มหากาพย์เยือน Old Trafford – ตอนที่ 7

20150607_Manutd7

16:06 วันอาทิตย์ที่ 17 พฤษภาคม 2558 คือนาทีที่ผมได้เยือนโรงละครแห่งความฝันอย่างเป็นทางการ!

ก่อนหน้านี้ ผมเคยดูบอลสดๆ มาสามครั้ง

ครั้งแรกเมื่อปี 2001 ที่เมืองซูริค ตอนที่บาร์เซโลน่ามาเตะบอลกระชับมิตรกับทีม Grasshopper ของซูริค ตอนนั้นคนดูน่าจอยู่ในหลักไม่กี่พันคน

ครั้งที่สองเมื่อปี 2005 ไปดูบอลกระชับมิตรฝรั่งเศสเจอทีมยุโรปเล็กๆ ที่ Stade De France คนน่าจะหลายหมื่นอยู่

ครั้งที่สามเมื่อปี 2011 ดูบอลไทยเตะกับออสเตรเลียที่สนามศุภชลาศัย คนดูประมาณเกือบๆ สองหมื่นคน

บรรยากาศและความรู้สึกเทียบไม่ได้เลยกับการมาเยือนสเตเดี้ยมแห่งนี้

IMG_2019

IMG_2022

IMG_2026

IMG_2023

แม้คนที่ไม่ได้เป็นแฟนแมนยู ถ้ามาที่นี่ก็น่าจะรู้สึกเช่นเดียวกัน คนเต็มสนาม เสียงเชียร์ดังกระหึ่ม พลังงานเจ็ดหมื่นกว่าชีวิตจดจ่อไปที่ลูกบอลกลมๆ และคนในสนามอีก 22 คน

เรามาถึงสนามช้าไปประมาณ 5 นาที เขาคิกอ๊อฟไปเรียบร้อยแล้ว เลยอดเห็นภาพตอนนักเตะเดินเข้าสนาม จับมือ และทายหัวก้อยเพื่อเลือกฝั่ง มาทริปคราวนี้พลาดอะไรดีๆ ไปหลายอย่างเพราะการมาสายจริงๆ ครับ

สิ่งแรกที่สังเกตเห็นคือการจัดวางเก้าอี้นั้นแน่นมาก ขนาดผมตัวเล็กๆ เวลาจะเดินเข้าไปตรงที่นั่งยังรู้สึกลำบากยิ่งกว่าตอนเดินเข้าที่นั่งในโรงหนังเสียอีก ไม่อยากนึกเลยว่าฝรั่งตัวใหญ่ๆ เขาจะอึดอัดแค่ไหน

สิ่งที่สองที่สังเกตเห็นก็คือพวกคนดูฝั่ง West Stand (ผมอยู่ฝั่ง North-West คนดูฝั่ง West จึงอยู่ทางด้านขวามือของผม) น่าจะเป็นพวกแฟนแมนยูพันธุ์แท้ที่ซื้อตั๋วแบบ Season Ticket  คนดูกลุ่มนี้ไม่มีใครนั่งเลย ยืนกันตลอดแมทช์ และเป็นกลุ่มคนที่ร้องเพลงเชียร์ตลอดเวลา ช่วยให้บรรยากาศมันสุดยอดมากจนผมต้องหันไปถ่ายวีดีโอพวกเขาหลายครั้ง จะว่าไป ใจในหลายๆ ช่วงของเกม สิ่งเกิดขึ้นในหมู่คนเชียร์นั้นน่าสนใจกว่าเกมในสนามด้วยซ้ำไป ดูตัวอย่างได้ที่นี่ครับ

อีกสิ่งหนึ่งที่ผมรู้สึกได้ว่าแตกต่างจากการดูบอลในทีวีได้อย่างชัดเจน ก็คือจังหวะของเกมครับ

ในทีวีม้นจะมีภาพตัดต่อไปมา ภาพรีเพลย์ ภาพโคลสอัพ และอะไรต่อมิอะไร มันทำให้เรารู้สึกว่านักเตะพวกนี้อยู่ในระดับ “เหนือมนุษย์” ทั้งความเร็ว การเคลื่อนไหว และพละกำลัง

