7 เรื่องประทับใจทีมบอลไทยแชมป์ซีเกมส์

20150616_ThaiSEAGames

เมื่อคืนนี้ชาวไทยหลายสิบล้านคนคงจะกลับถึงบ้านและนั่งดูฟุตบอลรอบชิงชนะเลิศกีฬาซีเกมส์ระหว่างทีมไทยและทีมเมียนม่า

ผลคือพี่ไทยเราชนะไป 3-0 แม้กว่าจะได้ประตูแรกมาต้องรอถึงนาทีที่ 54 เพราะ “คยอ ซิน เปียว” ผู้รักษาประตูพม่านั้นเหนียวเหลือเกิน (ผมต้องขอจดชื่อผู้รักษาประตูเขาเอาไว้เพราะสื่อไทยคงจะไม่ได้เอ่ยถึงมากนัก)

ช่วงนี้ฟุตบอลไทยคึกคักมาก เมื่อคืนตอนค่ำชุด U-23 ชิงซีเกมส์ พอตี 2.45 ทีมชาติหญิงของเราก็เตะบอลโลกกับเยอรมันนี อดีตแชมป์โลกสองสมัย ผลคือเราแพ้ไป 0-4 (โดยสามในสี่ลูกนั้นเป็นลูกโหม่ง!)  ส่วนเย็นวันนี้ตอน 18.30 ทีมชาติไทยชุดใหญ่ที่นำโดยโค้ชเกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ก็จะเตะบอลโลกรอบคัดเลือกกับไต้หวัน ซึ่งน่าจะเป็นเกมที่สนุกอีกเช่นกัน (จบครึ่งแรกไทยนำอยู่ 2-0)

เห็นทีมชาติชุดเล็กชุดใหญ่ทั้งชายหญิงกำลังไปได้ดีอย่างนี้ ในฐานะคนไทยก็ต้องปลื้มใจไม่น้อย

วันนี้เลยขอนำเรื่องความประทับใจที่ผมมีต่อทีมชาติไทยชุดแชมป์ซีเกมส์นี้มาบันทึกไว้ครับ

1. ยิงได้ทั้งทีม ซีเกมส์หนนี้ทีมชาติไทยชนะ 7 นัดรวด ยิงไปทั้งหมด 24 ประตู เสียแค่ประตูเดียวตอนเจอเวียดนาม เห็นยิงประตูได้เป็นกอบเป็นกำอย่างนี้ ชนานันท์ ป้อมบุปผา คนที่ยิงประตูได้มากที่สุดของทีมกลับยิงไปแค่ 5 ประตู ได้เป็นดาวซัลโวร่วมกับสิตูอ่องของเมียนม่า และโวฮุยตวนจากเวียดนาม ส่วนอีก 19 ประตูที่เหลือมาจากผู้เล่นถึง 12 คน นี่ย่อมแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของทีมที่ไม่ต้องพึ่งพากองหน้าคนใดเป็นพิเศษ

2. ซุปตาร์ใจกว้าง ผมเพิ่งได้เห็นฟอร์มการเล่นของเมสซี่เจเต็มๆ ก็วันนี้เอง ทั้งทัวร์นาเม้นต์นี้ ชนาธิป สรงกระสินธิ์ยิงไปแค่ลูกเดียว แต่ถ้าใครได้ดูเกมนัดชิงจะรู้ซึ้งเลยว่าเด็กคนนี้เล่นบอลเก่งแค่ไหน ไม่ว่าจะเป็นการครองบอลหรือการส่งลูก killer pass จนกองหลังพม่าที่หน้าตาเหมือนริวัลโดหลังหักไปไม่รู้กี่ครั้ง แต่แม้เมสซี่เจจะเป็นหนึ่งในสตาร์ของทีมชาติ น้องเค้าก็ไม่แสดงให้เห็นถึงอีโก้หรือความเซลฟ์จัดเลย เล่นเพื่อทีมและพร้อมใส่พานให้เพื่อนได้เกิดตลอด

