สมัยชั้นประถม ผมเคยต้องไปฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบบี ซึ่งไม่ใช่ฉีดแค่เข็มเดียว แต่ต้องฉีดถึง 3 เข็ม โดยเว้นช่วงหลายเดือน
ฉีดทุกครั้งก็ร้องไห้ทุกครั้ง ผู้ใหญ่ชอบบอกว่าเจ็บแค่มดกัด หลอกกันชัดๆ เราพยายามมองกำแพงก็แล้ว หลับตาก็แล้ว แต่ก็ยังเจ็บมากๆ อยู่ดี
อาการกลัวเข็มฉีดยาเพิ่งจะมาหายช่วงขึ้นมัธยมต้น เพราะผมเป็นภูมิแพ้ และต้องไปฉีดยาทุกวันเสาร์ที่โรงพยาบาลรามคำแหงกับคุณหมอชื่อสมศักดิ์ ซึ่งมีอารมณ์ขันและมือเบามาก ฉีดเสร็จก็จะโยนเข็มฉีดยาลงถังขยะด้วยท่านักบาสชู้ตสามแต้ม
พอโดนฉีดยาบ่อยเข้าก็เลยเลิกร้องไห้ไปโดยปริยาย
ยิ่งโตมา จึงยิ่งเข้าใจว่า วิธีโดนฉีดยาที่เจ็บน้อยที่สุด คือให้มองเข็มฉีดยา และรับรู้ความรู้สึกตอนที่มันแทงเข้าไปในแขนของเรานี่แหละ
การหลับตาหรือการมองไปที่อื่นจะทำให้เรามโนไปเรื่อย และความเจ็บปวดในจินตนาการนั้นมักจะใหญ่หลวงกว่าความเจ็บปวดที่แท้จริงเสมอ
การกลัวเข็มฉีดยาก็เหมือนกับการกลัวเรื่องอื่นๆ ในชีวิตที่ไม่สมเหตุสมผล
กลัวการพูดในที่สาธารณะ กลัวการเข้าไปคุยกับคนที่เราชอบ กลัวการถูกปฏิเสธ กลัวการขอความช่วยเหลือ กลัวเขียนบทความแล้วไม่ดีอย่างที่หวัง
เมื่อเรากลัวความเจ็บปวดเหล่านี้ เราเลยวิ่งหนีมันเรื่อยมา วันเวลาก็ผ่านเลยไป รอให้เรามองกลับมาด้วยความเสียดาย
บรู๊ซ ลี เคยกล่าวไว้ว่า หากเราเอาแต่กลัวความทุกข์เล็กๆ น้อยๆ ความก้าวหน้าก็เป็นสิ่งที่หวังได้ยาก
“The enemy of development is this pain phobia – the unwillingness to do a tiny bit of suffering.”
-Bruce Lee
ลองถามตัวเองว่าอะไรที่เราหลีกหนีมาเนิ่นนาน เรากลัวอะไร ความเจ็บปวดที่เราจินตนาการเอาไว้มันสอดคล้องกับความจริงรึเปล่า
ลองสบตากับสิ่งที่เรากลัวเหมือนที่เราสบตากับเข็มฉีดยา
แล้วเราอาจจะพบว่าผู้ใหญ่ไม่ได้หลอกเรา
มันเจ็บแค่มดกัดจริงๆ ครับ