แต่พอมานั่งดูอยู่ในสนาม “ความโอเว่อร์” ที่ถูกสร้างขึ้นมาในทีวีถูกตัดทิ้งจนเรียบ เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นนักเตะเหล่านี้จับต้องได้  รู้สึกว่าเขาก็เป็นเด็กผู้ชายกลุ่มหนึ่งที่วิ่งแย่งบอลในสนามเหมือนที่เราเคยเตะกันเองนี่แหละ

ในสนามจริง เราสามารถเห็นการเคลื่อนไหวต่างๆ ได้กว้างขึ้น เห็นว่าคนที่ไม่มีบอลอยู่กับเท้ากำลังวิ่งทำทางกันอย่างไร เราสามารถดูเกมแล้วเดาต่อได้ว่าเขาน่าจะส่งบอลไปทางไหน ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยหากเราดูบอลทางทีวี

ครึ่งแรกทีมแมนยูเลือกอยู่ฝั่ง West  ผมจึงเห็นแผ่นหลังของเดวิด เดเกอาตลอดทั้งเกม

ครึ่งแรกนี้แมนยูเล่นได้ดีกว่าอาร์เซนอลค่อนข้างเยอะ ชิ่งลูกสวยๆ กันหลายครั้ง และสุดท้ายก็ขึ้นนำ 1-0 ด้วยการยิงของ Herrera ในนาทีที่ 30

หมดครึ่งแรก คนส่วนใหญ่เดินออกไปเข้าห้องน้ำ ซื้อเบียร์และซื้อของกินด้านนอก ผมเลยมีเวลาฉายรูปนิดหน่อย

????

ก่อนเกมครึ่งหลังจะเริ่ม ก็มีเหตุการณ์ประทับใจ มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินฝ่ากลุ่มคนเข้ามาที่จุดที่ผมนั่ง แล้วถามว่าผมใช่อานนทวงศ์รึเปล่า แล้วเธอก็แนะนำตัวว่าเธอคือเบธานี

สำหรับคนที่ไม่ได้อ่านตอนก่อนหน้านี้ เบธานี คือคนที่คอยตอบอีเมล์ของผมเวลาผมส่งเมล์ไปหา Matchday VIP และเขาเป็นคนอาสาไปปรึกษากับหัวหน้าเรื่องขอเปลี่ยนตัวให้ผมเป็นกรณีพิเศษ

เบธานีมาหา บอกว่าเอาของขวัญมาให้ และขอโทษที่ทำให้เรื่องราวขลุกขลักเพราะทีม Sales บอกว่าผมไม่สามารถเปลี่ยนบัตรได้

ผมบอกว่า ไม่มีอะไรต้องขอโทษเลย เป็นเราซะอีกที่ต้องขอบคุณเธอ เพราะถ้าไม่ได้เบธานีช่วย ผมกับแฟนก็จะไม่ได้มานั่งดูบอลอยู่ตรงนี้

ผมเลยขอถ่ายรูปคู่กับเบธานีไปหนึ่งรูป เดี๋ยวคงจะส่งบล็อกนี้ไปให้เธอดูด้วย

????

เกมครึ่งหลังเริ่มขึ้น คราวนี้แมนยูจะบุกมาทางที่ผมนั่งอยู่ ถ้ามียิงประตูคงจะสะใจน่าดู เพราะจะเห็นกันแบบจะๆ และพวกแฟนพันธุ์แท้ใน West Stand ก็คงเตรียมพร้อมที่จะเชียร์กระหึ่มอยู่แล้ว

แต่ปรากฎว่าอาร์เซนอลแก้เกมมาดี บอลจึงอยู่ตรงกลางสนามหรือฝั่งนู้นซะส่วนใหญ่ แมนยูทำเกมขึ้นมาได้น้อยมาก จนแฟนบอลเริ่มส่งเสียงเชียร์ให้เอา Van Persie ลงสนาม

