ชีวิตควรจะมี buffer เอาไว้เสมอ

บางทีเราก็ไม่ควรให้ค่ากับ efficiency มากจนเกินไป

เพราะคนไม่ใช่เครื่องจักร ทำสิบครั้งใช่จะเหมือนกันทุกครั้ง มีผิดพลาดได้ มีงอแงได้

ถ้าเรามุ่งเน้นที่จะ super productive จนเกินเลย เราจะทำงานจนไม่ได้มีเวลากินข้าวกินปลา โรคกระเพาะจะถามหา ชีวิตจะไม่โอเค

เปรียบเทียบให้เห็นภาพ สมมติมีโจทย์ว่าภายในสองชั่วโมงจะต้องให้รถวิ่งผ่านทางด่วนเส้นหนึ่งให้เยอะที่สุด แบบไหนจะวิ่งได้เยอะกว่ากัน

  1. ยัดรถลงไปบนถนนแบบให้เหลือช่องว่างระหว่างรถแต่ละคันแค่ 50 ซ.ม.
  2. ใส่รถลงไปในจำนวนที่พอดี แต่ละคันห่างกันประมาณ 10 เมตร

ถ้าทำแบบแรก จะไม่มีรถคันไหนวิ่งได้เลย ทำได้แค่เพียงคลานไปเรื่อยๆ

แบบที่สอง การจราจรจะลื่นไหล ทุกคันสามารถขับได้ตามความเร็วที่เหมาะสม

ชีวิตจึงควรจะมี buffer เอาไว้เสมอ

buffer สำหรับงานที่อาจใช้เวลามากกว่าที่คิด

buffer สำหรับเงินสดเผื่อมีเหตุฉุกเฉิน

buffer สำหรับความสัมพันธ์ มี “ที่ว่าง” เหมือนเพลงของวง Pause

อย่าพยายามใส่สิ่งที่เราอยากทำมากจนเกินไป อย่ามองโลกในแง่ดีว่าทุกอย่างจะไปได้สวย

มองโลกในแง่จริง และพก buffer ติดตัวเอาไว้

เพราะวันที่ฟ้าฝนไม่เป็นใจจะมาถึงอย่างแน่นอน