Batkid
นี่คือภาพ Batkid กับ Batman ที่ถ่ายเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2556 โดยช่างภาพชื่อ เจฟ ชู จากสำนักข่าวเอพี (AP PHOTO/JEFF CHIU)
คนที่อยู่ในชุด Batkid เป็นเด็กน้อยนามว่า ไมลส์ สก๊อต (Miles Scott)
ไมลส์ ถูกวินิจฉัยว่าเป็นลูคิเมีย (มะเร็งเม็ดเลือดขาว) ตั้งแต่อายุแค่ 20 เดือน และต้องเข้ารับการรักษาด้วยการทำคีโมไปหลายรอบ
ทุกคนทราบกันดีว่าการรักษาด้วยคีโมนั้นทรมานแค่ไหน ขนาดผู้ใหญ่หลายคนยังทนไม่ได้
คิดกลับไปถึงตัวเองในวัยเดียวกับไมลส์ แค่โดนมดกัดก็ร้องไห้จ้าแล้ว
ความเจ็บปวดที่ไมลส์ต้องเจอจากการรักษานั้นคงยากที่เราจะจินตนาการถึงได้
โรคลูคิเมียและคีโมทำให้ไมลส์เป็นเด็กที่ค่อนข้างอ่อนแอและเหนื่อยง่าย
จึงไม่น่าแปลกใจที่ไมลส์มีความฝันอยากเป็นซุปเปอร์ฮีโร่อย่างแบทแมน
—–
ที่อเมริกามีองค์กรการกุศลที่ชื่อว่า Make A Wish
มีเป้าหมายหลักคือช่วยทำความฝันของเด็กที่กำลังป่วยหนักให้เป็นจริง
เมื่อ Make A Wish รู้ว่าไมลส์อยากเป็นแบทแมนก็เลย “จัดให้”
วันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ่อแม่พาไมลส์เดินทางมาที่เมืองซานฟรานซิสโก โดยหลอกไมลส์ว่ามาหาหมอ
แต่จู่ๆ แบทแมนก็ปรากฎตัว แล้วยื่นชุด “แบทคิด” ให้เจ้าหนูไมลส์สวมใส่ พร้อมทั้งพาไปปฏิบัติภารกิจด้วยกัน
ไม่ว่าจะเป็นการช่วยผู้หญิงที่ถูกมัดและกำลังจะถูกรถทับ จับกุม “นายปริศนา” (Riddler) เข้าคุก และช่วยเหลือ “ลูซีล” (Lou Seal), มาสค็อตประจำเมืองซานฟรานซิสโกให้รอดพ้นจากเงื้อมมือมนุษย์เพนกวิน
—–
ตอนแรก Make A Wish ต้องการจะจำลองสถานการณ์เสมือนว่า แบทคิดและแบทแมนกำลังอยู่ในเมืองก็อธแฮมจริงๆ (Gotham คือชื่อเมืองในเรื่องแบทแมน) จึงประกาศหาอาสาสมัครในซานฟรานซิสโกประมาณ 100-200 คนมาทำตัวเป็น “ชาวเมืองก็อธแฮม” เพื่อมาให้กำลังใจแบทคิดหลังเสร็จสิ้นภารกิจและขึ้นรับรางวัลที่ศาลาว่าการ (City Hall)
ปรากฎว่ามีคนสนใจและนำไปแชร์ต่อกันอย่างคาดไม่ถึง กลายเป็นข่าว viral ในระดับที่แม้แต่ประธานาธิบดีโอบามายังอัดวีดีโอ Vine ส่งกำลังใจมาให้
ดังนั้นในวันที่เจ้าหนูแบทคิดออกปฏิบัติการ จึงมีชาวเมืองก็อธแฮมมาคอยถือป้ายให้กำลังใจในทุกภารกิจตลอดทั้งวัน
และในช่วงเย็นของวันนั้น เมื่อแบทคิดและแบทแมนขึ้นรับรางวัลเป็นกุญแจช็อคโกแลตจากผู้ว่าเมืองก็อธแฮม ก็มีชาวเมืองมาร่วมเป็นสักขีพยานถึง 20,000 คน
—–
แน่นอน เรื่องนี้มีทั้งคนชื่นชมและคนตั้งคำถาม ว่าทำไมกับเด็กเพียงแค่คนเดียวถึงต้องลงทุนขนาดนั้น เอาเงินไปช่วยเหลือคนอื่นไม่ดีกว่าหรือ?
ซึ่งเรื่องนี้ผมคงละไว้ให้ท่านผู้อ่านตัดสินใจกันเอง
แต่สิ่งที่ผมสนใจคือปฏิกิริยาของคนร่วมหมื่นที่พร้อมใจกันมาช่วยทำให้ความฝันของเด็กคนหนึ่งเป็นจริง
ผมว่ามันเป็นความงดงามของมนุษย์ ที่ยินดีจะทำอะไรที่ “ดูเหมือนจะไร้สาระและสิ้นเปลือง” เพื่อเพื่อนมนุษย์อีกคนหนึ่ง
อาจจะเพราะเขามองว่า เจ้าหนูไมลส์ไม่ใช่แค่เด็กคนหนึ่ง แต่เป็นตัวแทนของเด็กที่กำลังป่วยเป็นโรคร้ายอีกนับไม่ถ้วน
และเพราะเจ้าหนูไมลส์ก็เป็น “ซุปเปอร์ฮีโร่” จริงๆ
อย่างน้อยก็ในสายตาของพ่อแม่ที่เคยทุกข์ใจเวลาลูกป่วยครับ