เป็นเวลานานหลายปีแล้วที่ผมไม่มี New Year’s Resolutions
เหตุผลหลักคงเป็นเพราะตั้งทีไรแล้วทำไม่ค่อยได้ บางอย่างแม้จะมีความตั้งใจเต็มเปี่ยม มีหลักการในการสร้าง habit ที่ดี แต่ก็มักจะมีปัจจัยที่คุมไม่ได้เข้ามาทำให้ต้องหยุดวิ่งตามเป้าหมายที่วางเอาไว้
หรือบางครั้ง เมื่อเราเจออะไรใหม่ๆ ได้มุมมองใหม่ๆ เป้าหมายที่เคยวางเอาไว้ก็ไม่ได้มีคุณค่าและความหมายมากเท่าเดิมอีกต่อไป
ดังนั้น แทนที่จะมีเป้าหมาย สิ่งที่ผมทำมาตลอด 4-5 ปีที่ผ่านมาคือการมีธีมประจำปี
ปี 2021: “Consistency” เพราะอยากทำอะไรให้เสมอต้นเสมอปลายกว่านี้ ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย อ่านหนังสือ หรือการภาวนา
ปี 2022: “Space” เนื่องจากปี 2021 เป็นปีที่เหนื่อยมากสำหรับชีวิตการทำงาน ตารางเต็มพรืดจนเป็นยาจกทางเวลา ปี 2022 เลยอยากจะมี “ที่ว่าง” ให้มากขึ้น ซึ่งผมเริ่มด้วยการสร้างทีมที่แข็งแรงกว่าเดิม เพื่อจะได้มอบหมายงานให้มาก ทำเองให้น้อยลง และมีการทำ time blocking เพื่อเรียกร้องเอกราชบางส่วนบน calendar ของตัวเองกลับคืนมา
ส่วนธีมปี 2023 สำหรับผมคือ Fix What’s Broken
ที่ผ่านมาผมปล่อยให้ปัญหาบางอย่างมันรบกวนใจและกายอยู่เรื่อยๆ เป็นปัญหาเล็กน้อยที่ไม่ได้ส่งผลเลวร้าย คล้ายกับเม็ดทรายในรองเท้าที่ไม่ได้สร้างอาการบาดเจ็บแต่ก็ทำให้การเดินหรือวิ่งไม่ราบรื่นเท่าที่ควร
ปีนี้เลยตั้งใจว่าอะไรที่มันพังๆ จะไล่แก้และไม่ดูดาย ยกตัวอย่างเช่น
- โต๊ะทำงานที่รกไปหน่อย (เล่าให้ฟังในบทความเมื่อวานนี้)
- อาการบาดเจ็บที่หัวเข่าขวาที่เรื้อรังมาเป็นสิบปี (เกิดตอนเตะฟุตบอล) ปรึกษาหมอแล้วบอกว่าน่าจะเป็นที่เอ็นไขว้หน้ายืด รวมถึงมี popliteus และ hamstring ที่อ่อนแอ ต้องทำ strength training ควบคู่ไปกับการรักษาด้วย shock wave
- แผนการสำหรับการเขียนบล็อกที่ชัดเจนกว่านี้ ที่ผ่านมาเป็นบล็อกเกอร์ที่ใช้ชีวิตแบบวันต่อวันมาก ระดับมานั่งที่โต๊ะแล้วยังไม่รู้เลยว่าจะเขียนเรื่องอะไร
- เอกสารข้างโต๊ะทำงานที่กองอยู่ รอคอยให้เราสะสาง
- ไฟในโรงจอดรถที่เสีย ประตูเลื่อนในครัวที่ฝืดๆ
- เล็บขบที่นิ้วโป้งขวา (แก้แล้วเมื่อวานนี้ด้วยการให้ภรรยาพาไป Nail Spa)
- กองดองที่เราควรวางแผนว่าจะเอาอย่างไรกับมัน การโละหนังสืออย่างเดียวไม่ใช่คำตอบ การอ่านหนังสือให้มากขึ้นไม่ใช่คำตอบ การซื้อหนังสือเข้าบ้านน้อยลงก็ไม่ใช่คำตอบ คำตอบน่าจะอยู่ตรงกลางระหว่างสามสิ่งนี้หรืออยู่ตรงการวางใจของเราต่อปัญหา/สถานการณ์ที่คนรักหนังสือทุกคนน่าจะเจอกัน
การมีธีมประจำปีช่วยให้เราใช้ชีวิตแบบมีทิศทางคล้ายกับการมีเป้าหมาย สิ่งที่แตกต่างคือธีมนั้นมีความ flexible กว่า และเรามีแนวโน้มที่จะอยู่กับมันนานได้นานกว่า
Fix What’s Broken คือธีมประจำปี 2023 ของผม
ธีมประจำปี 2023 ของคุณจะเป็นอะไร มาแชร์กันได้นะครับ