นาทีที่ 61 ก็มีการเปลี่ยนตัวเอา Falcao ออก และให้ Ven Persie ลงมาแทน

ฟัลเกาเป็นนักเตะที่ขยันนะครับ วิ่งตลอดเกม แต่ทำยังไงก็ยิงไม่ได้ซักที นักเตะอเมริกาใต้ที่มาอยู่ที่แมนยูไม่ว่าจะเป็นเวรอน ฟอร์ลัน หรือฟัลเกา ต่อให้เคยเก่งระดับเทพแค่ไหน แต่พอมาอยู่ที่นี่กลับไม่รุ่งเอาเสียเลย

ก่อนออกจากสนามฟัลเกายกมือบ๊ายบายแฟนบอล เสมือนเป็นสัญญาณว่านี่คือการเล่นครั้งสุดท้ายของเขาที่นี่ เพราะแมนยูคงไม่คิดจะเก็บเขาไว้สำหรับฤดูกาลหน้าแล้ว

จากนั้นไม่นาน เดวิด เดเกอา หนึ่งในผู้เล่นที่ดีที่สุดในฤดูกาลนี้ของแมนยู ก็มีอันต้องเปลี่ยนตัวเพราะบาดเจ็บ ตอนที่เดเกอาเดินออกจากสนามนั้นเหล่าแฟนบอลในสนามลุกขึ้นยืนปรบมือและส่งเสียงเชียร์ราวกับว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้เห็นเดเกอาเล่นให้แมนยูเช่นกัน (เพราะรีลมาดริดกำลังต้องการซื้อผู้รักษาประตูคนนี้อยู่)

วิกเตอร์ วาลเดส นายประตูที่ย้ายมาจากบาร์ซา ได้ลงสนามเป็นนัดแรก และก็ต้องเสียประตูไปจากลูกยิงธีโอ วอลคอตต์ที่ไปโดนขาของกองหลังแมนยู ในนาทีที่ 82

สุดท้ายเกมนี้จบลงด้วยสกอร์ 1-1

นักเตะของแมนยูรวมตัวกันแล้วเดินไปขอบคุณแฟนบอลรอบๆ สนาม ก่อนที่หลุยส์ ฟาน กัลจะกล่าวขอบคุณแฟนบอลที่คอยติดตามเชียร์ทีมมาโดยตลอด และบอกว่า เจอกันใหม่ฤดูกาลหน้านะ! (พูดสั้นไปมั้ย?)

จากนั้นเหล่าลูกๆ ของนักเตะก็วิ่งเข้ามาในสนาม บางคนถือบอลเข้ามาด้วยแล้วมาตั้งบอลตรงจุดโทษเพื่อที่จะยิงให้เข้าประตู ยิงเข้าทีนึงคนดูก็ช่วยเฮทีนึง เป็นบรรยากาศที่อบอุ่นมาก เสียดายผมไม่ได้เก็บรูปมาให้เพราะกล้องฟ้องว่าแบตจะหมดแล้ว

พวกเรานั่งรออีกซักพักให้คนทยอยออกไปเกือบหมดแล้วจึงค่อยเดินมา คราวนี้ลงบันไดธรรมดา (ตอนขึ้นขึ้นผ่านทางเข้าวีไอพี) เงียบเชียบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

????

ลงมาถึงด้านนอกสเตเดี้ยม ก็พบผู้คนมากมายกำลังถ่ายรูปกันอยู่ เราเจอกลุ่มคนไทยอีกคนที่มาดูบอลด้วยเช่นกัน เลยขอให้เขาช่วยถ่ายรูปนี้ให้เรา (ผมบอกให้เขาถ่ายให้ติดป้าย Old Trafford ด้วย แต่ไหงติดแค่นี้ก็ไม่รู้ เป็นความผิดพลาดที่เราไม่ได้เช็ครูปให้เรียบร้อยก่อน)

????

