รู้มั้ย นาซ่าเคยกอบกู้โลกมาแล้วครั้งหนึ่ง

20180702_nasa

เรารู้กันดีว่านาซ่าเป็นองค์กรสำรวจอวกาศ เคยส่งคนไปดวงจันทร์ และมีข่าวเกี่ยวกับการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ออกมาให้เราได้ยินได้ฟังอยู่เป็นระยะๆ

แต่น้อยคนจะรู้ว่านาซ่าเคยช่วยให้เราพ้นจากวิกฤติการณ์ระดับ “โลกแตก” เลยทีเดียว เพียงแต่เป็นการโลกแตกอย่างช้าๆ

เรื่องนี้ต้องย้อนเวลากลับไปถึง 33 ปี คือในปีพ.ศ.2528 (ค.ศ.1985) ซึ่งนาซ่าได้พบความผิดปกติบางอย่างในทวีปแอนตาร์กติกา (ขั้วโลกใต้)

พวกเขาพบว่าชั้นโอโซนในบริเวณนี้เบาบางกว่าปกติ โดยเฉพาะช่วงปลายปีที่ชั้นโอโซนเบาบางลงถึงสองในสาม ทำให้รังสีอัลตราไวโอเลต (รังสี UV) หลุดรอดลงมาถึงพื้นโลกมากกว่าที่ควรจะเป็น

ปรากฎการณ์นี้มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ช่องโหว่ชั้นโอโซน (ozone hole) ซึ่งนาซ่าทราบว่าสาเหตุหลักมาจากสารประกอบคลอรีนที่มีชื่อว่า CFC (chlorofluorocarbon) ที่ใช้ในเครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น กระป๋องสเปรย์ชนิดต่างๆ

สารเหล่านี้ถูกนำมาใช้เพราะมันไม่มีผลเสียต่อร่างกายมนุษย์ แต่เมื่อเวลาผ่านไป นักวิทยาศาสตร์จึงพบว่ามันมีผลเสียต่อชั้นโอโซนอย่างยิ่ง

เมื่อ CFC ระเหยขึ้นไปสะสมปะปนกับโอโซนและปะทะกับแสง UV ที่มาจากดวงอาทิตย์ จะเกิดปฏิกิริยาจนทำให้อะตอมคลอรีนแตกตัวออกมาจาก CFC และทำลายชั้นโอโซนอย่างรุนแรง

คลอรีน 1 อะตอมสามารถทำลายโอโซนได้ถึง 100,000 โมเลกุล และคลอรีนจะมีอานุภาพมากเป็นพิเศษในพื้นที่ที่อากาศเย็น นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทวีปแอนตาร์ติกามีช่องโหว่โอโซนมากที่สุด

ถ้าไม่มีใครทำอะไร ภายในปี 2020 ช่องโหว่โอโซนจะกินพื้นที่ของ 17% ของโลก ภายในปี 2040 จะเป็น 70% และภายในปี 2065 ช่องโหว่โอโซนจะครอบคลุมไปทั่วโลก ปริมาณรังสี UV ที่มาถึงพื้นโลกจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า มนุษย์จะเป็นต้อกระจกและมะเร็งผิวหนังกันถ้วนหน้า พืชผักต่างๆ ก็จะปลูกไม่ขึ้น และสัตว์ต่างๆ ก็จะเป็นต้อกระจกแถมไม่รู้จะกินอะไรด้วย

นี่คือสถานการณ์วันสิ้นโลกเหมือนในหนังฮอลลีวู้ดเลยก็ว่าได้

โชคดีที่นาซ่าและนักวิทยาศาสตร์ร่วมมือกันรณรงค์จนทำให้เกิดสนธิสัญญามอนเทรอัล (Montreal Protocol) ในปีพ.ศ.2530 ซึ่งเป็นสัญญาใจให้ประเทศทั่วโลกร่วมกันลดการใช้สาร CFC

จากนั้นอีกเพียง 9 ปี สาร CFCs ก็ถูกเลิกใช้ในประเทศที่เจริญแล้ว ช่องโหว่โอโซนบริเวณแอนตาร์กติกาดีขึ้นโดยลำดับ และมีแนวโน้มว่าจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมก่อนหมดศตวรรษนี้

ดังนั้น ปี 2065 จึงไม่ใช่วันสิ้นโลกอีกต่อไป

อย่างน้อยก็ไม่ใช่เพราะช่องโหว่โอโซนครับ

—–

ขอบคุณข้อมูลจาก Insider: How NASA saved the world