3. ทางบอลเป็นเยี่ยม นักเตะชุดนี้ทักษะดีทุกคน ลูกที่ผมประทับใจที่สุดคือจังหวะที่ธนบูรณ์ เกษารัตน์กองหลังเบอร์ 17 ของเราตัดบอลพม่าได้อย่างหมดจดตอนที่เค้าจะเคาท์เตอร์แอ็ทแทคในนาทีที่ 30  แค่ตัดบอลยังไม่พอ ยังอุตส่าห์แตะบอลอีกครั้งเพื่อหลบนักเตะพม่าอีกคนที่วิ่งมาซ้อน แถมยังส่งบอลถึงเท้าเพื่อนร่วมทีมด้วย เทพจริงๆ

4. ขยันขันแข็ง แต่ก่อนนักเตะไทยเก่งๆ มักจะขี้เกียจ แต่ทีมนี้วิ่งสู้ฟัดกันทั่วสนาม แถมไม่เห็นมีใครเป็นตะคริวกันซักคนทั้งๆ ที่มีเวลาพักแค่สองวันนับจากตอนแข่งรอบรองชนะเลิศ มีช็อตนึงที่ผมจำได้แม่น (แต่ตอนนี้ยังหาใน Youtube ไม่เจอ) ก็คือตอนครึ่งหลังที่เราดันเกมมาทางริมเส้นฝั่งขวาแล้วตบบอลเข้ามาบริเวณกรอบเขตโทษ แต่นักเตะของเราจับบอลไม่ดีแล้วเสียบอลให้เมียนม่าโต้กลับ นักเตะคนที่ทำพลาดก็วิ่งกลับจากกรอบเขตโทษฝั่งเมียนม่ามาแย่งบอลคืนตรงกรอบเขตโทษของเรา เป็นการแก้ตัวที่ประทับใจมาก

5. ไม่มีตุกติก ตลอดสองเกมที่ผมดูทีมไทยเตะมา ผมไม่เจอนักเตะไทยคนไหนเล่นไม่ซื่อกับคู่แข่งเลย ทุกอย่างวัดกันด้วยฝีมือล้วนๆ ไม่มีแอบดึงเสื้อหรือ “ออกลูกแถม” และไม่มีใครพุ่งล้มหรือแกล้งสำออย ถ้าจะให้รางวัลนักเตะมารยาทงามกับทีมชาติไทยชุดนี้ก็น่าจะเหมาะสม

6. ใจเย็นเป็นน้ำ ความใจเย็นอยู่ในระดับน่าขนลุกกันเลยทีเดียว เพราะแมทช์ที่เจออินโดนีเซียในรอบรองฯ นั้น ทีมเราโดน “นูเฟียนดานี” เบอร์ 7 ของอินโดนีเซียจัดไปหลายดอก ดอกที่หนักที่สุดคือจังหวะที่เขาเอาปุ่มสตั๊ดย่ำไปที่หัวของอาทิตย์ ดาวสว่าง แต่ไม่น่าเชื่อว่าอาทิตย์ไม่แสดงอาการโกรธออกมาซักนิด (ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ก็โดนเบอร์ 7 ย่ำที่ตักไปรอบนึงแล้ว) แถมที่อเมซซิ่งยิ่งกว่าคือเพื่อนๆ ในทีมชาติไทยก็ไม่มีใครไปฮึดฮัดใส่นูเฟียนดานีหรือตัดพ้อกับกรรมการเลย ทั้งๆ ที่ถ้าเป็นบอลไทยชุดก่อนๆ มีวางมวยกันไปแล้วครับ น่าสนใจว่าโค้ช/พ่อแม่อบรมด้วยวิธีไหน ถึงสามารถควบคุมอารมณ์ได้ดีขนาดนี้

7. อ่อนน้อมถ่อมตน จบเกมส์แล้วนักบอลของเราเดินไปไหว้ขอบคุณคู่แข่ง กรรมการ และคนดูรอบสนาม ผมว่านี่คือเสน่ห์ของคนไทยที่หาไม่ได้ในชาติไหน

เมื่อไม่กี่ปีที่แล้ว พอได้ยินประโยค “บอลไทยจะไปบอลโลก”  บางคนอาจหัวเราะเยาะ และบางคนอาจหัวเราะแบบขื่นๆ

