สมัยเรายังเด็ก เราอาจรู้สึกว่าพ่อแม่ของเราเขาเป็นผู้ใหญ่เหลือเกิน
ความเป็นผู้ใหญ่อาจนิยามได้ในหลายแง่มุม ทั้งเรื่องความรับผิดชอบ การแบกรับภาระ การดูแลคนในครอบครัว การทำงานหนัก ความเสียสละ
แต่ถ้าชีวิตใครเดินทางขึ้นเลขสี่เหมือนผม อายุพอๆ กับพ่อแม่สมัยที่เรายังเป็นเด็ก แม้ว่าความร่วงโรยของร่างกายจะเริ่มแวะเวียนมาทักทาย แต่ “ข้างใน” ของเราไม่ได้เป็นผู้ใหญ่เหมือนอย่างที่เราเคยจินตนาการไว้ มันยังมีความเป็นวัยรุ่นอยู่มากพอสมควร
ความเป็นวัยรุ่นอาจนิยามได้หลายแง่มุม ทั้งเรื่องความรักสนุก ความรักสบาย ความเห็นแก่ตัว ความวู่วาม ความตีโพยตีพาย ความอยากเอาชนะ
เวลามีปัญหาในที่ทำงานหรือในความสัมพันธ์ เจ้าวัยรุ่นคนนี้มักจะโผล่มาบ่อยๆ พาให้เราหัวร้อน พาให้เราทำอะไรโดยใช้อารมณ์ ทำลงไปทั้งที่รู้ว่าที่ถูกที่ควรมันไม่ใช่แบบนี้
วัยสามสิบปลายๆ และสี่สิบต้นๆ จึงเป็นช่วงของการต่อสู้กันระหว่าง “ผู้ใหญ่” และ “วัยรุ่น” ในตัวเรา เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อว่าเราจะเลือกสวมหัวใจแบบไหน การสวมหัวใจวัยรุ่นนั้นอาจจะสนุกกว่า แซ่บกว่าก็จริง แต่อาจไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้เรามีความสุขความสงบได้ในระยะยาว
สำหรับคนวัยนี้ เรามีเรื่องที่ต้องรับผิดชอบ มีคนที่เราต้องดูแล เราไม่ได้ใช้ชีวิตเพื่อตัวเราคนเดียวอีกต่อไป เกือบทุกอย่างที่เราตัดสินใจและทำลงไปจะมีผลกระทบกับคนที่พึ่งพาเรามากกว่าแต่ก่อน
เมื่อไหร่ก็ตามที่ปัญหามาเคาะประตู ถ้ารู้ตัวว่าสวมหัวใจวัยรุ่นแล้วจะยิ่งย่ำแย่ ก็ให้ย้ำเตือนตัวเองว่า “ทำตัวให้เป็นผู้ใหญ่หน่อย ไม่ใช่วัยรุ่นแล้วนะ”