ปัญหาต่างๆ ที่เราเผชิญอยู่ทั้งหมดนั้นเป็นเพราะว่าเราไม่พยายามจะสบตากับมัน
– OSHO
—–
เขาว่ากันว่า เวลานกกระจอกเทศเจอเสือหรือสิงห์โต ที่แข็งแกร่งกว่าและอาจจะทำร้ายมันได้ นกกระจอกเทศจะเอาหัวมุดลงไปในทราย
ด้วยความเชื่อที่ว่าถ้ามันมองไม่เห็นเสือแล้ว เสือก็จะมองไม่เห็นมันเช่นกัน
ดูเป็นการกระทำที่ไม่ฉลาดเอาซะเลยนะครับ
แต่จริงๆ แล้วคนเราก็ทำอย่างนั้นอยู่บ่อยๆ ไม่ใช่หรือ?
ถ้าไม่นับเรื่องอุบัติเหตุแล้ว ปัญหาใหญ่ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตล้วนต้องใช้เวลาเท่านั้น
ไม่ว่าจะเป็นอาการเจ็บป่วยอย่าง Office Syndrome หรือกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
หรือปัญหาทางการเงินอย่างหมุนเงินไม่ทัน
หรือความบาดหมางกันระหว่างคนในทีมหรือคนในครอบครัว
ทุกอย่างเกิดขึ้นจากจุดเล็กๆ แล้วค่อยๆ ก่อตัว
ซึ่งจริงๆ แล้วถ้าเราคิดจะลงไปจัดการตอนที่มันยัง “ตั้งเค้า” อยู่ก็ย่อมทำได้ แต่เรามักจะบอกตัวเองว่า “เอาไว้ก่อน” หรือ “ไม่เป็นไรหรอก”
จนถึงวันหนึ่งที่ปัญหามันบานปลายจนกลายเป็นวิกฤติแล้วนั่นแหละ เราถึงรู้ว่าการเอาหัวมุดทรายไม่ได้แปลว่าเสือจะมองไม่เห็นเราหรือจะเดินจากเราไป
“ปัญหาต่างๆ ที่เราเผชิญอยู่ทั้งหมดนั้นเป็นเพราะว่าเราไม่พยายามจะสบตากับมัน”
การสบตากับปัญหาเป็นเรื่องยากครับ ต้องใช้ความกล้าและต้องใช้ความจริงใจทั้งต่อตัวเองและต่อผู้อื่นไม่น้อย เรkจึงมักเลือกที่จะมองไปทางอื่นหรือทำราวกับว่ามันไม่ได้อยู่ตรงนั้น
บางที ถ้าเราคอยเตือนตัวเองว่า “อย่ามัวเป็นนกกระจอกเทศอยู่เลย” ก็อาจจะช่วยให้เรามีความกระตือรือล้นที่จะโงหัวออกจากทรายและมองไปที่ปัญหาก็ได้
และถ้าเรามองให้ดีๆ เราอาจจะพบว่า ที่นึกว่าเป็นเสือนั้น ที่แท้แล้วมันเป็นแค่แมวเท่านั้น เราตาฝาดไปเอง
เป็นถึงนกกระจอกเทศ อย่าไปกลัวแมวครับ
—–
ป.ล. เรื่องที่ว่านกกระจอกเทศชอบเอาหัวมุดทรายเวลาศัตรูมานั้นเป็นความเชื่อที่ผิดนะครับ
Pingback: ครึ่งทาง | Anontawong's Musings