ถึงวันหนึ่งเราจะชอบดื่มน้ำจืด

น้ำจืดนั้นไม่มีรสชาติ ไม่มีสีสันใดๆ แต่ดื่มแล้วดับกระหายได้ดีที่สุด

ส่วนน้ำหวานนั้น ดื่มอึกแรกอาจจะชื่นใจ แต่ถ้าดื่มต่อไปเราจะพบว่ามันดับกระหายได้ไม่ดีเท่าน้ำจืด แถมผลข้างเคียงยังมีมากมาย ทั้งฟันผุ ทั้งลงพุง ทั้งน้ำตาลในเลือดพุ่ง

ชีวิตวัยรุ่น ชีวิตวัยทำงาน ชีวิตคนเมือง ย่อมเสาะแสวงหาน้ำหวาน อะไรที่เขาว่าดีก็ตามไปดู ตามไปชม ตามไปลอง ไม่ต่างกับผีเสื้อที่กำลังตื่นตาตื่นใจกับเกสรดอกไม้ที่เบ่งบานเต็มทุ่ง

แต่เมื่อชีวิตเดินทางมาถึงจุดหนึ่ง เราจะเริ่มพบความจริงที่ว่า แม้น้ำหวานจะอร่อยสักเพียงใด แต่เราไม่สามารถดื่มมันตลอดไปได้

เมื่อเลี่ยนกับน้ำหวาน เราจะเริ่มมองหาน้ำจืด มองหาชีวิตที่เรียบง่ายไม่หวือหวา เผลอๆ ออกจะดูน่าเบื่อเสียด้วยซ้ำ

พี่ประภาส ชลศรานนท์ เคยเขียนเอาไว้ในทำนองที่ว่า เวลานิทานปรัมปราลงท้ายด้วยประโยค And they lived happily ever after มันกำลังสื่อว่าชีวิตต่อจากนั้นคือชีวิตที่ธรรมดา ไม่ได้โหดมันฮาเหมือนช่วงกลางของนิทาน เป็นชีวิตบ้านๆ ที่ไม่จำเป็นต้องมีตัวละครหรือบทแสดงอะไรมากมายอีกต่อไป

น้ำที่บริสุทธิ์นั้นจืดสนิทแต่ดับกระหายได้เสมอ

หากอยากมีชีวิตที่ happily ever after ลองหัดดื่มน้ำจืดให้เป็นนิสัยนะครับ


ขอบคุณประกายความคิดจากหนังสือ ดวงตาแห่งชีวิต โดยท่านเขมานันทะ