ความท้าทายอย่างหนึ่งที่คนทำเพจเฟซบุ๊คมักเจอกัน คือยอด reach ที่ต่ำลงเรื่อยๆ
สมมติว่าคุณมีคนไลค์เพจประมาณ 10,000 คน สมัยก่อนเวลาคุณโพสต์บทความหนึ่งทีอาจจะมีคนเห็นโพสต์ของคุณซัก 30% หรือ 3,000 คน (เราเรียกสิ่งนี้ว่ายอด reach) แต่เดี๋ยวนี้เวลาโพสต์ทีนึงอาจมีคนเห็นแค่ 10% หรือ 1,000 คนเท่านั้น ถ้าอยากให้มีคนเห็นโพสต์ของเรามากขึ้นก็ต้องยอมจ่ายตังค์ให้เฟซบุ๊คเพื่อ boost post (เวลามันโชว์ในฟีดของเราจะมีคำว่า Sponsored ใต้ชื่อเพจ)
อนาคตเฟซบุ๊คอาจจะปรับ reach ให้ต่ำลงไปอีก จนเพจที่มีคนไลค์เป็นแสนอาจมีคนเห็นโพสต์แค่ไม่กี่พันคนก็ได้
ในทางกลับกัน ปีที่ผ่านมาเฟซบุ๊คโปรโมตวีดีโอมาก (คงอยากเอาชนะ Youtube) จนคนทำเพจหันมาทำ Facebook Live กันใหญ่ อนาคตถ้าเฟซบุ๊คเปลี่ยนโฟกัสจากวีดีโอไปเป็นสื่ออื่นอีก คนทำเพจก็คงต้องปรับตัวกันอีกยก
เมื่อชะตากรรมของคนทำเพจอยู่ในมือของเฟซบุ๊คที่จะบีบก็ตายจะคลายก็รอด เราจะรับมือมันอย่างไรดี?
ผมว่า Jeff Bezos (เจฟ เบโซส) ผู้ก่อตั้ง Amazon มีมุมมองที่น่าสนใจครับ
“I very frequently get the question: ‘What’s going to change in the next 10 years?’ And that is a very interesting question; it’s a very common one. I almost never get the question: ‘What’s not going to change in the next 10 years?’ And I submit to you that that second question is actually the more important of the two — because you can build a business strategy around the things that are stable in time. … [I]n our retail business, we know that customers want low prices, and I know that’s going to be true 10 years from now. They want fast delivery; they want vast selection. It’s impossible to imagine a future 10 years from now where a customer comes up and says, ‘Jeff I love Amazon; I just wish the prices were a little higher,’ [or] ‘I love Amazon; I just wish you’d deliver a little more slowly.’ Impossible. And so the effort we put into those things, spinning those things up, we know the energy we put into it today will still be paying off dividends for our customers 10 years from now. When you have something that you know is true, even over the long term, you can afford to put a lot of energy into it.”
“มีคนถามผมบ่อยๆ ว่า ‘อีก 10 ปีจะมีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง’ ซึ่งมันก็เป็นคำถามที่น่าสนใจนะ แต่แทบไม่เคยมีใครถามผมเลยว่า ‘อีก 10 ปี มีอะไรบ้างที่จะไม่เปลี่ยน?’ แต่ผมเชื่อว่าคำถามที่สองนั้นสำคัญกว่าคำถามแรก เพราะยุทธศาสตร์ของคุณควรตั้งอยู่บนสิ่งที่จะไม่เปลี่ยนไปตามกาลเวลา ในธุรกิจค้าปลีกของเรา เรารู้ว่าลูกค้าต้องการของราคาถูก และเราก็รู้ว่าอีก 10 ปีมันก็จะยังคงเป็นอย่างนั้น ลูกค้ายังต้องการให้เราส่งของให้เร็ว และต้องการที่จะมีตัวเลือกที่หลากหลาย เป็นไปไม่ได้เลยที่อีก 10 ปีข้างหน้าจะมีลูกค้าคนไหนเดินเข้ามาบอกผมว่า ‘เจฟ ผมชอบอเมซอนมากเลยนะ แต่คงจะดีถ้าคุณตั้งราคาให้มันแพงกว่านี้หน่อย’ หรือ ‘เจฟ ฉันชอบอเมซอนมากเลยนะ แต่คงจะดีถ้าคุณส่งสินค้าให้ช้ากว่านี้หน่อย’ เมื่อคุณรู้ว่ามีอะไรที่จะยังคงเป็นจริงอยู่เสมอ คุณก็จะเอาแรงและเวลาไปลงทุนกับเรื่องเหล่านั้นได้”
หรือถ้าจะให้ผมสรุปเป็นประโยคเดียวง่ายๆ ก็คือ:
เราควรจะใส่ใจกับสิ่งที่จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง – focus on the things that won’t change.
