ด่วนด่า

20170403_judge.png

Q.เวลาที่เราพูดถึงเรื่องความดี บางทีมันขึ้นอยู่กับดีของใคร เอาอะไรมาวัด
A. อืม… ไม่นะ จริงๆ มันน่าจะต้องเป็นหลักเดียวกัน แต่คุณอ้างเหตุผลในการเปลี่ยนมันเท่านั้นเอง คุณเปลี่ยนให้เข้าข้างตัวเองแค่นั้นเอง มันหลักเดิม เหมือนยกตัวอย่างง่ายๆ การเขียนคอมเมนต์ด่าคน หรือเขียนคอมเมนต์นินทา ไม่มีส่วนไหนของโลกบอกว่าการทำแบบนี้ถูกต้อง คุณรวมตัวกันตั้งฉายาให้คนอื่นเป็นอย่างโน้นอย่างนี้ ผมคิดว่าไม่มีในสื่อมวลชนในสังคมไหนถือว่านี่คือสิ่งถูกต้อง แต่เรากลับอะลุ่มอล่วยกับอะไรแบบนี้

Q. ที่ผ่านมา เจอเหตุการณ์ไหนหรือไปโดนอะไรมากับตัวหรือเปล่า
A. เปล่าๆ ผมไม่ค่อยโดนอะไรแบบนี้หรอก แต่เอาเข้าจริงๆ ผมว่าผมเข้าใจเขานะ คือเมื่อก่อนอาจจะไม่พอใจ เพราะไม่ชอบคนจิตใจไม่ดี จิตสำนึกไม่ดี ผมไม่ชอบ แต่ตอนนี้ผมก็เริ่มเข้าใจเขา ความจริงแล้ว ถ้ามีคนทำอะไรผิดขึ้นมา เราก็ชอบไปรุมด่าเขาใช่ไหม นี่ไม่เกิด ประโยชน์นะ เพราะมันไม่ทำให้เขาดีขึ้น ด่าเฉยๆ ใครก็ด่าได้ แต่จะเป็นประโยชน์ถ้าหาทางแก้ปัญหาหรือทำให้อะไรๆ ดีขึ้นได้ แต่บอกว่าไอ้นี่คือคนเลวระยำตำบอนก็แค่ด่า ไม่เกิดประโยชน์

– ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์
a day BULLETIN issue 459 20 JANUARY 2017 
เรื่อง : วรัญญู อินทรกำแหง, มิ่งขวัญ รัตนคช,กมลวรรณ ส่งสมบูรณ์
ภาพ : วงศกร ยี่ดวง
สไตลิสต์ : Hotcake


อ่านคำตอบของซันนี่แล้วทำให้ผมนึกถึงข่าวข่าวหนึ่งที่เป็นประเด็นร้อนในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

ข่าวที่รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาถูกตำรวจญี่ปุ่นควบคุมตัวเพราะขโมยภาพวาดในโรงแรมไปสามภาพ

ถ้าให้ผมเดา ประเด็นข่าวอย่างนี้แหละที่นักข่าวชอบ เพราะมันมีองค์ประกอบแห่งความไวรัลอยู่

องค์ประกอบแรกคือตำแหน่งหน้าที่การงานซึ่งขัดแย้งกับการกระทำผิดสุดๆ

องค์ประกอบที่สองคือสถานที่เกิดเหตุ เพราะญี่ปุ่นเป็นประเทศที่คนไทยรู้จักและมีแบรนด์ที่ชัดเจนเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต

ผมเองไม่ได้ติดตามข่าวนี้อย่างใกล้ชิด แต่ก็รับรู้ความคืบหน้าเป็นระยะๆ ผ่านทาง social networks

จำได้ว่าวันถัดมาก็มีการส่งต่อข้อความทางไลน์ บอกว่าหนึ่งในภาพที่ท่านรองฯ (ซึ่งเป็นผู้ชาย) คนนั้นขโมยไปคือภาพผู้หญิงญี่ปุ่นทรงโตโชว์ร่องอก

จากนั้นผมก็เห็นข่าวในเฟซบุ๊คฟีดว่า ทางการไทยจะเจรจากับญี่ปุ่นให้ส่งตัวกลับมาโดยไม่ต้องขึ้นศาลญี่ปุ่น

จากนั้นก็เห็นในฟีดอีกว่า ข้าราชการคนนี้โดนแค่ภาคทัณฑ์ ตัดเงินเดือน ไม่ได้โดนลงโทษทางวินัยแต่อย่างใด

ประเด็นเหล่านี้ล้วนเชิญชวนให้แชร์ต่อและก่นด่าความเป็นอภสิทธิ์ชนของผู้ใหญ่ในเมืองไทย