แต่ผมเริ่มมีความหวังนิดๆ แล้วครับ

ว่าถ้าทีมชาติไทยของเรายังรักษาคุณสมบัติเหล่านี้ได้อย่างครบถ้วน

การไปบอลโลกอาจไม่ใช่เรื่องไกลเกินฝันอีกต่อไปแล้วก็ได้

—–

ขอบคุณภาพจาก Facebook Page ฟุตบอลทีมชาติไทย 

—–

อ่านตอนเก่าๆ ได้ที่ Archives

พบกับบทความใหม่ได้ทุกวันที่ Facebook Page Anontawong’s Musings ครับ

มหากาพย์เยือน Old Trafford – ตอนที่ 2

20150603_Oldtrafford2

<ใครยังไม่ได้อ่านตอนที่ 1 สามารถอ่านได้ที่นี่ครับ>

วันอาทิตย์ที่ 8 มีนาคม ผมกับแฟนและพี่โม (พี่ที่ออฟฟิศ) มีนัดไปดูคอนเสิร์ต Nuvo Love Story ที่อิมแพ็คอารีนา

แต่ก่อนจะมาถึงวันนี้ แฟนผมมีอาการมึนหัวมาได้ประมาณเกือบๆ สัปดาห์ และประจำเดือนที่ควรจะมาก็ยังไม่มา เราก็เลยเดินไปซื้อเครื่องตรวจวัดการตั้งครรภ์ที่ร้านขายยาแถวบ้าน แล้วมาทำการตรวจดู

ปรากฎว่าเครื่องตรวจวัดโชว์สองขีด แสดงว่าแฟนผมกำลังตั้งครรภ์

ถามว่าดีใจมั้ยที่จะมีลูกก็ต้องดีใจแน่ๆ แต่สิ่งหนึ่งที่ตามมาทันทีคือกังวลว่าการเดินทางจะมีผลกระทบอะไรรึเปล่า

ต้องยอมรับตรงนี้ว่า ผมกับแฟนคิดมาตลอดว่า ถ้าท้องแก่เดินทางแล้วอันตราย ดังนั้นเดินทางตอนท้องอ่อนน่าจะโอเค

แต่ความจริงก็คือช่วงสามเดือนแรกของการตั้งครรภ์เป็นช่วงที่ละเอียดอ่อนมาก เพราะการกระทบกระเทือนนิดหน่อยอาจส่งผลให้แท้งได้

เย็นนั้นเราไปดูคอนเสิร์ตนูโวตามแผนเดิม เพียงแต่แฟนต้องนั่งดูเฉยๆ ห้ามกระโดดโลดเต้น

วันเสาร์ถัดมาเราจึงไปพบคุณหมอ และรู้ว่าอายุครรภ์ประมาณ 6 สัปดาห์แล้ว

ดังนั้น แผนการเดิมที่จะเดินทางในวันที่ 1 เมษายน จึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรเท่าไหร่ เพราะยังอายุครรภ์แค่สองเดือนนิดๆ

เราจึงต้องพับแผนการเดินทางยุโรปไว้ชั่วคราว โดยกะจะรอดูให้แน่ใจก่อนว่า เมื่อครบสามเดือนแล้ว คุณแม่และคุณลูกยังแข็งแรงดี

ระหว่างนั้นผมก็ส่งเมล์หา Match Day VIP ที่ดูแลลูกค้าที่ซื้อตั๋วบอลแมนยู

ก่อนอื่นต้องขอชมก่อนว่า แผนกที่ดูแลลูกค้านี้เฟรนด์ลี่มากๆ ผมถามอะไรก็ตอบภายในเวลาอันรวดเร็ว ไม่ว่าจะปรึกษาเรื่องรถไฟจากแมนเชสเตอร์ไปลอนดอน เรื่องวันและเวลาที่แน่นอนของวันแข่งขัน และเรื่องอื่นๆ จิปาถะ คนที่ตอบเมล์ผมนั้นชื่อเบธานี่ (Bethany) ก็ตอบเมล์ทุกฉบับอย่างเป็นกันเองและใจเย็นมากๆ

คราวนี้พอผมถามเบธานีไปว่า ผมคงไปดูแมทช์นี้ไม่ได้แล้วเพราะภรรยาท้อง และหมอบอกว่าต้องรอให้เกินสามเดือนก่อนถึงจะเดินทางไกลได้ พอจะมีอะไรที่ทางคุณจะช่วยได้บ้างมั้ยในแง่ของตั๋ว เช่นคืนเงิน ขายต่อ หรือเปลี่ยนตั๋วไปเป็นเกมส์อื่นในเดือนพฤษภาคม

เบธานีัจึง cc ทีม Sales ให้เข้ามาตอบ และคำตอบที่ได้คือ

Dear Anontawong

Thank you for your email.

