อุทธาหรณ์สอนใจ HR ก่อนออกนโยบายอะไรมา (บทเรียนจาก Netflix)

ก่อนที่ Reed Hastings จะออกมาตั้ง Netflix เขาเคยทำงานที่ Pure Software

บริษัทนี้มีนโยบายว่าหากมีการเดินทาง พนักงานสามารถเบิกค่าเช่ารถหรือไม่ก็ค่าแท็กซี่ แต่จะเบิกทั้งสองอย่างไม่ได้

พนักงานชื่อ Grant ซึ่งเป็น sales director ต้องออกไปหาลูกค้าที่อยู่ไกลออกไป 2 ชั่วโมง เขาจึงตัดสินใจเช่ารถขับไปเองเพราะถ้าขึ้นแท็กซี่จะแพงมาก

คืนนั้นกรานท์ต้องพาลูกค้าไปเลี้ยงรับรอง และเขารู้ว่าต้องดื่มกันหนักแน่นอน เขาจึงไม่ได้ขับรถไป เมื่อจบงานเลี้ยงเขาจึงเรียกแท็กซี่กลับโรงแรม

แต่ปรากฎว่าแผนกบัญชีไม่ยอมให้กรานท์เบิกค่าแท็กซี่ 15 เหรียญ

กรานท์โกรธมาก เดินมาโวยวายกับรี้ดว่าทำไมต้องมีกฎงี่เง่าอย่างนี้ด้วย

“ในกรณีแบบนี้ คุณอยากให้ผมขับรถกลับโรงแรมรึไง?”

รี้ดและหัวหน้า HR ไม่มีคำตอบที่ดี และประชุมกันเพื่อจะพยายามหาทางปรับกฎระเบียบบริษัท

ไม่กี่เดือนถัดมากรานท์ก็ลาออก โดยใน Exit Interview เขาให้สัมภาษณ์ไว้ว่า

“พอผมได้เห็นว่าผู้บริหารใช้เวลาไปกับเรื่องอะไรบ้าง ผมก็หมดความเชื่อมั่น”


เมื่อออกมาทำ Netflix รี้ดจึงพยายามไม่ตั้งกฏเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายบริษัท แต่เมื่อเน็ตฟลิกซ์เติบโตจนเข้าตลาดหลักทรัพย์ CFO ก็บอกว่ามันเริ่มมีความจำเป็นแล้วที่จะต้องตั้งนโยบายเรื่องค่าใช้จ่ายให้เป็นลายลักษณ์อักษร

รี้ดจึงเรียกประชุมผู้บริหารเพื่อ brainstorm

บางสถานการณ์ก็ตรงไปตรงมา ถ้าพนักงานจะส่งของขวัญคริสต์มาสให้คนในครอบครัว เขาก็เบิกค่าส่งของไม่ได้อยู่แล้ว

แต่บางสถานการณ์ก็ซับซ้อนกว่านั้น สมมติเท็ดต้องไปงานปาร์ตี้ที่ฮอลลี้วู้ดเพื่อสร้าง connection กับลูกค้า ถ้าเท็ดซื้อช็อคโกแล็ตไปฝากลูกค้า เท็ดจะเบิกค่าช็อคโกแล็ตได้รึเปล่า?

หรือถ้าเลสลี่ทำงานจากที่บ้านทุกวันพุธ จะเบิกค่ากระดาษใส่ปริ้นท์เตอร์ของตัวเองได้มั้ย? แล้วถ้าลูกของเลสลี่ใช้กระดาษนั้นปริ้นท์การบ้านด้วยล่ะ?

สิ่งเดียวที่รี้ดและผู้บริหารหลายคนเห็นร่วมกันก็คือ ถ้าพนักงานขโมยทรัพย์สินของบริษัทก็สมควรโดนไล่ออก

แต่โคลเอ้ซึ่งเป็น director คนหนึ่งก็ยกมือขึ้นแล้วพูดว่า

“เมื่อคืนวันจันทร์ฉันเพิ่งขโมยของจากบริษัทมาเอง ฉันทำงานถึง 5 ทุ่มเพื่อทำโปรเจ็คให้เสร็จ ฉันไม่มีอาหารมื้อเช้าไว้ให้ลูกก็เลยหยิบซีเรียลกลับบ้านไปสองกล่อง”

ซึ่งฟังดูแล้วก็สมเหตุสมผลดี รี้ดจึงเข้าใจว่า เราไม่มีทางตั้งนโยบายที่จะตอบโจทย์ทุกสถานการณ์ได้ เพราะในความเป็นจริงมันมีรายละเอียดปลีกย่อยมากมาย – Real life is so much more nuanced than any policy could ever address.

