ไม่มีอะไรดีขึ้นหรือแย่ลงตามคำชมหรือคำด่า

“ทุกสิ่งที่งามนั้นงามโดยตัวมันเอง

คำชื่นชมหาได้เป็นส่วนหนึ่งของมัน

ดังนี้ จึงไม่มีอะไรดีขึ้นหรือแย่ลงตามคำชม

ข้าว่านี่ยังจริงแท้ต่อสิ่งที่เรานิยามว่างาม อาทิ วัตถุหรือชิ้นงานศิลปะ สิ่งเหล่านี้ยังต้องการอะไรอีกเล่า

ครรลอง สัจธรรม ความอาทร ความอ่อนน้อม แล้วสิ่งเหล่านี้ดีขึ้นเพราะคำชมหรือไม่ หรือเสื่อมลงเพราะคำติหรือไม่

ดูเอาเถิด มรกตด้อยค่าหากไร้คำชมด้วยหรือ แล้วทอง งาช้าง แพรพรรณ ดาบงาม ดอกไม้บาน และบรรดาพืชพันธุ์อีกเล่า”

-Marcus Aurelius
หนังสือ Meditations เมื่อจักรพรรดิพินิจชีวิต*

เพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคม เราจึงอดหวั่นไหวไม่ได้ไปกับคำพูดของคนอื่น

อะไรที่เราเฉยๆ แต่คนบอกว่าดี เราก็มักจะเออออไปด้วย

อะไรที่เราเฉยๆ แต่กำลังโดนคนอื่นถล่ม บางทีเราก็ผสมโรง

แม้กระทั่งเรื่องตัวเอง เรายังเผลอให้น้ำหนักกับคำพูดของคนแปลกหน้า

ถ้าเราโดนใครตำหนิ เราก็มักจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ หรือไม่ก็เสียเซลฟ์และและหมดไฟไปเลยก็มี

แต่โตมาขนาดนี้แล้ว เราควรจะมีวุฒิภาวะมากพอที่จะแยกแยะได้หรือเปล่าว่าคำไหนควรฟัง และคำไหนควรวางไว้ตรงนั้น

สิ่งที่เราทำและสิ่งที่เราเป็นมันไม่ได้ด้อยลงหรือดีงามขึ้นเพราะคำคน

โอเคแหละ มันอาจจะเป็น indicator บางอย่างเพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นว่าเรามาถูกทางได้

แต่อย่าให้คำพูดเหล่านั้นมาเป็นสรณะหรือสิ่งยึดเหนี่ยว

เพราะเมื่อเอาแต่เงี่ยหูฟังเสียงของคนอื่น เสียงเล็กๆ ในใจเราก็จะถูกกลบไปจนสิ้น

ถ้าเราทำสิ่งที่แย่ ต่อให้มีคนชื่นชม เราก็รู้อยู่แก่ใจ

ถ้าเราทำสิ่งที่ดี ต่อให้มีใครไม่เห็นด้วย เราก็รู้อยู่แก่ใจเช่นกัน

ไม่มีอะไรดีขึ้นหรือแย่ลงตามคำชมหรือคำด่าครับ


* สำนักพิมพ์ OMG Books สำนวนแปลไทยโดย ปกรณ์ เลิศเสถียรชัย ผมมีปรับเล็กน้อยหลังจากได้เทียบกับเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ (ซึ่งอาจมีหลายเวอร์ชั่น)