All our packages are non-transferable and non-refundable. This is stated in the terms and conditions before you purchase tickets online.

If you read the terms and conditions you will see the below statement.

“(b) where a Ticket Holder has booked and/or purchased Facilities for a Match after the announcement of the date on which the relevant Match is due to be held and the date on which the Match is to be held is subsequently: (i) rearranged by more than two calendar days (for example, the Match is moved from a Saturday to the following Tuesday);”

As this is part of our terms and conditions I am unable to offer you a refund or transfer at this time as the match has only been moved to the Sunday.

If you require any further information please don’t hesitate to contact me.

Kind regards
Nicola

—-

สรุปก็คือในสัญญาก่อนซื้อตั๋วมันระบุไว้ชัดเจนว่าตั๋วนี้ไม่สามารถคืนเงินหรือเปลี่ยนมือได้ ยกเว้นในกรณีที่วันแข่งขันถูกเลื่อนไปจากวันเดิมเกินสองวัน (ซึ่งในกรณีผมมันเลื่อนแค่วันเดียวจากวันเสาร์มาเป็นวันอาทิตย์) ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถจะคืนเงินให้ได้

ผมก็จ๋อยสิครับ เงิน 36000 บาทหายวับไปกับตา แต่สิ่งเดียวที่ทำได้คือทำใจ

—–

หลังจากผ่านไปได้ประมาณสามสัปดาห์ การตรวจครรภ์และเห็นว่าเด็กและแม่แข็งแรงดี เราก็เลยหยิบแผนการไปเที่ยวยุโรปขึ้นมาคุยกันอีกครั้ง

ผมขอเปลี่ยนตั๋วเครื่องบินจาก 1-18 เมษายน เป็น 1-16 พฤษภาคม แม้ต้องลางานเยอะขึ้นและได้เที่ยวสั้นลงแต่เราก็ยอม เพราะนี่จะเป็นโอกาสสุดท้ายในอีกหลายๆ ปีที่จะได้ไปไหนไกลๆ

ทริปคราวนี้เราเลยตัดสินใจจะไม่ไปอังกฤษ เพื่อจะมีเวลาเพียงพอกับการเที่ยวชมเมืองอื่นๆ อย่างไม่ต้องเร่งรีบมากนัก

แต่แล้วก็เหมือนมีอะไรมาดลใจ ทำให้ผมคิดว่า แม้จะไม่ได้ไปดูบอลก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยขอเก็บตั๋วไว้เป็นที่ระลึกก็ยังดี

ผมจึงเมล์ไปหาเบธานีว่าช่วยส่งตั๋วมาให้หน่อยนะ จะได้เก็บไว้ดูต่างหน้า ส่วนเราก็จองตั๋วไปยุโรปแล้วแต่คราวนี้จะไม่แวะไปอังกฤษเพราะถ้าไม่ได้ดูแมนยูก็ไม่รู้จะไปอังกฤษทำไม

แล้วเบธานีก็ถามกลับมาในสิ่งที่ผมไม่คาดคิด คือเขาถามว่า จองตั๋วเครื่องบินแล้วหรือยัง? เขาอาจจะช่วยเปลี่ยนตั๋วเป็นเกมที่เจอกับ West Bromwich หรือ Arsenal ได้นะ!

ผมก็ตอบว่า อ้าว ก็เห็นทางทีมเซลส์บอกว่าเปลี่ยนตั๋วไม่ได้ไม่ใช่เหรอ ใน Terms & Conditions ก็บอกว่าไว้อย่างนั้น

เบธานีก็ตอบว่า ถูกต้อง ตามหลักแล้วทำไม่ได้ แต่สำหรับกรณีนี้เขาจะลองปรึกษาหัวหน้าดู

วันถัดมา หัวหน้าของเบธานีก็ตอบเมล์ผมมาว่า เขาช่วยเปลี่ยนตั๋วจาก Man City เป็น Arsenal ให้แล้วนะ คราวนี้ลองดูซิว่าจะปรับเปลี่ยนแผนการเดินทางของคุณเพื่อให้มาดูแมทช์นี้ได้รึเปล่า นี่จะเป็นแมทช์สุดท้ายของฤดูกาลที่แมนยูจะเตะในบ้าน ดังนั้นบรรยากาศจะเยี่ยมยอดมากแน่ๆ

