หนึ่งในวิธีการดูคนที่ง่ายที่สุด

20190221_readpeople

คือดูคอมของเค้า

ดูว่า desktop มีอะไรกองอยู่บ้าง

ดูวิธีการตั้งชื่อไฟล์

ดูวิธีการตั้งชื่อไฟล์แต่ละเวอร์ชั่น (xxx_final.docx, xxx_finalfinal.docx, xxx_finalfinal – Copy.docx)

ดูการตั้งชื่อแต่ละแท็บใน Excel

ดูความสม่ำเสมอในการใช้ฟอนท์

ดูคำสะกดผิด

ดูการจัดช่องไฟและการเคาะ tab

ดูว่าโลโก้และภาพต่างๆ ใน Powerpoint ได้สัดส่วนรึเปล่า

“How you do anything is how you do everything.”
-Anonymous

คนที่มีระเบียบ ความมีระเบียบก็จะแผ่ขจายครอบคลุมหลายภาคส่วนในชีวิต รวมถึงเนื้องานของเขาด้วย

ส่วนคนทำงานชุ่ย คนมีความคิดไม่เป็นระเบียบ ความไม่เป็นระเบียบนั้นก็จะซึมอยู่ในทุกงานที่เขาทำและทุกไฟล์ที่เขาสัมผัส

หนึ่งในวิธีการดูคนที่ง่ายที่สุด คือดูคอมของเค้า

แต่คงเป็นการเสียมารยาท ถ้าจะไปดูคอมของคนอื่น

อ่านมาถึงตรงนี้ คงรู้แล้วว่าผมไม่ได้เชียร์ให้ดูคอมของใคร

แต่ให้ดูคอมของตัวเองนี่แหละ

ว่าสิ่งละอันพันละน้อยในนั้นมันสะท้อนตัวตนของเราอย่างไร

เพราะถึงแม้เขาจะไม่ได้เปิดคอมเราดู แต่อย่างน้อยเขาต้องเคยเห็นไฟล์ที่เราทำไว้ไม่มากก็น้อย

ซึ่งนั่นเป็นตัวสร้าง – หรือตัวทำลาย – personal branding ของเราได้ดีที่สุดเลยนะครับ

—–

เปิดรับสมัคร Time Management รุ่นที่ 12 วันเสาร์ที่ 9 มีนาคมนี้ อ่านรายละเอียดได้ที่ bit.ly/tgimtimemar19 (เหลือ 13 ที่)

อย่าลืมสิ่งสำคัญ

20190220_important

เวลาทะเลาะกับแฟน เรามุ่งหวังแต่จะพิสูจน์ว่าตัวเองถูกหรือปกป้องว่าตัวเองไม่ผิด จนลืมไปว่าสิ่งสำคัญจริงๆ คือการรักษาความสัมพันธ์สำคัญนี้ไว้

เวลาฟังอะไรในที่ประชุมแล้วไม่เข้าใจ เรากลับนั่งเงียบไม่กล้าเอ่ยปากถามเพราะกลัวจะเสียหน้า จนลืมไปว่าเป้าหมายของการประชุมคือการทำให้ทุกคนเห็นภาพตรงกัน

เวลาไถเฟซแล้วสะดุดข่าวดราม่า เราลงไปร่วมผสมโรง ประณามคน(ที่เราคิดว่า)ผิด และถกเถียงกับอีกฝ่าย จนเราลืมไปว่าจริงๆ แล้วเราใช้เฟซบุ๊คเพื่ออะไร

ในจังหวะที่อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล เรามักจะหลงลืมสิ่งสำคัญและโดนอัตตาตัวตนเอาไปกินอยู่เสมอ

แล้วสิ่งที่ตามมาก็คือการขาดทุนทางเวลา อารมณ์ และความรู้สึกโดยใช่เหตุ

เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ที่อดรีนาลีนกำลังพลุ่งพล่าน ขอให้มีสติเหลือเพียงพอที่จะถามว่า “อะไรสำคัญจริงๆ สำหรับเรากันแน่?”