วันก่อนผมนั่งฟังพ็อดคาสท์ The Tim Ferriss Show  มีแขกคนหนึ่งทิ้งไว้น่าสนใจ

เขาบอกว่า เวลาคนเห็นข่าวอะไรแล้วโกรธหรือไม่เข้าใจ เขามักจะบ่นหรือพูดกับตัวเองว่า That doesn’t make any sense – มันไม่เมคเซ้นส์เลยซักนิด

แต่เขาก็บอกอีกว่า จริงๆ แล้วทุกอย่างนั้นเมคเซ้นส์เสมอ Everything always makes sense

ถ้าเราคิดว่ามันไม่เมคเซ้นส์ นั่นเป็นเพราะว่าเรายังมีข้อมูลไม่ครบถ้วนต่างหาก

เป็นถึงรองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญามาโขมยภาพเสียเองได้ยังไง

เมื่อทำผิดขนาดนี้ ทำไมไม่ปล่อยให้ญี่ปุ่นสั่งฟ้อง ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือทำไม

คดีความเสียหายต่อชื่อเสียงประเทศขนาดนี้ จะลงโทษแค่ภาคทัณฑ์และตัดเงินเดือนแค่นั้นเองเหรอ?

ไม่เมคเซ้นส์เลยซักนิด (จึงขอแชร์ขอบ่นหน่อยเถอะ)

แต่ถ้าเราลองตั้งสมมติฐานว่าทุกอย่างเมคเซ้นส์ล่ะ?

ผมเลยลองกลับไปนั่งย้อนอ่านข่าวดู จึงได้พบข้อมูลเพิ่มเติมดังนี้

1. รองอธิบดีฯ ได้ออกจดหมายขอโทษและชี้แจงถึงเหตุการณ์

เมื่อเสร็จภารกิจในการเดินทางไปราชการที่ประเทศญี่ปุ่น กระผมได้มีโอกาสสังสรรค์กับเพื่อนชาวญี่ปุ่น ที่เป็นเพื่อนสมัยที่ผมไปศึกษาที่ญี่ปุ่น ได้สนุกสนานกันเต็มที่ จนเผลอตัวดื่มสุรามากเกินไป เป็นเหตุให้เมามายจนขาดสติโดยไม่รู้ตัว และกระทำในสิ่งที่ไม่ควรกระทำ…เมื่อมีเหตุที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียดังกล่าว กระผมย่อมต้องแสดงความรับผิดชอบต่อการกระทำของตนตามแนวทางความคิดปกติในสังคมญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศที่กระผมได้เติบโตเล่าเรียนมาว่าการลาออกจากตำแหน่งหน้าที่เป็นการแสดงความรับผิดชอบที่พึงปฏิบัติ ดังนั้น กระผมขอแสดงเจตจำนงผ่านคำแถลงนี้ว่าจะขอลาออกจากตำแหน่งราชการ โดยจะยื่นใบลาออกให้ถูกต้องเป็นทางการต่อไป

ผมจึงเชื่อว่าที่เขาทำไปเพราะเมาเหล้าและคึกคะนอง ไม่ใช่ทำเพราะมีนิสัยขี้ขโมย เนื่องจากจุดที่ภาพโดนขโมยนั้นอยู่ในพื้นที่ส่วนกลางที่มีกล้องวงจรปิด แถมภาพก็ไม่ได้มีมูลค่าอะไรมากมาย ถ้ามีสติสัมปชัญญะครบถ้วนคงไม่มีใครเอาตัวเองมาเสี่ยง

ส่วนข่าวภาพวาดผู้หญิงโชว์ร่องอกที่ถูกอ้างว่าโดนขโมยนั้นเป็นการให้ข่าวที่ผิดพลาด เพราะภาพวาดที่ถูกขโมยจริงๆ นั้นเป็นเพียงภาพวิว

2. เรื่องที่ว่าทางการญี่ปุ่นไม่ส่งขึ้นศาลเพราะทางการไทยเข้าไปแทรกแซงช่วยเหลือ เขาก็มีคำอธิบายชัดเจนว่าญี่ปุ่นมีกฎหมายชะลอการฟ้อง หากอัยการพิจารณาแล้วเห็นว่าการฟ้องคดีต่อศาลไม่มีความจำเป็น อัยการมีอำนาจสั่งไม่ฟ้องคดีได้ ซึ่งสอดคล้องกับทฤษฎีอาชญาวิทยาสมัยใหม่ ที่ไม่ต้องการลงโทษผู้กระทำความผิดทุกคน แต่ต้องการให้โอกาสผู้กระทำความผิดที่ไม่ใช่ผู้กระทำผิดโดยสันดานได้ปรับปรุงแก้ไขความประพฤติของตนเพื่อกลับคืนเข้าสู่สังคม โดยไม่ต้องถูกสังคมตีตราว่าเป็นนักโทษที่ต้องคำพิพากษาให้จำคุกในเรือนจำมาก่อน

