ไม่แน่ใจว่าผู้อ่านเป็นหรือไม่ เมื่อเราอายุสามสิบปลายๆ หรือสี่สิบต้นๆ เรากลับรู้สึกว่าข้างในเราเด็กกว่านั้น
แม้หน้าตาจะมีริ้วรอย ผมเริ่มหงอกหรือร่อยหรอ ร่างกายไม่ได้ฟิตเหมือนแต่ก่อน แต่เรายังรู้สึกเหมือนคนอายุ 20 ต้นๆ อยู่เลย
บ่อยครั้งที่เรายังคิดแบบเด็กวัยรุ่นที่อยากนอนเล่นทั้งวันโดยไม่ทำอะไร อยากสนุกสนาน อยากปลดเปลื้องตนเองจากภาระและความคาดหวังทั้งปวง
ความรู้สึกข้างในของเราไม่ได้มีความเป็นผู้ใหญ่เท่ากับร่างกายและอายุ แต่ความรับผิดชอบและบริบททางสังคมมันบังคับให้เราต้องสวมบทบาทผู้ใหญ่อย่างเลี่ยงไม่ได้
แล้วก็ชวนคิดต่อไปว่าคนรุ่นพ่อรุ่นแม่เราที่อยู่ในวัยเกษียณก็อาจจะมีความรู้สึกคล้ายๆ กับเราได้เช่นกัน
นอกจาก “วัยรุ่น” แล้ว ผมยังค้นพบว่าข้างในเรายังมี “เด็กน้อย” อีกด้วย
เด็กน้อยที่อ่อนแอ ขี้กลัว และใจเสาะ
ผมมักจะเจอเด็กน้อยคนนี้เวลาซ้อมวิ่งระยะไกลเกิน 15 กิโลเมตร ที่สมองสั่งให้ไปต่อ แต่เด็กน้อยในใจเริ่มงอแง แม้เราจะใช้ความอยากเอาชนะเข้าข่มแต่เด็กน้อยคนนั้นก็ไม่เคยหายไปไหน
หรือบางครั้งเราก็อาจจะเจอเด็กน้อยในวันที่มีเรื่องราวมากระทบจิตใจแรงๆ จนเราเริ่มไม่เป็นตัวของตัวเอง เริ่มทำสิ่งที่ไร้เหตุผลและเป็นภาระของคนรอบข้าง
ผมคิดว่าสิ่งที่ต้องระลึกไว้ก็คืออย่าทำเป็นมองไม่เห็นเด็กน้อยคนนั้น เราควรยอมรับว่าเขาก็มีตัวตนอยู่และเป็นส่วนหนึ่งของเราเช่นกัน
โอบกอดเขาและบอกว่า “ไม่เป็นไรนะ” ให้เวลาเขาสักหน่อยและอย่าไปคาดคั้นอะไรจากเขามากเกินไป
ทำความรู้จักกับทั้งวัยรุ่นและเด็กน้อยในใจเราให้ดี
จะได้ไม่เผลอทำร้ายเขาโดยไม่รู้ตัวครับ