ไม่ใช่เรื่องผิดที่คนเราจะมีความทะเยอทะยาน
ยิ่งถ้าเรามีคนที่ต้องรับผิดชอบและดูแลด้วยแล้ว การมีฐานะทางการเงินที่ดีจะช่วยป้องกันและแก้ปัญหาได้หลายอย่างเลย
แต่ถ้าเราเอาความรวยเป็นจุดหมาย ชีวิตอาจจะเป็นทุกข์มาก เหมือนอย่างที่ผู้ใหญ่วิบูลย์เคยประสบมาแล้ว
ผู้ใหญ่วิบูลย์ เข็มเฉลิม เป็นปราชญ์ชาวบ้านผู้บุกเบิกแนวคิด “นวเกษตร” ซึ่งเป็นวิถีแห่งการดำรงชีวิตของมนุษย์ในการอยู่ร่วมกับป่า และสามารถหาอยู่หากินอย่างมีความสุข
แต่กว่าจะมาพบแนวทางนี้ ท่านเคยเป็นคนอยากรวยมากๆ มาก่อน
แต่ยิ่งขยันก็ยิ่งเป็นหนี้ ที่ดินที่เคยมี 200 ไร่ ต้องขายใช้หนี้จนเหลือแค่ 10 ไร่
สุดท้าย ผู้ใหญ่วิบูลย์กลับมาทบทวนตัวเอง และดำเนินตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงจนกลับมายืนหยัดได้อย่างสง่างาม
ผมเองก็อยากทำได้อย่างผู้ใหญ่วิบูลย์นะ แต่เมื่อสำรวจสถานการณ์ในชีวิตและจิตใจของตัวเองแล้ว ก็รู้ตัวว่ายังไม่พร้อมที่จะออกไปทำแบบนั้นได้
ผมกับภรรยาเองกำลังจะเป็นหนี้ก้อนใหญ่จากการซื้อบ้านเดี่ยว
พูดตามตรงก็หวั่นใจอยู่เหมือนกันนะครับ เพราะไม่รู้ว่าว้นข้างหน้าจะเป็นอย่างไร
และเรากำลังทำอะไรที่เกินตัวและไม่พอเพียงอยู่หรือเปล่า
แต่ก็อีกนั่นแหละ
ความกลัวเป็นสิ่งที่เราสร้างขึ้นมาเอง
ตราบใดที่เรายังใช้ชีวิตอย่างมีสติ ทำงานอย่างเต็มความสามารถ และไม่ปล่อยให้ความโลภครอบงำจนลืมหูลืมตา
ผมเชื่อว่าเราจะผ่านมันไปได้โดยไม่สะบักสะบอมเกินไปนัก
วันนี้ผมยอมเหนื่อย ไม่ใช่เพราะอยากรวย หรืออยากจะมีบ้านหลังใหญ่ใจกลางเมือง
แต่เพราะรู้สึกว่ามันเป็นหน้าที่ของเราที่จะทำเต็มกำลังเพื่อคนที่เรารัก
ทั้งคนปัจจุบัน และคนที่กำลังจะมาถึงในอนาคต (ผมหมายถึงลูกนะครับ ไม่ใช่กิ๊ก!)
อีกสิบปีต่อจากนี้ ก็ไม่รู้ว่าความคิดของผมจะเปลี่ยนไปอีกรึเปล่า
ถึงตอนนั้นอาจจะกำเริบเสิบสาน อยากเป็นเศรษฐี 100 ล้านขึ้นมาก็ได้
ซึ่งก็คงต้องเหนื่อยหนักอีกน่าดู และตัวผมในตอนนี้ก็ยังมองไม่เห็นความจำเป็นใดๆ ที่จะต้องมีเงินเยอะขนาดนั้น
เลยขอเขียนโพสต์นี้ไว้ เพื่อเตือนใจตัวเองตอนอายุ 45 ปี
ว่าก่อนที่เอ็งจะออกไปตามหาเงินร้อยล้าน จงตอบคำถามสองข้อนี้ให้ได้เสียก่อนว่า
จะมีเงินร้อยล้านไปเพื่ออะไร?
และจะมีเงินขนาดนั้นไปเพื่อใคร?