แล้วปัญหาในชีวิตน่าจะลดลงไปได้เยอะเลยทีเดียวครับ

—–

เปิดรับสมัคร Time Management รุ่นที่ 12 วันเสาร์ที่ 9 มีนาคมนี้ อ่านรายละเอียดได้ที่ bit.ly/tgimtimemar19 (เหลือ 15 ที่)

รีวิวหนังสือ Love Never Fails ไม่มีความรักครั้งไหนที่สูญเปล่า

20190219_loveneverfails

ต้องออกตัวก่อนว่าหนังสือเล่มนี้จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์อะไรเอ่ย ผู้พิมพ์หนังสือ “Thank God It’s Monday ขอบคุณโลกนี้ที่มีงานประจำ” ของผมเอง

“Love Never Fails ไม่มีความรักครั้งไหนที่สูญเปล่า” ของคุณสีตลา ชาญวิเศษ ถือเป็นผลงานเล่มที่ 3 ของสำนักพิมพ์นี้ ต่อจาก TGIM และ “Read to Lead อ่านอย่างผู้นำ” ของดร.ณัชร สยามวาลา

เดือนมกราคม พอเห็นในเพจ What Is It? Press ว่าหนังสือกำลังจะวางแผง ผมก็สั่งซื้อออนไลน์ทันที แถมยังแปะสลิปว่าโอนเงินแล้วเรียบร้อยใต้ช่องคอมเม้นท์ขายหนังสือเล่มนี้อีกต่างหาก

พี่ปิ๊ก เจ้าของสำนักพิมพ์ก็เลยมาคอมเมนท์ต่อว่า “อย่าลืมช่วยรีวิวด้วยนะ”

ก็เลยเป็นที่มาของบทความนี้

คุณสีตลา หรือคุณส้ม เป็นนักวางแผนกลยุทธ์โฆษณาอยู่ที่ The Matter สื่อออนไลน์น้ำดีที่ผมก็ติดตามอยู่เป็นประจำ แถมเธอยังเคยเป็นทีมงานแฟนเพจ Mission to the Moon ของคุณแท็บ รวิศ CEO ของศรีจันทร์อีกด้วย เมื่อบวกกับความเป็นเด็กอักษร จุฬา ก็เลยเชื่อมือได้เรื่องชั้นเชิงในการถ่ายทอดผ่านตัวหนังสือ

หนังสือเล่มนี้คือการรวบรวบบทความที่คุณส้มเคยเขียนเอาไว้ในคอลัมน์ Love Actually ของนิตยสาร a day BULLETIN

เมื่อหยิบหนังสือขึ้นมา สิ่งแรกที่สะดุดตาคือดีไซน์ปกที่เรียบง่าย พื้นน้ำเงิน อักษรขาวและใช้สีส้มสะกดคำว่า Love ข้างในพิมพ์สี่สีกระดาษอาร์ตมันทั้งเล่ม มีการดึงคำพูดเจ๋งๆ ขึ้นมาแซมเป็นระยะๆ กรีดหน้ากระดาษแล้วจะเจอคำพูดประมาณนี้

“ถ้าเจอคนที่ใช่ ทุกอย่างจะง่ายและไม่ต้องพยายาม”

“เรายอมรับความรักที่เราคิดว่าเราสมควรได้ – we accept the love that we think we deserve”

“ถ้าอะไรที่มันเป็นของคุณ มันก็จะเป็นของคุณ”

ด้วยความหนาประมาณ 270 หน้า จึงต้องใช้เวลาอ่านพอสมควร ถึงกระนั้นแฟนผมก็อ่านจบภายในบ่ายเดียว ส่วนผมใช้เวลาราวสองสัปดาห์

ช่วงครึ่งแรกของหนังสือ ผมอาจจะอ่านช้าไปหน่อย เพราะเรื่องราวมักจะเกี่ยวกับช่วงเริ่มชอบกัน วิธีการจีบ การตัดใจจากคนรักเก่า ฯลฯ ซึ่งสำหรับคนแต่งงานมีครอบครัวแล้วอย่างผมมันผ่านจุดนั้นมานานแล้วเลยไม่ค่อยอินเท่าไหร่

แต่พอมาบทหลังๆ ก็อ่านได้เร็วขึ้น โดยบทที่ผมชอบเป็นพิเศษก็เช่น

– รักให้แฮปปี้ แค่เปลี่ยนจาก “คาดหวัง” มาเป็น “หวัง”

– เรียนรู้จากการเป็น “แฟนคลับ” เพื่อการเป็น “แฟนที่ดี”

– ทัศนคติอะไรบ้าง? ถ้ามีแล้วชีวิตรักจะดีขึ้น

– ทะเลาะกับแฟนแบบไหนที่ไม่ทำให้เลิกกัน

– ชีวิตรักจะดีหรือไม่ดีขึ้นอยู่กับตอนเราเป็นโสด

ยกตัวอย่างเรื่องการทะเลาะ จากงานวิจัยพบว่า การทะเลาะด้วยอารมณ์โมโหไม่ได้เป็นอันตรายต่อความสัมพันธ์เท่ากับสิ่งที่ซ่อนอยู่ในการทะเลาะ เช่นการดูหมิ่นอีกฝ่าย การพยายามเอาชนะ การเมินเฉย และการไม่เคยยอมรับว่าตัวเองผิด

