“เราจนมาก แต่เป็นช่วงชีวิตที่อบอุ่นที่สุดและมีความสุขที่สุด เป็นการมีชีวิตที่จริงที่สุด”
– ธงไชย แมคอินไตย์ (พูดถึงวัยเด็ก)
a day เล่ม 176 April 2015
—–
เมื่อเช้านี้มาถึงออฟฟิศ ก่อนขึ้นลิฟต์เดินผ่านร้านนายอินทร์เลยเหลือบไปเห็นปก a day เล่มใหม่แล้วก็ตรงปรี่เข้าไปคว้าทันที
ผมรอเล่มนี้มาหลายสัปดาห์แล้ว ตั้งแต่ตอนได้อ่านบทบรรณาธิการ a day ฉบับที่แล้วที่พี่ก้อง ทรงกลด บางยี่ขันเล่าว่า เล่มถัดไปจะเป็นเรื่องของธงไชย แมคอินไตย์
ผมเพิ่งพลิกอ่าน a day เล่มนี้ไปได้ไม่กี่หน้า แต่ก็เพียงพอจะบอกได้ว่าเป็นเล่มที่ทุกคนควรซื้อมาเก็บเป็นอย่างยิ่ง เพราะมันได้ร้อยเรียงชีวิตซุปเปอร์สตาร์คนเดียวของเมืองไทยไว้อย่างละเอียดละออละมุนละไมราวกับวรรณกรรมชั้นดี
—–
ชีวิตของพี่เบิร์ด ธงไชยนี่จะว่าไปโคตรเหมือนละครเลย มีพี่น้องสิบคน โตมาในสลัม ที่บ้านไม่มีไฟใช้ ต้องจุดตะเกียงพายุ ต้องหาเงินด้วยการพับถุงขาย ขายเรียงเบอร์ หรือแม้กระทั่งเย็บงอบ
แต่พี่เบิร์ดกลับบอกว่าชีวิตช่วงนั้นมีความสุขมาก
“เวลาผ่านมาก็พบว่าการที่เราหมกมุ่นวุ่นวายอยู่ในความคิดบวกๆ ของตัวเองได้มาจากป๋ากับแม่ เขาไม่เคยแสดงให้เห็นว่าเราจนเลย บ้านเราไม่มีทีวี ป๋ากับแม่จูงเราไปที่อื่น ทางโน้นมีดนตรี มีลิเกลำตัด บ้านเรามีกีต้าร์เก่าๆ มาเล่นดนตรีร้องเพลงกัน ป๋ากับแม่เล่าเรื่องราวให้ฟังว่าตอนเขารักกันเป็นยังไง ตอนสงครามเป็นยังไง เราก็นั่งฟังกัน ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เรารวยที่สุดเลยนะ เราไม่เห็นคุณค่าของเงินเลย รวยมาก”
—–
สมัยเด็กๆ ผมอยู่ที่หมู่บ้านนักกีฬาแหลมทอง ถ.กรุงเทพกรีฑา อยู่ซอย 23 ซึ่งเป็นซอยท้ายสุดของโครงการ
ทาวน์เฮาส์สองชั้น แต่อยู่กันเก้าคน มีพ่อ แม่ ผม รอง น้าแดง หญิง ชาย ยายปุก และน้าหวาน
ผมจำได้ว่าอาหารสุดโปรดของผมคือคอหมูย่าง ซึ่งนานน๊านนน จะได้กินซะที เพราะราคาก็แพงอยู่สำหรับฐานะครอบครัวในตอนนั้น น้าแดงจะซื้อมาจากมอเตอร์ไซค์รถเข็นในตลาดตรงอู่รถเมล์สาย 93 เสร็จแล้วก็เอามาเทใส่จาน นั่งล้อมวงกันกินบนพื้นครัว
มีแค่ข้าวเปล่า คอหมูย่าง และน้ำจิ้มแจ่ว แค่นี้ก็โคตรฟินแล้ว
จากวันนั้นถึงวันนี้ ผมกินคอหมูย่างมาไม่รู้กี่ร้อยจาน ก็ยังไม่เคยเจอจานไหนที่อร่อยสู้คอหมูย่างเจ้านั้นได้เลย
—–
ถึงเด็กชายธงไชยจะมีความสุขมาก แต่ผมเดาว่าพ่อแม่ของเด็กชายธงไชยก็คงเครียดและทุกข์พอสมควรกับสภาพชีวิตที่กระเบียดกระเสียร เพียงแต่ไม่ได้แสดงออกให้ลูกๆ เห็นเท่านั้นเอง
คนในวัยผมที่กำลังจะเป็นพ่อเป็นแม่ ก็คงกำลังขยันทำงาน เพื่อจะได้มีเงินเก็บเยอะๆ ครอบครัวจะได้ไม่ลำบาก ลูกๆ จะได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีและอยู่กันอย่างมีกินมีใช้
แต่เรากำลังคิดมากเกินไปรึเปล่า?
เรื่องราวหรือสภาพต่างๆ ที่เราคิดว่า “แย่” สำหรับเรานั้น เด็กๆ เขาอาจจะบริสุทธิ์เกินกว่าที่จะมองว่ามันเป็นเรื่องแย่ก็ได้
ครับ ผมกำลังจะบอกว่า เด็กๆ อาจจะมี “ภูมิคุ้มกันความทุกข์” สูงกว่าผู้ใหญ่
เพราะเด็กๆ ยังไม่รู้อะไร
ส่วนผู้ใหญ่ก็รู้เยอะเกินไป
ผมยังสงสัยอยู่ว่า พี่เบิร์ดจะรู้สึกว่าชีวิตวัยเด็กของเขาจะสมบูรณ์กว่านี้รึเปล่า ถ้าเด็กชายธงไชยได้ใช้ชีวิตในบ้านหลังโตๆ มีทีวี มีตู้เย็น
ผมว่าไม่
เผลอๆ ถ้าพ่อแม่พี่เบิร์ดเขารวยกว่านี้ เมืองไทยอาจจะไม่มีซุปเปอร์สตาร์ชื่อธงไชย แมคอินไตย์เลยก็ได้
แค่คิดก็ขนลุกแล้ว!
—–
ผมว่าความต้องการพื้นฐานของเด็กมันมีไม่มากนักหรอก
แค่ท้องอิ่ม ได้เล่น และได้ใช้เวลากับคนที่เขารัก แค่นี้ก็เพียงพอสำหรับเขาแล้ว
ส่วนเรื่องอื่นๆ ที่พวกเราใช้เวลาส่วนใหญ่เก็บเงินเพื่อสร้างมันอยู่ อาจจะเป็นแค่ nice to have
ถ้าให้เด็กเลือกระหว่างกินอาหารไฮโซคนเดียวในบ้านหลังใหญ่ กับนั่งล้อมวงกินคอหมูย่างจิ้มแจ่วที่ท้ายครัว
ผมว่าเด็กส่วนใหญ่จะเลือกอย่างหลังนะครับ
—–
Credits: นิตยสาร a day เล่ม 176 ปกเบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์ เมษายน 2558
Pingback: จงทำดี จงทำดี จงทำดี | Anontawong's Musings
Pingback: กว่าจะสำเร็จ | Anontawong's Musings