เรารู้กันมานานแล้วว่า การออกกำลังกายนั้นดีต่อร่างกาย หัวใจ แล้วก็สมอง
คนที่ออกกำลังกายจะรู้สึกว่าหัวสมองปลอดโปร่ง ทั้งนี้ก็เพราะว่าเมื่อหัวใจทำงานหนักขึ้น เลือดก็สูบฉีดไหลเวียนไปทั่วร่างกายมากขึ้น ซึ่งนั่นก็รวมถึงหัวสมองด้วย
เมื่อเร็วๆ นี้วารสารวิชาการ Frontiers ได้ตีพิมพ์งานวิจัยเกี่ยวกับการทดลองกับผู้ช่ำชองด้านการการออกกำลังกาย (master athletes)
นักวิจัยได้ทำการสแกนสมองเพื่อดูการไหลเวียนของเลือด (cerebral blood flow (rCBF)) ของกลุ่มตัวอย่างซึ่งมีอายุระหว่าง 50-80* ปี และออกกำลังกายอย่างจริงจังมาอย่างน้อย 15 ปีแล้ว
จากนั้นก็ให้กลุ่มตัวอย่างหยุดออกกำลังกายเป็นเวลา 10 วัน แล้วจับคนกลุ่มนี้มาสแกนสมองอีกครั้งหนึ่ง
สิ่งที่นักวิจัยค้นพบก็คือ เลือดไปหล่อเลี้ยงสมองส่วนต่างๆ น้อยลงอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะส่วนของฮิปโปแคมปัส Hippocampus ซึ่งมีส่วนสำคัญเรื่องความจำ การเรียนรู้ และการจัดเก็บข้อมูล
นี่ขนาดไม่ออกกำลังกายแค่ 10 วัน เลือดยังไปหล่อเลี้ยงสมองน้อยลงขนาดนี้ คิดดูว่าสมองของคนที่ไม่ได้ออกกำลังกายนานกว่านั้นจะเป็นอย่างไร
แม้กว่ากลุ่มตัวอย่างไม่ได้แสดงอาการว่าการทำงานของสมองด้อยลง (cessation of exercise did not diminish cognitive function) แต่การทดลองนี้ก็เป็นช่วงเวลาแค่สั้นๆ ถ้าให้หยุดออกกำลังกายนานกว่านั้นเช่นหลายๆ เดือนหรือหลายๆ ปี ก็มีความเป็นไปได้ว่าสมองจะได้รับผลกระทบในทางลบ
วันนี้ผมคงต้องไปวิ่งจ๊อกกิ้งซะหน่อยละ
ขอบคุณเรื่องและภาพประกอบจาก Big Think: What Happens to Your Brain When You Stop Exercising?
* ผมเดาว่าที่ใช้คนอายุเยอะขนาดนี้เพราะว่านิตยสาร Frontiers นั้นเน้นศึกษาเรื่องสมองของคนสูงอายุครับ
ขอบคุณภาพจาก Unsplash.com
Pingback: ประโยชน์ของการวิ่งที่คนยุคใหม่ไม่ควรมองข้าม – The Running Blog