3 ไอเดียจากหนังสือ Future Mindset

เมื่อตอนต้นเดือน อาจารย์นภดล ร่มโพธิ์ เจ้าของเพจและพอดคาสท์ Nopadol’s Story ได้กรุณาส่งหนังสือ “เมื่อวิธีคิดที่คุณมีใช้กับงานในวันพรุ่งนี้ไม่ได้ (Future Mindset)” ของสำนักพิมพ์วีเลิร์นมาให้

ใช้เวลาอยู่นานกว่าจะได้เริ่มเปิดอ่าน แต่พอได้อ่านก็อ่านจบอย่างรวดเร็ว

วันนี้เลยขอมาแชร์สามไอเดียจากหนังสือเล่มนี้ครับ อาจจะมีบางส่วนที่ผมเสริมไอเดียและสำนวนของตัวเองลงไปด้วยนะครับ

1. P-I Matrix

P คือ Performance เราทำได้ดีรึเปล่า
I คือ Importance มันสำคัญรึเปล่า

เมื่อรวมกันจะออกมาเป็นสี่ combinations
หนึ่ง เราทำได้ดี และมันเป็นเรื่องสำคัญ
สอง เราทำได้ดี แต่มันไม่สำคัญ
สาม เราทำได้ไม่ดี และมันไม่สำคัญ
สี่ เราทำได้ไม่ดี และมันเป็นเรื่องสำคัญ

เราควรจะใช้เวลากับเรื่องแรกให้มาก เพราะเราทำได้ดีและมันเป็นเรื่องสำคัญ นี่คือ sweet spot ที่เราจะสามารถสร้างคุณค่าได้อย่างสูงสุด

และเราควรจะให้เวลากับข้อสี่รองลงมา เพราะมันเป็นเรื่องสำคัญที่เรายังไม่เก่งพอ เราจึงควรจัดการอย่างเร่งด่วน อาจจะเร่งพัฒนาตัวเอง อาจจะขอความช่วยเหลือ หรือมอบหมายให้คนอื่นทำก็ไม่เสียหาย

ส่วนวิธีการจัดการกับเรื่องที่เหลือ คือลดข้อสอง เพราะเรามีแนวโน้มที่จะทำมันเยอะเกินไปทั้งๆ ที่มันไม่สำคัญ ข้อสามไม่ต้องทำอะไรกับมัน ในเมื่อมันไม่สำคัญเราทำได้ไม่ดีก็ถูกแล้ว

2. คนที่ได้เกียรตินิยมไม่ใช่คนที่ได้ 100 เต็มวิชาเดียว แต่สอบตกวิชาที่เหลือ

เพราะความสมบูรณ์แบบไม่มีอยู่จริง เราจึงไม่จำเป็นและไม่ควรมุ่งไปที่ความสมบูรณ์แบบจนทำให้มิติอื่นๆ ในชีวิตพัง

ถ้าการงานและการเงินก้าวหน้ามาก แต่สุขภาพแย่ทั้งกายและใจ อย่างนี้อาจจะเรียกได้ว่าสอบตกในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง

ไม่ต้องมุ่งไปที่ 100 คะแนนหรอก ทำให้ได้ซัก 80-90 คะแนนในหลายๆ วิชาน่าจะเป็นทางที่ยั่งยืนและฉลาดกว่า

3. Yes No Yes และ Plan B

คนไทยไม่ค่อยกล้าปฏิเสธใคร แต่ถ้าอยากปฏิเสธคนให้เป็นเราควรใช้สูตร Yes No Yes

Yes แรกคือเราต้องรู้ก่อนว่าอะไรสำคัญในชีวิตเรา เมื่อเรา Yes กับสิ่งสำคัญในชีวิตเช่นเรื่องการมีเวลาให้ลูก เราก็จะมี “หลัก” ให้ยึดเมื่อต้องเจอสถานการณ์ที่ต้องตัดสินใจ

No คือการตอบปฏิเสธ เช่นเจ้านายขอให้เราทำงานด่วนและจะเอาคืนนี้ แต่เมื่อเรา Yes กับการมีเวลาให้ลูกแล้ว เราจึงมีเหตุผลที่แข็งแรงพอที่จะเซย์ No กับเจ้านายได้

Yes สุดท้ายคือการหาทางออกให้กับคนที่มาขอความช่วยเหลือ เช่นขอผัดผ่อนเวลา หรือแนะนำให้คนอื่นช่วยแทน

ซึ่งก็เป็นไปได้อีกว่าเขาอาจจะไม่รับทางเลือกที่เราเสนอให้ก็ได้ เราจึงต้อง Plan B เช่นบอกกับเจ้านายอย่างจริงจัง สุภาพ และด้วยความเคารพว่าถ้าเขายังยืนยันจะให้เราทำงานแบบนี้ไปเรื่อยๆ เราก็อาจต้องขออนุญาตลาออกแม้ว่ามันจะเป็นสิ่งที่เราไม่ได้อยากทำเลย สิ่งสำคัญคืออย่าให้เจ้านายตัดสินใจทันที เพราะจะเป็นการกดดันให้เขาพูดโดยใช้อารมณ์และแม้จะอยากเปลี่ยนใจภายหลังก็กลับคำไม่ทันแล้ว


ใครอ่าน 3 ไอเดียนี้แล้วคิดว่าเข้าท่า ลองไปหาหนังสือเล่มจริงมาอ่านดูได้นะครับ 😉