ผมนี่โคตรดีใจจนตัวลอย

ความฝันที่รอคอยมาเกือบยี่สิบปีของผมใกล้เข้ามาอีกนิดแล้ว

—–

ป.ล. ผมรู้ตัวว่าเขียนมาเกือบสองตอนก็ยังไม่ค่อยได้เห็นอะไรเกี่ยวกับแมนยูเท่าไหร่ แต่ผมอยากจะบันทึกสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนการจองตั๋ว ข้อตกลงในสัญญาก่อนซื้อตั๋ว และน้ำใจที่ผมได้รับ จึงต้องขออภัยหากเรื่องมันอาจยืดยาวไม่ทันใจสำหรับบางท่านนะครับ ตอนหน้าสัญญาว่าจะพาไปถึง Old Trafford แน่นอน!

กว่าจะสำเร็จ

20150524_MessiOvernightSuccess

It took me 17 years & 114 days to become an overnight success

ผมใช้เวลาไป 17 ปีกับอีก 114 วันที่ก่อนจะได้เป็นผู้ประสบความสำเร็จชั่วข้ามคืน

– Lionel Messi

—–

ผู้ชายที่ดูบอลทุกคนจะรู้ว่านักบอลที่เก่งที่สุดในโลกในปัจจุบันมีสองคนคือเมสซี่แห่งบาร์เซโลน่า กับคริสเตียโน โรนัลโดแห่งเรียลมาดริด

ผมว่าเผลอๆ สองคนนี้อาจจะเป็นนักเตะที่ดีที่สุดตลอดกาลเท่าที่โลกนี้เคยมีมาด้วยซ้ำ ต่อให้เทียบกับเปเล่หรือมาราโดน่าก็เถอะ

ส่วนตัวผมจะแอบเชียร์โรนัลโดมากกว่าหน่อย เพราะเป็นเด็กเก่าแมนยูฯ และดูเขาเป็นนักเตะที่ครบเครื่องมากกว่า

แต่ขณะเดียวกัน เมสซี่เหมือนได้รับพรพิเศษจากพระเจ้า ถ้าบอลอยู่ในเท้าเขาแล้ว อะไรๆ ก็อาจเกิดขึ้นได้

แน่นอน นักฟุตบอลระดับโลกนั้นล้วนแต่มีพรสวรรค์ด้วยกันทั้งนั้น แต่สิ่งที่โลกไม่ค่อยได้เห็นคือพวกเขาต้องฝึกหนักแค่ไหนก่อนจะมาถึงจุดนี้

ฟิล เนวิล อดีตแบ๊คซ้ายของแมนยู เคยให้สัมภาษณ์ว่าโรนัลโด้คือนักเตะที่ขยันซ้อมที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอ ซ้อมกับทีมวันละสองชั่วโมงเสร็จแล้วยังไปเล่นเวทต่ออีก 3-4 ชั่วโมงทุกวัน

ผมเคยอ่านเรื่องของเดวิด เบ็คแฮม ว่าสมัยที่อยู่แมนยูฯ พอหลังจากซ้อมทีมเสร็จ เพื่อนร่วมทีมกลับบ้านกันไปหมดแล้ว เบ็คแฮมจะอยู่ซ้อมปั่นฟรีคิกต่อคนเดียว จนกว่าโค้ชจะมาลากตัวออกจากสนามเพราะห่วงว่าจะล้าเกินไป

เราเห็นนักฟุตบอลโชว์ลีลาในสนามสัปดาห์ละชั่วโมงครึ่ง แต่กว่าจะมายืนอยู่ในสนามในแต่ละครั้งได้ เขาต้องอย่างหนักซ้อมถึงสัปดาห์ละ 20 ชั่วโมง และกว่าจะได้มาเล่นในสโมสรระดับโลกอย่างแมนยูฯ นั้น เขาต้องใช้เวลาอยู่กับลูกบอลมาไม่รู้ตั้งเท่าไหร่

คนที่เป็น “ตัวจริง” ในวงการ ไม่ว่าจะมีพรสวรรค์แค่ไหน ก็ล้วนลงแรงมากกว่าคนทั่วไปกันทั้งนั้น