รี้ดเลยคิดว่าน่าจะออกกฎหลวมๆ ให้พนักงานใช้เงินกันอย่างมัธยัสถ์ ควรจะคิดอย่างถี่ถ้วนก่อนจะจ่ายอะไรออกไป

เน็ตฟลิกซ์จึงออกไกด์ไลน์มาว่า

SPEND COMPANY MONEY AS IF IT WERE YOUR OWN

จงใช้เงินบริษัทเหมือนกับที่เราใช้เงินตัวเอง

ถ้าพนักงานทุกคนใช้เงินบริษัทโดยคิดแบบนี้ ทุกอย่างก็น่าจะโอเค


แต่แล้วรี้ดก็พบว่าตัวเองคิดผิด เพราะแต่ละคนเติบโตมาไม่เหมือนกัน บางคนมีนิสัยมือเติบอยู่แล้ว จะเป็นเป็นเงินตัวเองหรือเงินบริษัทก็ยังอู้ฟู่อยู่ดี

เดวิดเป็นผู้บริหารระดับสูงในแผนกไฟแนนซ์ เขาเป็นคนนิสัยมัธยัสถ์เป็นทุนเดิม วันหนึ่งเดวิดต้องบินไปประชุมต่างเมืองซึ่งใช้เวลาบินแค่สองชั่วโมงกว่า เขาจึงซื้อตั๋ว Economy

แต่พอเดวิดเดินขึ้นเครื่อง เขาก็พบว่าทีม Content ทั้งทีมนั่งอยู่ในชั้น First Class กันอย่างสบายใจเฉิบ

เดวิดเลยเดินไปกล่าวทักทายเหล่าทีม Content พวกเขารู้สึกอับอายอยู่นิดหน่อย แต่ไม่ได้อายที่ซื้อตั๋ว First Class กันหรอกนะ อายที่เดวิดซึ่งเป็นผู้บริหารระดับสูงไปนั่งชั้น Economy ต่างหาก!

รี้ดจึงพบว่า นโยบายให้ใช้เงินเหมือนเป็นเงินตัวเองนี้ก็ไม่เวิร์คเหมือนกัน

หลังจากคิดกันแทบหัวแตก จึงได้นโยบายใหม่ออกมา ซึ่งเป็นประโยคสั้นๆ เพียง 5 คำ

ACT IN NETFLIX’S BEST INTEREST

ยึดประโยชน์ของเน็ตฟลิกซ์เป็นที่ตั้ง

ถ้าคุณต้องบินข้ามคืนและพอถึงแล้วก็ต้องไปพรีเซนต์งานกับลูกค้า การซื้อตั๋ว First Class ถือเป็นการเอาผลประโยชน์ของบริษัทเป็นที่ตั้ง เพราะเราคงไม่อยากให้ลูกค้าเจอเราในสภาพตาโหลไร้เรี่ยวแรงหรอก

ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้เน็ตฟลิกซ์ก็ใช้นโยบายเดิมมาตลอด

โดยรี้ดกล่าวไว้ว่า

“I didn’t want our talented employees to feel that dumb rules were preventing them from using their brains to do what was best”

“ผมไม่ต้องการให้คนเก่งของเรารู้สึกว่ากฎระเบียบที่งี่เง่านั้นมาขัดขวางไม่ให้พวกเขาใช้สมองเพื่อจะทำสิ่งที่ดีที่สุดให้บริษัท”


ขอบคุณเนื้อหาจากหนังสือ No Rules Rules: Netflix and the Culture of Reinvention

ทีม People ของผมที่ LINE MAN Wongnai (ที่นี่เราเรียกทีม HR ว่าทีม People) กำลังเปิดรับสมัครตำแหน่ง Senior People Engagement Specialist มีหน้าที่หลักคือดูแลเอาใจใส่พนักงาน

เรามองพนักงานเป็นเพื่อนมนุษย์ที่มีความสามารถและมีวิจารณญาณ ดังนั้นจึงจะมีกฎไม่เยอะ แต่จะใช้ common sense เยอะหน่อย

ใครสนใจมาร่วมงานกัน เชิญได้ที่นี่ครับ >> https://careers.lmwn.com/people/699-senior-people-engagement-specialist


https://anontawong.com/2021/02/08/hr-policy-netflix/