เมื่ออ่านจบ ผมก็เห็นสามสิ่งที่ทำให้หนังสือเล่มนี้แตกต่างจากหนังสือ how to ด้านความรักที่เคยเห็นในท้องตลาด

1. “มีวิชา” หลายบทความมีการอ้างอิงถึงงานวิจัยวิชาการ อาจเป็นเพราะจุดเริ่มต้นของหนังสือเล่มนี้และคอลัมน์ Love Actually คือการทำวิทยานิพนธ์ปริญญาโทเรื่อง “การจีบกันบนสื่อออนไลน์” ทำให้คุณส้มไม่ได้เขียนโดยใช้ความรู้สึกและประสบการณ์ของตัวเองเพียงอย่างเดียว แต่ยังอ้างอิงหนังสือและงานวิจัยด้านจิตวิทยาและสังคมวิทยาอย่างพองามอีกด้วย

2. “มีความถ่อมตน” คุณส้มไม่ได้วางตัวเองเป็นกูรูเรื่องความรัก ในหลายบทความเธอยังยอมรับด้วยซ้ำว่าเธอเป็นคนที่ทำผิดพลาดเอาไว้มากมาย บางทีก็ติดแฟนเกินไป บางทีก็ขี้งอนเกินไป การอ่าน Love Never Fails จึงไม่เหมือนโดนอาจารย์หรือรุ่นพี่มาแนะนำว่าต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ แต่เหมือนมีเพื่อนหัวอกเดียวกันมาสะกิดบอกเราว่า ถ้าทางนี้มันไม่เวิร์คก็ลองอีกทางนึงดูมั้ย

3. “มีความหวัง” ซึ่งไม่ใช่การหวังแบบลมๆ แล้งๆ แต่มีหวังเพราะว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นย่อมมีเหตุผลของมัน พระเจ้าจะไม่ให้บททดสอบอะไรที่เกินกว่าที่เราจะรับได้ และพรุ่งนี้ต้องดีกว่าวันนี้ตราบใดที่เรายังรู้จักรักตัวเองและไม่เอาความสุขและคุณค่าของตัวเราไปฝากไว้กับคนอื่น

ใครที่ยังไม่มีแฟนหรือยังไม่ได้แต่งงาน อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วน่าจะรับมือกับความสัมพันธ์ได้ดีขึ้น ถ้าทุกข์อยู่ก็จะทุกข์น้อยลง ถ้าดิ้นอยู่ก็จะดิ้นเบาลง

ส่วนใครที่แต่งงานมีครอบครัวแล้ว หนังสือ Love Never Failsฯ ก็จะช่วยให้เรากลับไปมองความสัมพันธ์ที่ผ่านๆ มาด้วยสายตาที่เข้าอกเข้าใจมากกว่าเดิม

ซึ่งบางทีมันอาจช่วยปลดล็อคเราจากอะไรบางอย่างในอดีต และทำให้เรามีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นทั้งในปัจจุบันและในอนาคตครับ

—–

เปิดรับสมัคร Time Management รุ่นที่ 12 วันเสาร์ที่ 9 มีนาคมนี้ อ่านรายละเอียดได้ที่ bit.ly/tgimtimemar19 (เหลือ 15 ที่)

บาปหนักที่สุดในโลก

20190219_sin

คือการไม่รู้ว่าตัวเองคิด

ประโยคนี้คือคำสอนของหลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ

เพราะเมื่อไม่รู้ว่าตัวเองคิด เราก็จะหลงอยู่ในความคิด กลายเป็นทาสของความคิด และปล่อยให้ความคิดพาเราห่างไกลจากความรู้เนื้อรู้ตัวในปัจจุบันไป

เมื่อขาดสติ อกุศลก็แทรกได้ง่าย โลภก็เพราะว่าขาดสติ โกรธก็เพราะว่าขาดสติ หลงก็เพราะว่าขาดสติ

ถ้าการไม่รู้ว่าตัวเองคิดคือบาปหนักที่สุดโลก

การรู้ว่าตัวเองคิดก็น่าจะเป็นบุญที่หนักที่สุดในโลกเช่นกัน

ตามคำสอนของหลวงพ่อเทียน การรู้ตัวมีตั้งแต่รู้อย่างหยาบๆ จนไปถึงการรู้อย่างละเอียด