กว่าเป็นสตีฟ จ๊อบส์พูดเปิดตัวไอโฟนให้โลกตะลึง
กว่าโน๊ส อุดมจะสามารถทำเดี่ยวไมโครโฟนให้คนติดใจ
หรือกว่าเบิร์ด ธงไชยจะร้องเพลงและเต้นรำในคอนเสิร์ตอย่างเป็นธรรมชาติ

ผมเชื่อว่าเขาใช้เวลาไปหลายสิบหลายร้อยชั่วโมงไปกับการเตรียมตัวก่อนขึ้นเวที

เพราะความเป็นเลิศไม่มีทางลัดครับ

—–

ผมขอจบตอนนี้ด้วยนิทานเรื่องปิกัสโซ่นะครับ

พาโบล ปิกัสโซ่ (Pablo Picasso) คือศิลปินระดับอัจฉริยะคนหนึ่งของโลก

วันหนึ่งขณะไปเดินตลาด ผู้หญิงคนหนึ่งจำปิกัสโซ่ได้ จึงยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้ปิกัสโซ่แล้วบอกว่า

“ฉันเป็นแฟนตัวยงของคุณมานานแล้ว ช่วยวาดภาพให้ซักภาพเป็นที่ระลึกได้มั้ยคะ?”

ปิกัสโซ่ยิ้มและสเก็ตช์ภาพลงในกระดาษแผ่นนั้นแต่โดยดี ก่อนจะยื่นกระดาษกลับมาแล้วเอ่ยว่า “ชิ้นนี้ 1 ล้านดอลล่าร์ครับ”

“แพงไปป่ะค่ะคุณปิกัสโซ่! คุณวาดไม่ถึง 30 วินาทีด้วยซ้ำ!”

ปิกัสโซ่หัวเราะแล้วตอบว่า “คุณครับ ผมใช้เวลาฝึกฝนอยู่ถึง 30 ปีเพื่อที่จะรังสรรค์ผลงานชิ้นเอกนี้ได้ใน 30 วินาทีนะครับ”

บทเรียนจากการแพ้ 17-0

20150502_17_0

That which doesn’t kill you only makes you stronger

อะไรที่ไม่ได้ฆ่าคุณมันจะทำให้คุณเข้มแข็งขึ้น

—–

ตอนเด็กๆ ผมบ้าบอลมาก

ช่วงม.1 ถึง ม.3 เทอมต้น ผมเรียนอยู่ที่เตรียมพัฒน์ พักเที่ยงทีไรต้องรีบทานข้าวแล้วมาเตะบอลพลาสติกที่ลานเอนกประสงค์เป็นประจำ

ก่อนจะเดินทางไปเรียนที่นิวซีแลนด์ในเดือนกันยายน ปี 1994 พอรู้ว่าที่นั่นมีทีมฟุตบอล 11 คนด้วย ผมเลยขอพ่อซื้อรองเท้าสตั๊ด (รองเท้านักฟุตบอล)

เป็นสตั๊ดคู่แรกในชีวิต และเป็นรองเท้าที่แพงที่สุดที่ไม่ได้ใช้เงินตัวเองซื้อ ยี่ห้อพูม่า ราคาสองพันกว่าบาท

ได้รองเท้ามาแล้วก็ฝันเห็นภาพตัวเองใช้รองเท้าสตั๊ดคู่นี้โลดแล่นอยู่ในสนามในตำแหน่งกองกลางตัวรุก

สาวๆ กรี๊ดกระจายแน่นอน!

แต่แล้วก็ฝันสลายครับ เพราะพอผมไปถึงนิวซีแลนด์ ก็หมดฤดูหนาวพอดี เพราะชาวกีวี่นั้นเค้าเล่นฟุตบอลกันเฉพาะช่วงฤดูหนาวเท่านั้น

สำหรับเด็กไทยที่เล่นฟุตบอลตลอดปีไม่ว่าจะฝนตกแดดออก การเล่นฟุตบอลแค่ฤดูเดียวนั้นเป็นสิ่งที่ยากจะเข้าใจจริงๆ

สุดท้าย ผมเลยได้ประเดิมรองเท้าสตั๊ดของผมด้วยการใส่มันเดาะบอลในสวนหลังบ้าน

และเฝ้ารอเวลาให้ฤดูหนาวกลับมาอีกครั้ง

—-

ณ ช่วงเวลานี้เมื่อ 20 ปีที่แล้ว (May 1995) เป็นเดือนสุดท้ายของฤดูใบไม้ร่วงของประเทศนิวซีแลนด์