เดินออกจากสนามมาก็จะเจอเจ้าหน้าที่จัดขบวนม้ามายืนกั้นไว้ไม่ให้คนลงไปเดินบนถนน เพื่อให้รถยนต์สามารถสัญจรได้  การเอาม้ามาบควบคุมการจราจรนี่มันช่างเท่จริงๆ

IMG_2045

แม้ม้าจะเท่แต่ก็มีข้อเสีย เพราะแต่ม้าย่อมมาคู่กับขี้ม้า!

IMG_2053

เราเดินกลับไปที่ Lancashire County Cricket Club อีกรอบ คราวนี้ไม่หลงทางเหมือนขามาแล้วเพราะเราเข้าจากด้านหน้า

IMG_2060

อาคารที่เราเข้าไปกินข้าวกันก็คืออาคารชื่อ The Point ที่เห็นอยู่ลิบๆ นั่นแหละครับ

IMG_2062

อาหารหลังแมทช์จะเป็นพวกเครื่องดื่มไวน์และแครกเกอร์กับชีสหน้าตาประมาณนี้ครับ

IMG_2069

IMG_2064

กลับถึงบ้าน หยิบของขวัญที่เบธานีเอามาให้ออกจากถุง ก็ได้เห็นของสิ่งนี้!

IMG_2107

IMG_2115

IMG_2108

IMG_2111

เสียดายที่ผมไม่ได้คลั่งไคล้นักเตะชุดนี้มากเท่าไรนัก ถ้าเป็นสมัยตอนได้สามแชมป์แล้วได้เสื้อที่มีลายเซ็นนักเตะทั้งทีมผมคงจะดิ้นตายไปเลย!

—–

สรุปบทเรียนจากการไปเยือนโอลด์แทรฟฟอร์ดในครั้งนี้

1. การทำในสิ่งทีเ่ราฝันมานานอาจไม่ได้ยากอย่างที่คิด ราคาตั๋วใบละ 18000 บาทอาจจะดูแพงมากก็จริง แต่ถามว่าอยู่ในวิสัยที่เราจะจ่ายได้มั้ย คำตอบก็คือจ่ายได้ เพราะประสบการณ์การไปดูบอลสดๆ ที่โอลด์แทรฟฟอร์ดมันไม่สามารถหาอะไรมาทดแทนได้ (อย่างที่บอกว่าไปดูบอลไทยหรือบอลที่ฝรั่งเศสก็ไม่ได้ความรู้สึกแบบนี้) เพราะฉะนั้นขอเชียร์ให้กล้าๆ หน่อย เงินหาเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ประสบการณ์บางอย่างมันสามารถทำได้ในแค่บางช่วงของชีวิตเท่านั้น

2. ถึงความฝันจะไม่มีวันหมดอายุ แต่ถ้าทำตอนที่มันสดใหม่ได้ก็ดี  สิ่งเดียวที่ผมเสียดายเกี่ยวกับการไปดูแมนยูคราวนี้ก็คือผมลงมือทำมันช้าเกินไป เพราะสองปีที่ผ่านมาผมดูแมนยูน้อยมาก ความผูกพันกับทีมปัจจุบันก็น้อยมาก ประสบการณ์ที่ได้มาจึงประมาณแค่ 7/10 ถ้าผมได้มาตอนที่เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันยังอยู่ ความฟินน่าจะ 10/10 หรือ 11/10 เลยทีเดียว

3. อย่าไปสาย ผมกับแฟนพลาด Stadium Tour ช่วงครึ่งชั่วโมงแรกไป ส่วนตอนเลี้ยงข้าว VIP ในวันแข่งผมก็มาสายกันชั่วโมงครึ่ง ทำให้เราเก็บรายละเอียดมาได้ไม่เต็มร้อย แนะนำให้เช็คเวลาให้ดีๆ แล้วก็เผื่อเวลาให้มากๆ ไว้นะครับ

จบบริบูรณ์

—–

อ่านตอนเก่าๆ ได้ที่ Archives

ติดตามผลงานได้ที่ Anontawong’s Musings on Facebook

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Twitter picture

You are commenting using your Twitter account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s