รู้อย่างหยาบๆ ก็เช่นการรู้ถึงความเคลื่อนไหวของร่างกาย

ละเอียดขึ้นมาหน่อยคือรู้ตัวตอนที่กะพริบตา

และรู้ละเอียดสุดก็คือรู้ตัวว่ากำลังคิด

ถ้าอยากจะฝึกสติ ก็เริ่มจากฝึกรู้การเคลื่อนไหวของร่างกายก่อน เดินก็รู้ นั่งก็รู้ ยกช้อนเข้าปากก็รู้ เคาะแป้นคีย์บอร์ดตอนเขียนบล็อกก็รู้

เมื่อรู้เรื่องหยาบๆ จนคล่องแล้ว ก็จะเริ่มรู้เรื่องละเอียดๆ ขึ้นได้เอง

วันนี้วันพระ เป็นโอกาสอันดีที่จะหันกลับมาสนใจอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญกับชีวิต

และเมื่อไรก็ตามที่การเจริญสติจนกลายเป็นกิจวัตร ทุกวันก็จะกลายเป็นวันพระที่เราสามารถทำบุญใหญ่ได้โดยไม่ต้องรอวันเพ็ญครับ

—–

เปิดรับสมัคร Time Management รุ่นที่ 12 วันเสาร์ที่ 9 มีนาคมนี้ อ่านรายละเอียดได้ที่ bit.ly/tgimtimemar19 (เหลือ 15 ที่)

งานเยอะเหลือเกิน เวลาน้อยเหลือเกิน

20190218_somuchwork

วันนี้วันจันทร์ วันแรกของสัปดาห์ที่มีวันทำงานเพียงสี่วัน

ใจนึงก็แอบยินดีทีพรุ่งนี้ก็วันหยุดอีกแล้ว

แต่อีกใจนึงก็แอบกังวล เพราะงานเยอะเหลือเกิน แถมเวลาก็ไม่เคยมีมากพอ

แล้วเราจะรับมือกับมันอย่างไรได้บ้าง?

– ทำงานให้เร็วขึ้น – เริ่มให้เร็ว ทำให้เร็ว เสร็จให้เร็ว
– ทำอย่างมีโฟกัส ทำทีละอย่างจนเสร็จ ไม่แวะข้างทางบ่อยเกินไป
– ถ้าเป็นหัวหน้าหรือคนนำโปรเจค ก็มอบหมายงานบางชิ้นให้คนอื่น ไว้ใจคนอื่นให้มากขึ้น
– ถ้าไม่มีสิทธิ์มอบหมาย ก็ยังมีสิทธิ์ขอความช่วยเหลือ เลิกเขินอาย
– ถามตัวเองว่า มีวิธีอื่นที่จะทำงานชิ้นนี้รึเปล่า อย่าทำเพียงเพราะเราทำวิธีนี้มานาน
– ตัดงานบางอย่างทิ้ง

งานนั้นเป็นอนันต์อยู่แล้ว ต่อให้ทำเยอะแค่ไหนก็ไม่สามารถทำให้เราชนะอนันต์ได้

อย่างมาก เราก็ทำได้แค่ดีที่สุด

ดีที่สุดในนิยามของเรา

ดีที่สุดในนิยามของผมคืองานที่เมื่อทำเสร็จแล้ว จะมีประโยชน์ต่อองค์กรในวันนี้ พรุ่งนี้ เดือนหน้า หรือแม้กระทั่งปีหน้า

ส่วนงานอะไรที่มีประโยชน์ต่อองค์กรแค่ประเดี๋ยวประด๋าว หรืองานที่เรายังไม่เห็นเลยว่ามีประโยชน์ต่อองค์กรยังไง ก็เก็บเอาไว้ก่อน โยนมันทิ้งไป หรือเข้าไปคุยกับหัวหน้าเผื่อว่าความเข้าใจของเราคลาดเคลื่อน

คนที่จะประสบความสำเร็จ อาจไม่ใช่คนที่ทำได้มากที่สุด

แต่เป็นคนที่เลือกมาอย่างดีว่าจะทำอะไรบ้าง แล้วลงมือทำออกมาให้สุดฝีมือที่สุดครับ

—–

เปิดรับสมัคร Time Management รุ่นที่ 12 วันเสาร์ที่ 9 มีนาคมนี้ อ่านรายละเอียดได้ที่ bit.ly/tgimtimemar19