ตัวผมกับรองเท้าพูม่าคู่เดิม รอคอยเวลานี้อย่างใจจดใจจ่อ เพราะมันเป็นช่วงคัดตัวของทีม U-16 (ต่ำกว่า 16 ปี) และ U-19 ของทีมฟุตบอล Temuka ซึ่งเป็นเมืองที่ผมอยู่

ทีม U-16 ของ Temuka นั้นจะมีอยู่สองทีม คือ Temuka A (ทีมแข็ง)กับ Temuka B (ทีมอ่อน)

จะด้วยความเป็นเด็กใหม่หรือเด็กต่างด้าวหรืออย่างไรไม่ทราบ ผมถูกคัดไปอยู่ทีมอ่อน

ส่วนทีม U-19 หรืออีกชื่อหนึ่งว่า Youth Team นั้น เทมูก้ามีอยู่ทีมเดียว ซึ่งก็จะมีทั้งพวกที่อายุเกิน 16 แต่ต่ำว่า 19 ปี และรวมถึงเด็กเก่ง ๆ จากทีม U-16 ด้วย ผมก็โชคดีติดทีมนี้ด้วย

การแข่งลีกของ U-16 นั้นจะมีตอนเช้าวันเสาร์ ส่วน Youth League จะมีตอนบ่ายวันเสาร์

ช่วงนั้นผมเลยได้เตะบอลวันละสองแมทช์เลยทีเดียว

ตลอดเวลาประมาณสามเดือน (มิ.ย.-ส.ค.) ผมน่าจะได้ลงแข่งไม่ต่ำกว่า 20 นัด

และแพ้ไม่ต่ำกว่า 15 นัด

วันไหนชนะหรือเสมอจะเป็นเรื่องประหลาดมากจนต้องหยิบยกมาเป็นประเด็นตอนโทร.ทางไกลกลับไปคุยกับพ่อแม่ที่เมืองไทย (ตอนนั้นยังไม่มี Internet / Skype นะครับ)

เกมตอนเช้านั้นผมแทบไม่มีหวังจะชนะอยู่แล้ว เพราะอยู่ทีมอ่อน ซึ่งเล่นบอลกันแทบไม่เป็นเลย ให้มาเจอทีมเด็กป.6 เมืองไทยผมว่ายังสู้ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

ส่วน Youth Team นั้น ถือว่าค่อนข้างมีอนาคตทีเดียว เพราะเป็นส่วนผสมของนักเตะที่ดีที่สุดของ U-16 ทั้งสองทีมที่เรามี รวมถึงเด็กที่อายุเกิน 16 ปีด้วยนิดหน่อย

แต่ด้วยความที่ผู้เล่นส่วนใหญ่ใน Temuka Youth Team ยังอายุแค่ 14-16 ปี แม้จะมีทักษะดีแค่ไหน กระดูกก็ยังอ่อนเมื่อไปเจอกับพวกทีม Youth จากเมืองอื่นๆ ที่ผู้เล่นส่วนใหญ่อายุ 17-19 ปี

เมื่อเราไปเจอทีมเต็งแชมป์เราจึงสู้ไม่ได้อย่างสิ้นเชิง

จำได้ว่าเกมแรกที่เราแพ้แบบหลุ่ย เราเจอกับทีม Timaru City ซึ่งเพื่อนสนิทผมชื่อ Brendan ไปเล่นให้

(Timaru เป็นเมืองใหญ่ มีประชากร 40,000 คน ขณะที่ Temuka มีประชากรแค่ 4,000 คนเท่านั้น)

แมทช์นั้นเราเล่น “ในบ้าน”

และเราแพ้ไป 13-0 ครับ

ไม่เคยเตะบอลแล้วแพ้ใครเท่านี้มาก่อน จบเกมเจ้าบรินดอนถึงกับต้องเดินมาขอโทษที่ทีมเค้า “จัดหนัก” ไปหน่อย

แต่นั่นไม่ใช่แมทช์ที่เราแพ้เยอะที่สุดครับ

เกมที่เราแพ้แบบเละเทะที่สุดคือที่เราเล่นกับ Timaru Boys High ซึ่งเป็นทีมของโรงเรียนชายล้วนในเมืองทิมารู

