แต่ก่อนตอนที่ผมเรียนอยู่ที่ Asian U ผมเห็นรุ่นน้องบางคนชอบไฮไลท์หนังสือมาก
คุณเธอจะมีปากกาไฮไลท์อยู่ 3-4 สี แล้วก็จะใช้แต่ละสีสลับกัน
ผมจำไม่ได้แล้วว่าสีแต่ละสีของน้องเค้ามีความหมายรึเปล่า หรือแค่เปลี่ยนสีเพื่อให้มันดูสวยๆ เฉยๆ
ไฮไลท์ไปไฮไลท์มา ก็เลยมีสีไฮไลท์เกือบเต็มหน้า คล้ายๆ กับรูปประกอบด้านบนนี่แหละ
เพื่อ!?
ผมเองก็เป็นคนชอบปากกาไฮไลท์นะครับ
ติดอยู่อย่างเดียวคือมันแพง และพกพาไม่สะดวกด้วย
ในช่วงหลายๆ ปีที่ผ่านมาผมก็เลยคิดวิธีไฮไลท์ตามสไตล์ของผมเอง
และวันนี้ก็เลยอยากมานำเสนอครับ!
หลักๆ ผมจะมีวิธีการไฮไลท์อยู่ 5 แบบดังนี้ครับ
มาดูกันนะครับว่าแต่ละอันหมายความว่าอย่างไร
อันแรกน่าจะเดาไม่ยาก ผมเอาไว้วงพวก keywords ที่พอมองผ่านๆ ก็จะพอรู้ว่าเนื้อหามันเกี่ยวกับเรื่องอะไร
ถ้าเป็นหนังสือภาษาอังกฤษ ในบางครั้ง ผมก็อาจจะใช้วงรีอันนี้ไฮไลท์คำที่ผมไม่รู้จัก จะได้กลับมาเปิดดิคทีหลังได้
หรือถ้าเจอรูปประโยคภาษาอังกฤษที่น่าสนใจ ผมก็อาจจะขีดเส้นใต้เอาไว้
ผมจะไม่พูดถึงการขีดเส้นใต้นะครับ เพราะมันเป็นการไฮไลท์ที่ทุกคนก็รู้จักกันดีอยู่แล้ว ขอไปอันถัดไปเลยดีกว่า
ผมจะขีดเส้นนี้ไว้ใน margin ซึ่งก็คือช่องว่างระหว่างตัวหนังสือกับขอบกระดาษนั่นเอง
เครื่องหมายนี้ไว้ขีดบอกว่าบรรทัดต่อไปนี้ สำคัญ โดยความยาวของเส้นขึ้นอยู่กับจำนวนบรรทัดที่อยากกลับมาอ่านใหม่ ยิ่งบรรทัดเยอะ เส้นก็จะยาวยิ่งขึ้นด้วย
แต่ถ้ามันสำคัญหลายบรรทัดมากๆ เช่น 10 บรรทัดหรือครึ่งหน้าล่ะ? ถ้าขีดเส้นยาวๆ คงดูเลอะเทอะน่าดู ผมเลยใช้เครื่องหมายนี้ครับ
เครื่องหมายที่คล้ายๆ ตัว T แหว่ง แปลว่า ให้อ่านตั้งแต่จุดนี้ลงไปจนถึงบรรทัดล่างสุดของหน้านั้น
ส่วนเครื่องหมายตัว L ก็คือให้อ่านจากบรรทัดนี้ขึ้นไปจนถึงบรรทัดแรกของหน้านั้น
และถ้าหากใช้คู่กันแบบนี้
ก็แปลว่าให้อ่านจากบรรทัดของหัวตัว T ลงไปจนถึงบรรทัดที่เป็นท้ายตัว L ครับ
ตัว T แหว่งกับตัว L นี่ ถ้าไปเขียนอยู่บนหน้าขวา (หน้าเลขคี่) ก็จะดูไม่ธรรมชาติเท่าไหร่ ดังนั้นมันจะกลายร่างนิดหน่อย กลายเป็นแบบนี้ครับ
ส่วนเครื่องหมายสุดท้ายที่คล้ายเครื่องหมายบวก +
ก็คือเครื่องหมายดอกจัน * แต่เขียนแบบคนขี้เกียจนั่นเอง มันแปลว่าสองสามบรรทัดนี้ เป็นประโยคสำคัญมาก ถ้าจะกลับมาพลิกอ่านหนังสือนี้แค่แป๊บเดียว ก็อ่านเฉพาะที่มาร์คว่าเป็นดอกจันนี้ก็พอ
พอเอามาใช้งานจริงก็จะได้ประมาณนี้ครับ อันนี้ผมเปิดเอาจากที่เคยไฮไลท์ไว้จริงๆ ในหนังสือ The Buddha Said ของ Osho นะครับ จะเห็นได้ว่าขาดเครื่องหมายแรก (วงรี) ไป แต่ที่เหลือก็มีหมดครับ
ก็เป็นอันจบวิธีการไฮไลท์หนังสือทั้งเล่มด้วยดินสอแท่งเดียวด้วยประการฉะนี้
ใครอยากเอาไปใช้ก็เชิญได้เลยนะครับ ไม่คิดค่าลิขสิทธิ์
แต่ถ้าใครคิดเอาไปต่อยอด หรือมีวิธีการที่ดีกว่าก็มาบอกกล่าวกันด้วยนะครับ!