กฎสิบเต็มสิบ

20160503_10

บทความของผมส่วนใหญ่จะเอาเนื้อหามาจากสิ่งที่อ่านมาจากหนังสือหรือฟังใครเล่ามาอีกที

นานๆ ครั้งถึงจะคิดอะไรขึ้นมาได้เอง

วันนี้เป็นวันดี เพราะผมจะขอเขียนถึงเทคนิคที่คิดขึ้นได้เองครับ!

เป็นเทคนิคที่จู่ๆ ก็แล่นเข้ามาในหัวเมื่อวันอังคารที่แล้ว ได้ทดลองใช้แล้วก็รู้สึกว่ามันเวิร์คดีแฮะ

ผมขอเรียกมันว่ากฎสิบเต็มสิบแล้วกัน

—–

[Classic Post]: กฎสิบเต็มสิบ

เชื่อว่าในชีวิตนักเรียนของเรา น่าจะเคยได้คะแนนสิบเต็มสิบกันมาบ้าง

อาจจะเป็นการบ้านวิชาเลข หรือภาพวาดศิลปะ หรืองานเย็บปักถักร้อย

การได้สิบเต็มสิบมันเป็นความรู้สึกที่ดีมาก เพราะนานๆ จะได้ทีนึง และมันช่วยสร้างความเชื่อมั่นว่า ถ้าเราทำอะไรบางอย่างอย่างตั้งใจ เราก็สามารถสร้างผลลัพธ์ที่เยี่ยมยอดได้

หลักการของกฎสิบเต็มสิบนั้นง่ายมากครับ คือก่อนที่เราจะทำ (หรือไม่ทำ) อะไรก็แล้วแต่ ลองถามตัวเองว่า เราให้คะแนนตัวเองเท่าไหร่กับสิ่งที่เราทำอยู่ตอนนี้

และถ้ามันยังไม่ใช่คะแนนสิบเต็มสิบ เราจะทำอะไรให้แตกต่างออกไปเพื่อให้ได้คะแนนมากกว่านี้มั้ย?

ยกตัวอย่างเช่นมีคนขับรถตัดหน้าเรา สิ่งที่เรามักจะทำเพื่อเป็นการตอบโต้คืออะไร?

– บ่นให้แฟนฟัง
– บีบแตรใส่
– ปาดหน้าคืน

คราวนี้คุณผู้อ่านก็ลองให้คะแนนดูว่า การกระทำแต่ละข้อข้างบน ได้กี่คะแนนกันบ้าง?

สำหรับผม

บ่นให้แฟนฟัง – 6/10
บีบแตรใส่ – 4/10
ปาดหน้าคืน – 0/10

แล้วทำยังไงถึงจะได้สิบเต็มสิบ?

ดูใจเราที่โกรธ คิดเสียว่าเขาคงรีบ และขับรถต่อไปอย่างระมัดระวัง – 10/10

เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้น ขอยกตัวอย่างการประยุกต์ใช้กฎสิบเต็มสิบในช่วงเจ็ดวันที่ผ่านมาของผมแล้วกันนะครับ

ตัวอย่างที่ 1 – เจอคนที่เราเคยมีปัญหาด้วย

ที่ออฟฟิศมีพี่คนหนึ่งที่เคยมีเรื่องให้ผิดใจกันตั้งแต่สองปีที่แล้ว จนเดี๋ยวนี้เวลาเจอหน้าก็จะไม่คุยกันหรือถ้าเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ก็จะคุยให้น้อยที่สุด

เมื่อวันพฤหัสฯ ที่แล้วผมมีธุระ จึงไปกินข้าวคนเดียวที่ร้านก๋วยเตี๋ยวรถเข็นที่มีโต๊ะอยู่แค่สี่โต๊ะ ตอนไปถึงมีโต๊ะว่างเหลืออยู่โต๊ะนึงพอดี ผมสั่งอาหารเสร็จแล้วหันไปจึงเห็นพี่คนนั้นกำลังนั่งกินก๋วยเตี๋ยวอยู่โต๊ะถัดไป

ความคิดแรกของผมก็คือ นั่งหันหลังให้พี่เขาแล้วก็กินก๋วยเตี๋ยวของเราไป

แล้วกฎสิบเต็มสิบก็ทำงาน ผมบอกว่าถ้าทำอย่างนี้ผมคงให้คะแนนตัวเองแค่ 5/10

ผมก็เลยเปลี่ยนไปนั่งโต๊ะเดียวกับเขาแทน และเราก็ได้คุยกันนานกว่าทุกครั้งในรอบสองปีที่ผ่านมา