3. ส่วนข่าวที่ระบุว่าทางการไทยจะลงโทษแค่ภาคทัณฑ์และตัดเงินเดือนนั้นก็เป็นข่าวที่ไม่มีมูลความจริง เพราะปลัดพาณิชย์ก็ออกมาแถลงว่ากำลังสอบสวนอยู่ มีโทษอยู่แค่ 2 โทษ คือ ปลดออก กับ ไล่ออก


ดูเหมือนว่าจะมีหลายประเด็นที่เกิดขึ้นเพราะความบกพร่องของสื่อเอง

แต่ก่อนที่เราจะไปต่อว่าสื่อว่าไม่มีจรรยาบรรณ ก็ต้องพยายามเข้าใจเขาก่อนเช่นกัน

เมื่อคนทำข่าวเองก็มีความกดดันให้สร้างเนื้อหาที่โดนและมีคนอ่านเยอะๆ จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องการโหนกระแสและโหมกระแส เพื่อให้มีคนเข้ามาอ่านเว็บของตัวเองมากๆ เรื่องคุณภาพและความถูกต้องจึงมักจะตามมาทีหลัง

และจริงๆ แล้ว เราทุกคนที่เสพข่าวและส่งข่าวผ่านเฟซและไลน์ ก็ทำหน้าที่ “สื่อ” เหมือนกันไม่ใช่เหรอ?

ถ้าจะมีการส่งต่อข้อมูลผิดๆ เราเองในฐานะคนกดไลค์กดแชร์ก็มีส่วนร่วมในกระบวนการนี้เหมือนกัน

แล้วผมเองมีข้อเสนอแนะอย่างไรบ้าง?

1.ไม่ต้องรีบด่าได้ไหม?
อย่างที่ซันนี่บอก เรื่องด่าใครก็ทำได้ ยิ่งกระแสดราม่าแรงๆ เรายิ่งคันไม้คันมือที่จะขอเป็นผู้พิพากษาสมทบ แต่ยิ่งกระแสแรงเท่าไหร่ เราเองก็ยิ่งมีสิทธิ์ที่จะตกเป็น “เหยื่อ” และเป็น “ผู้ร่วมกระทำผิด” ในการส่งต่อข้อมูลที่คลาดเคลื่อนมากเท่านั้น

บางคนอาจจะแย้งว่า เราไม่มีเวลาว่างมากพอที่จะมานั่งอ่านข้อมูลทั้งหมดซักหน่อย จะให้นั่งเฉยๆ ไม่ทำอะไรเมื่อเห็นเรื่องไม่ถูกต้องเหรอ?

ผมเลยมีอีกข้อเสนอนึง

2.ไม้ล้มข้ามได้ คนล้มอย่าข้าม
โดย “ไม้” ในที่นี้คือองค์กร เป็นเพียงสิ่งสมมติที่สังคมสร้างขึ้นมา เพราะฉะนั้นคุณจะด่าจะว่าอย่างไรมันก็ไม่เจ็บ ดังนั้นถ้าอยากด่ารัฐบาลก็ด่าไปเถอะ อยากด่าบริษัทหน้าเลือดก็ด่าไปเถอะ เพราะมันเป็นสิ่งหนึ่งที่เขาต้องรับสภาพอยู่แล้ว

แต่ถ้าจำเลยสังคมเป็นคนๆ หนึ่ง ที่มีเลือดมีเนื้อ มีลูกมีเมีย มีพ่อมีแม่ ผมคิดว่าการไปรุมกระทืบเขาให้จมดินเป็นเรื่องที่ใจร้ายไปหน่อย

ผมคงจะรู้สึกผิดไม่น้อยถ้าผมเป็นคนหนึ่งที่ไปรุมกระทืบเขา แล้วมารู้ตัวทีหลังว่าเราเข้าใจข้อมูลคลาดเคลื่อนหรือข้อมูลด้านเดียว จะไปขอโทษก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมา เพราะเราได้มีส่วนร่วมทำลายชีวิตคนๆ หนึ่งด้วยอคติและการด่วนตัดสินของเราไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ข้อเสนอของผมก็มีเพียงเท่านี้ คืออย่าเพิ่งด่วนตัดสิน และถ้าจะตัดสินจริงๆ ก็ขอให้นึกถึงผลกระทบที่จะตามมากับเขาและครอบครัวของเขาด้วยครับ

ผมเชื่อว่าวันนึง ถ้าเราต้องตกเป็นจำเลยสังคมเสียเอง เราก็คงมีความปรารถนานี้เหมือนกัน


ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก a day BULLETIN issue 459 20 JANUARY 2017 

ตอนใหม่ facebook.com/anontawongblog
ตอนเก่า anontawong.com/archives
ดาวน์โหลด eBook – เกิดใหม่

One thought on “ด่วนด่า

  1. อ่านแล้วประเทืองปัญญามากค่ะ…ช้าลงหน่อย ค่อยมองหลายๆมุม คิดถึงและเข้าใจในสถานการณ์ของคนอื่น

    Like

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s