อารมณ์คงคล้ายๆ โรงเรียนกอไผ่วิทยาปะทะโรงเรียนสวนกุหลาบ

แมทช์นั้นเราเล่นนอกบ้านด้วย ต้องนั่งรถ 20 นาทีเพื่อไปเตะที่เมือง Timaru

ครึ่งแรกเราน่าจะโดนไปประมาณ 7-0

ส่วนครึ่งหลังก็โดนไปอีก 10 เม็ด สิริรวม 17-0

ความทรงจำที่ผมมีเกี่ยวกับแมทช์นั้นมีอยู่แค่สองอย่าง

ความทรงจำแรกคือบอลของเราแทบไม่เคยข้ามเส้นไปอยู่แดนของเค้าเลย – ยกเว้นตอนเขี่ยลูก

ความทรงจำที่สองคือนายประตูฝั่งนั้น “ว่างงาน” มากขนาดเดินไปซื้อโอเลี้ยงปากซอยมาดูดเล่นที่่เสาประตูได้สบายๆ

(เรื่องโอเลี้ยงนี่ผมมโนขึ้นเองนะครับ เพียงแต่ทีมผมมันกากมากจนนายประตูฝั่งนู้นแทบไม่มีส่วนร่วมเลย ทั้งแมทช์เหมือนเค้าจะได้แตะบอลแค่ครั้งเดียวเอง ผมคิดว่าถ้าผมเป็นเค้าคงจะเดินไปซื้อน้ำกินแก้เบื่อ)

หมดเดือนสิงหาคม ฤดูกาลฟุตบอลก็จบลงด้วยสถิติ ชนะ 2 เสมอ 3 แพ้ 15 หรืออะไรประมาณนั้น

—–

อดทนอีกนิดครับ จะเข้าประเด็นแล้ว!

ปีถัดมา (1996) ฤดูหนาวกลับมาอีกครั้ง

ในวันที่ลีกเริ่ม ผมยังอายุไม่เกิน 16 เลยยังเล่นให้กับทีม U-16 ได้

แถมคราวนี้ติดทีม A ด้วย! สงสัยเพราะฤดูกาลที่แล้วโชว์ฝีเท้าเข้าตาโค้ช

และผมก็ยังติดทีม Youth อีกเช่นกัน ผู้เล่นทีมนี้เกือบทั้งหมดเป็นผู้เล่นชุดเดิม แค่แก่ขึ้นหนึ่งปีเท่านั้นเอง

ปีนี้ถือเป็นปีทองของชีวิตค้าแข้งของผมครับ

ทีม U-16 ของเรานั้นชนะเกือบทุกนัด แพ้แค่นัดเดียว (1-0) และจบฤดูกาลด้วยการครองตำแหน่งแชมป์ลีกแบบขาดลอย

ส่วนทีม Youth สถิติอาจจะไม่สวยหรูเท่า แต่ก็ทำคะแนนได้ดีมาก คะแนนดีกว่า Timaru Boys High ที่เคยชนะเรา 17-0 ด้วยซ้ำ

สุดท้าย เราได้ไปเตะชิงชนะเลิศกับทีม Timaru City และแพ้ไปแบบเฉียดฉิว ได้ตำแหน่งรองแชมป์ไป

จบฤดูกาล ผมได้รางวัล MVP (Most Valuable Player) ของทีม Temuka U-16 มาครองอีกต่างหาก

—–
เพียงแค่ปีเดียว จากคนที่สะกดคำว่าชนะไม่เป็น กลับได้แชมป์กับรองแชมป์ได้

That which doesn’t kill you only makes you stronger

การแพ้แล้วแพ้อีก แพ้แล้วแพ้อีก มันเจ็บปวดนะครับ

แต่กว่าเหล็กจะกลายเป็นดาบได้ก็ถูกเผาถูกทุบมาไม่รู้ตั้งกี่รอบ

ดังนั้น ถ้าคุณกำลังเผชิญสถานการณ์ยากลำบาก ทำอะไรก็ไม่ขึ้น และดูเหมือนกำลังพ่ายแพ้ในเกมแห่งชีวิตนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ให้คิดซะว่าเรากำลังเข้าเตาหลอมอยู่ และกำลังถูกตีให้เป็นดาบ

วันหนึ่ง เมื่อดาบเราคมพอ ฟันอะไรก็ขาดครับ