรกให้เจอ

20200629b

ธรรมดาผมจะวิ่งจ๊อกกิ้งเช้าวันอังคาร พฤหัสฯ และวันเสาร์

วันอังคารวิ่งระยะกลาง วันพฤหัสฯ วิ่งระยะสั้น วันเสาร์วิ่งระยะยาว

อังคารที่แล้วผมวิ่งได้ค่อนข้างน้อย เหตุเนื่องมาจากตื่นสายไปหน่อย วิ่งได้แค่ครึ่งชั่วโมงก็ต้องเลิก หนึ่งเพราะแดดเริ่มร้อน สองเพราะต้องไปทำงาน

เหตุผลที่ตื่นสาย เพราะคืนก่อนหน้านั้นนอนดึก

ที่นอนดึกก็เพราะกว่าจะเอาลูกเข้านอนได้ก็เกือบสี่ทุ่มแล้ว

ที่ลูกนอนดึกเพราะผมกลับบ้านค่อนข้างค่ำ

ที่กลับบ้านค่ำเพราะต้องนั่งเคลียร์งาน

ที่ต้องมานั่งเคลียร์งานช่วงค่ำ เพราะระหว่างวันทำงานสะเปะสะปะไปหน่อย ทำให้บางอย่างที่ควรเสร็จตั้งแต่หัววันดันไม่เสร็จ และจะรอวันถัดไปก็สายเกิน

ที่ทำงานสะเปะสะปะเพราะตอนเช้าไม่ยอมเขียน to do list ลงในกระดาษให้ชัดเจนว่าวันนี้จะทำอะไรบ้าง และงานอะไรที่ต้องทำให้เสร็จภายในวันนี้เท่านั้น

เหตุการณ์ทุกอย่างมีที่มาที่ไปของมัน

สิ่งที่เราเจอในตอนนี้ เป็นผลจากสิ่งที่เราทำก่อนหน้านี้

เปรียบเสมือนโดมิโนที่วางเรียงกันอยู่ เมื่อตัวหนึ่งล้ม โดมิโนตัวอื่นๆ ในแถวก็ล้มตามไปด้วย

การไม่ยอมเขียน to do list ในเช้าวันจันทร์ คือโดมิโน่ตัวแรกที่ทำให้ผมวิ่งได้นิดเดียวในเช้าวันอังคาร

เวลาเราเจอปัญหาอะไร ลองพยายามสืบสาวราวเรื่องที่มา เพราะสิ่งนั้นเกิด สิ่งนี้จึงเกิด

กลับไปหาโดมิโนตัวแรกให้เจอ แก้ที่ต้นทาง แล้วปลายทางจะตรงได้เองครับ

—-

“ช้างกูอยู่ไหน” หนังสือเล่มใหม่ของผมที่ว่าด้วยการค้นหาสิ่งที่สำคัญกับเราอย่างแท้จริง มีขายที่ whatisitpress.com ครับ อ่านรายละเอียดได้ที่ bit.ly/eitrfacebook และอ่านรีวิวได้ที่นี่ครับ markpeak.net/elephant-in-the-room/

คนเราตายสามครั้ง

20200628

ครั้งที่หนึ่ง ตอนหัวใจหยุดเต้น

ครั้งที่สอง ตอนเผา

และครั้งที่สาม ตอนที่ใครสักคนเอ่ยถึงเราเป็นครั้งสุดท้าย

ครั้งที่หนึ่งและสองเราคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว แต่ครั้งที่สามเราอาจจะไม่เคยคิด

วันใดวันหนึ่งในอนาคต ชื่อของเราจะโดนใครสักคนพูด เขียน หรือนึกถึง โดยเขาคนนั้นจะเป็นคนสุดท้ายที่รับรู้ถึงตัวตนของเรา และหลังจากคนคนนั้นจากไป จะไม่มีใครรู้เลยว่าเราเคยมีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้มาก่อน

การตายครั้งที่หนึ่งและสองนั้นเหลื่อมล้ำกันไม่มากระหว่างมนุษย์แต่ละคน แต่การตายครั้งที่สามจะช้าจะเร็วขึ้นอยู่กับ “งาน” ที่เขาทำตอนที่ยังมีชีวิต

ถ้าเราสร้างงาน หรือสร้างประโยชน์เอาไว้มาก* คนรุ่นหลังก็จะพูดถึงเราได้ยาวนาน แต่ถ้าเราสร้างประโยชน์เอาไว้น้อย ชื่อของเราก็จะถูกลืมได้ง่ายหน่อย

อายุทางกายภาพนั้นอย่างมากก็แค่ร้อยกว่าปี แต่อายุในใจคนนั้นยาวนานได้หลายร้อยหลายพันปี ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเลือกใช้ชีวิตแบบไหนครับ

—–

* คนบางคนสร้างโทษเอาไว้มากก็โดนพูดถึงยาวนานเช่นกัน

ขอบคุณประกายความคิดจาก Derek Sivers’ book notes on Sum: Forty Tales from the Afterlives – by David Eagleman