เพื่อนสนิทของผมทุกคนจะรู้ดีว่าทีมโปรดของผมคือแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
ผมเป็น “เด็กผี” มาร่วม 20 ปีแล้ว ตั้งแต่สมัยอีริค คันโตน่ายังโลดแล่นอยู่ในสนาม แม้ตอนนั้นผมจะเรียนอยู่นิวซีแลนด์ซึ่งเป็นประเทศที่บ้ารักบี้และหาฟุตบอลดูได้ยากมาก
เมื่อเราสมัครใจจะเป็นสาวกของทีมใดทีมหนึ่ง ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่หนึ่งในความฝันของเราคือการได้ไปเชยชมทีมที่รักติดขอบสนามซักครั้งในชีวิต
วันนี้ผมจะมาเล่าถึงฝันที่เป็นจริงครับ!
ผมแต่งงานไปเมื่อปลายปีที่แล้ว และตั้งใจจะมีลูกเลย จึงรู้ตัวแล้วว่า ถ้าจะไปเที่ยวที่ไหนไกลๆ ปีนี้น่าจะเป็นโอกาสสุดท้ายแล้วที่จะได้ทำ ก่อนที่จะต้องหยุดพักไปอีกหลายปี
เมื่อเข้าสู่เดือนมกราคม ผมเลยลอง google ดูว่า แมนยูฯ มีเตะในบ้านเมื่อไหร่บ้าง ยิ่งถ้าได้ช่วงสงกรานต์ยิ่งดี
และโชคชะตาก็เป็นใจ แมนยูฯ มีแข่งกับแมนซิตี้ที่สนามโอลด์แทรฟฟอร์ดในวันที่ 11 เมษายน
เกมนี้ถือเป็นเกมระดับ 5 ดาวเลยก็ว่าได้ เพราะมันเป็น “ดาร์บี้แมทช์” ซึ่งหมายถึงเกมที่ทีมจากเมืองเดียวกันต้องมาเจอกันเอง จึงเป็นศึกแห่งศักดิ์ศรี ไม่มีใครยอมใคร บู๊สะบั้นหั่นแหลก และกองเชียร์ทั้งสองฝ่ายก็จะเร่าร้อนกว่าเกมทั่วๆ ไป
แค่คิดถึงบรรยากาศก็กระดี๊กระด๊าแล้ว
เมื่อรู้แล้วว่าอยากจะไปดูเกมส์ไหน ก็ google ไปตรงๆ เลยว่า manchester united manchester city match ticket
มีเว็บไซต์หลายๆ เว็บ ขึ้นมาให้เลือก แต่พอคลิ้กเข้าไปดูแล้ว ราคามันแพงเหลือหลาย อย่างต่ำๆ ก็เหยียบหมื่นบาทแล้ว และเท่าที่ดูก็ไม่แน่ใจว่าเป็นตั๋วผีรึเปล่า ซื้อแล้วจะได้ตั๋วจริงๆ รึเปล่า
ผมเลยลองเข้าเว็บ manutd.com แทน และคลิกไปที่ Tickets & Hospitality
ปรากฎว่าตั๋วของเกมนี้หมดเกลี้ยงแล้วจริงๆ แต่ก็ยังไม่หมดหวังซะทีเดียว เพราะมันมีเซ็คชั่นที่เป็น Matchday VIP Tickets
ซึ่งพอคลิ้กเข้าไปมันก็มี VIP หลายระดับ
ผมเลือก Lancashire Package เพราะว่ามันเป็นแพ็คเกจเดียวที่ยังพอมีที่นั่งเหลืออยู่
โดยแพ็คเกจนี้ระบุว่าจะมีเลี้ยงข้าวก่อนดูบอล มีของที่ระลึกให้ และพอดูจบก็กลับมาดื่มโน่นดื่มนี่ได้อีกนิดหน่อย
ค่าตั๋วก็ไม่แพงเท่าไหร่ แค่คนละ 299 ปอนด์หรือ 15,000 บาทเท่านั้น โอ้แม่เจ้า!
ผมเองเคยซื้อของราคาเกิน 10,000 บาทแค่สามชิ้น
ส่วนในแง่การซื้อประสบการณ์ ค่าตั๋วแพงสุดที่ผมเคยจ่ายคือประมาณ 5,000 บาทตอนไปดู The House of Dancing Water ที่มาเก๊า (อันนี้ก็ดีมากนะครับ แนะนำๆ) พอมาเจอตั๋วราคาใบละ 15,000 ได้ดูบอล 90 นาที จึงทำให้คิดหนักอยู่เหมือนกัน
แต่พอถามตัวเองว่า อะไรหายากกว่ากัน
ระหว่างเงิน 30,000 บาท (ค่าตั๋วของผมกับแฟน)
กับการได้ไปอยู่ในบรรยากาศแมนเชสเตอร์ดาร์บี้แมทช์ในวันและเวลาที่ยังไม่มีภาระอะไร
คำตอบก็ชัดเจนในตัวมันเอง จึงคลิ้ก Next!