คนทำเพจก็คือคนทำสื่อ ยังไงเสียลูกเพจก็อยากเสพสิ่งดีๆ อ่านแล้วได้อะไรกลับไป ไม่ว่าจะเป็นความสนุก สาระ หรือมุมมองใหม่ๆ และความจริงข้อนี้ก็จะคงเป็นจริงอยู่เสมอไม่ว่าเฟซบุ๊คจะเปลี่ยนกฎไปยังไง
หน้าที่ของคนทำสื่อ คือทำผลงานของตัวเองออกมาให้ดี ให้มีประโยชน์ ให้คนที่เข้ามาอ่านรู้สึกว่ามันคุ้มค่ากับเวลาที่เขาเสียไป
ในฐานะบล็อกเกอร์คนหนึ่ง ผมจึงก้มหน้าก้มตาเขียนบทความของผมต่อไป เพราะผมเชื่อว่าบทความดีๆ ย่อมมีคนอ่าน ซึ่งมันเป็นอย่างนี้มาหลายร้อยปีแล้ว และจะยังคงเป็นอย่างนี้ไปอีกหลายร้อยปีข้างหน้า
การใส่ใจกับสิ่งที่ไม่มีวันเปลี่ยนนี่มันเป็นข้อแนะนำที่ดีสำหรับการดำเนินชีวิตด้วยนะครับ
เพราะไม่ว่าเทคโนโลยีจะพัฒนาไปเร็วแค่ไหน แต่สิ่งที่ไม่มีวันเปลี่ยนเลยคือ “หลักการ” หรือกฎธรรมชาติ
หลักการง่ายๆ ที่ทุกคนก็รู้กันดี เช่น
ถ้าอยากมีสุขภาพดี ก็ต้องกินของที่มีประโยชน์ ออกกำลังกาย และพักผ่อนให้เพียงพอ (EMS – Eat Move Sleep)
ถ้าอยากก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ก็ต้องมีฉันทะ (passion) มีความขยัน ไม่ว่อกแว่ก และหมั่นทบทวนตัวเองอยู่เสมอว่าที่เราทำอยู่ทุกวันนี้มันดีแล้วรึยัง
ถ้าอยากเป็นที่รัก ก็ต้องยิ้มแย้มแจ่มใส พูดจาไพเราะ และรู้จักให้
เทคโนโลยีหรือเครื่องมือสมัยใหม่จะล้ำเลิศแค่ไหนก็ล้วนแต่ตกอยู่ภายใต้หลักการพื้นฐานเหล่านี้
ดังนั้น ถ้าเบสิคเราแน่นซะอย่าง ต่อให้โลกจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร เราก็พร้อมที่จะรับมือกับมันแน่นอน
—–
ขอบคุณข้อมูลจาก Above the Crowd by Bill Gurley Uber’s New BHAG: UberPool
ขอบคุณภาพจาก Flickr: Esther Vargas The Washington Post
“Thank God It’s Monday ขอบคุณโลกนี้ที่มีงานประจำ” หนังสือเล่มแรกของผมวางแผงแล้วนะครับ หาซื้อได้ที่ซีเอ็ด นายอินทร์ และศูนย์หนังสือจุฬาครับ bit.ly/tgimannouce