ถึงจะซื้อตั๋ว VIP แต่ที่นั่งก็ใช่ว่าจะดีมาก เพราะตามแผนผังที่นั่ง เราจะได้ที่นั่งในกลุ่ม NW3433 เป็นที่นั่งฝั่ง North West ระหว่าง Sir Alex Firguson Stand กับ West Stand ห่างจากสนามพอสมควรเลย
แต่ได้แค่นี้ก็เอาแล้ว ดีกว่าผัดวันประกันพรุ่งความฝันของเราไปจนถึงเมื่อไหร่ก็ไม่รู้
การจองตั๋วก็ไม่ยากอะไรครับ ทำตามสเต็ปไปเรื่อยๆ
จะมีช็อคนิดหน่อยตอนถึงหน้าสุดท้าย เพราะเขาเก็บภาษีอีกร้อยกว่าปอนด์ ตัวเลขบรรทัดสุดท้ายจึงเป็น 717.60 ปอนด์หรือ 35,640 บาท (เรท GBP/THB ณ ตอนนั้น) แต่มาถึงจุดๆ นี้แล้วก็ต้องกัดฟันคลิ้ก Confirm แล้วล่ะครับ
และนี่คือเมล์ที่เขาส่งมาหลังจากจ่ายเงินเรียบร้อยครับ
จะเห็นว่ามันขึ้นว่า (Date & KO TBC) ซึ่งย่อมาจาก Date & Kick Off To Be Concluded
เพราะแม้วันที่จะเป็นวันเสาร์ที่ 11 April แต่ก็มีโอกาสที่จะเลื่อนแมทช์ไปเตะวันอาทิตย์เพื่อการถ่ายทอดสดได้ แถมยังเลื่อนกลับมาเป็นวันเสาร์ได้อีกหากแมนซิตี้เข้ารอบลึกๆ ในฟุตบอลรายการ UEFA Champions League (ขอไม่ลงรายละเอียด)
ระหว่างนี้ ผมก็มีการเมล์ไปคุยกับทีมงาน Matchday VIP เพื่อจะถามเรื่องตั๋วฟุตบอล ซึ่งตามปกติจะส่งมาที่บ้านก่อนวันแข่งประมาณ 2 สัปดาห์ แต่ผมขอไปรับที่หน้างานแทน เพราะมีโปรแกรมไปเที่ยวยุโรป กลัวว่าตั๋วกับผมจะสวนทางกัน
เมื่อได้ตั๋วบอลแล้ว วันถัดมาก็จองตั๋วเครื่องบินเลย โดยคิดว่าจะออกเดินทางคืนวันพุธที่ 1 เมษาแล้วกลับมาวันเสาร์ที่ 18 จะได้มีเวลาพักหนึ่งวันก่อนกลับไปทำงาน
แผนการก็คือไปเที่ยวที่สวิสเซอร์แลนด์ก่อน แล้วค่อยนั่งรถไฟ/รถบัสไปเที่ยวยุโรปตะวันออกอย่างเวียนนาและปราก จากนั้นก็บินไปดูบอลที่แมนเชสเตอร์ เสร็จแล้วค่อยลงมาเจอเพื่อนที่ลอนดอน แล้วนั่งรถไฟลงไปเที่ยวที่ปารีส จากนั้นจึงบินจากปารีสกลับเมืองไทย
จองตั๋วเครื่องบินเสร็จสรรพก็เดินหน้าทำวีซ่า Schengen ซึ่งสามารถใช้ได้กับทุกประเทศที่เราจะไปยกเว้นอังกฤษ ส่วนวีซ่าอังกฤษผมก็รอดูสถานการณ์ก่อนว่าสุดท้ายแล้วเกมจะเกิดขึ้นวันไหนกันแน่
ทุกอย่างดูราบรื่นดี
จนกระทั่งถึงวันอาทิตย์ที่ 8 มีนาคม
วันที่ผมรู้ว่าภรรยาตั้งครรภ์!
โปรดติดตามตอนต่อไป
—–
ผมเขียนบล็อกทุกวัน วันละหนึ่งบล็อก สามารถติดตามกันได้ที่ http://facebook.com/anontawongblog นะครับ
Pingback: มหากาพย์เยือน Old Trafford – ตอนที่ 2 | Anontawong's Musings