กฎสิบเต็มสิบทำให้เราได้กลับมาคุยกันอีกครั้ง

ตัวอย่างที่ 2 – เข้าคิวจ่ายเงินที่โลตัส

เมื่อวานนี้ผมไปช้อปปิ้งที่โลตัสกับแฟน ซื้อของมาเกือบเต็มรถเข็น พอเดินมาที่ตรงช่องจ่ายเงินก็สังเกตเห็นว่ามีน้องผู้หญิงอีกคนหนึ่งถือของหนึ่งชิ้น กำลังเดินสวนมา ท่าทางกำลังจะจ่ายเงินเหมือนกัน

ผมรู้ตัวว่าเดินเร็วขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้เอารถเข็นเข้าจอดคิวถัดไป (คิวก่อนหน้านี้กำลังจะเสร็จพอดี) น้องผู้หญิงคนนั้นก็มายืนต่อท้ายผม

แล้วผมก็ถามตัวเองว่า การที่เราเดินเร็วขึ้นเล็กน้อยเพื่อมาให้ถึงก่อนน้องคนนั้น จะให้คะแนนตัวเองเท่าไหร่

ผมให้คะแนนตัวเอง 7/10 เพราะเราก็มาถึงก่อนจริงๆ ก็ไม่ผิดอะไรที่เขาจะต่อคิวเรา

แต่ทำยังไงถึงจะได้ 10/10?

ผมหันไปบอกน้องเค้าว่า เชิญน้องก่อนเลยครับ มีของชิ้นเดียวเอง

น้องเขามองหน้าผมแบบงงๆ ปนดีใจ แล้วพูดว่าขอบคุณค่ะ จ่ายเงินเสร็จแล้วก็หันมาพูดว่าขอบคุณนะคะอีกรอบ

กฎสิบเต็มสิบทำให้ผมได้รับคำขอบคุณถึงสองครั้ง

ตัวอย่างที่ 3 – ซื้อขนมฝากแฟน

ที่ออฟฟิศผมมักจะไปทานข้าวเที่ยงที่ร้านป้าหยวก

นอกจากข้าวแกงและตามสั่งแล้ว ร้านป้าหยวกยังทำขนมหวานอร่อยมาก แต่ละวันจะทำแค่อย่างสองอย่าง

วันนี้ป้าหยวกทำข้าวเหนียวลำไยกับกล้วยบวชชีมา ทั้งสองเมนูนี้นานๆ ถึงจะทำครั้ง

ผมสองจิตสองใจ เพราะวันนี้จะกลับบ้านค่ำ ซื้อกลับไปอาจไม่ทันได้กิน และถ้าซื้อก็ไม่แน่ใจว่าเธอจะอยากกินเมนูไหนมากกว่ากัน

ผมมีอยู่สี่ทางเลือก

– ไม่ซื้อ เอาไว้ซื้อวันหลัง
– ซื้อแต่กล้วยบวชชีไป เพราะรู้ว่าเธอชอบกินแน่ๆ
– ซื้อแต่ข้าวเหนียวลำไย เพราะหากินยากกว่ากล้วยบวชชี
– ซื้อไปทั้งสองอย่าง

ซึ่งแต่ละทางก็มีข้อดีข้อเสียไม่เหมือนกัน

แล้วผมก็ถามอีกว่า ถ้าอยากได้ 10/10 ควรจะทำยังไง?

ถามตัวเองเสร็จก็ยกหูโทรหาแฟน บอกว่าวันนี้มีกล้วยบวชชีที่เธอชอบ และมีข้าวเหนียวลำไยด้วยนะ แฟนบอกว่าเอากล้วยบวชชี เพราะกินข้าวเหนียวลำไยไม่เป็น

ผมก็เลยซื้อแต่กล้วยบวชชีไป โดยแฟนก็รู้ตัวว่าวันนี้อาจได้กินค่ำหน่อย

สิบเต็มสิบอีกหนึ่งเรื่อง

หลังจากสังเกตตัวเองมาหนึ่งสัปดาห์ ผมรู้สึกว่าการใช้ชีวิตแบบสิบเต็มสิบ สร้างรอยยิ้มให้คนอื่นได้มากขึ้น ทะเลาะกับคนใกล้ตัวน้อยลง และรู้สึกดีกับตัวเองวันละหลายหน

เราใช้กฎสิบเต็มสิบไม่ใช่เพื่อจะทำตัวเป็นเพอร์เฟ็คชั่นนิสต์นะครับ

เพราะเราให้คะแนนที่การกระทำและสภาพจิตใจของเรา ไม่ได้ให้คะแนนที่ผลลัพธ์

ความเจ๋งของกฎสิบเต็มสิบก็คือ เราเป็นคนนิยามเองว่า อะไรคือเต็มสิบสำหรับเรา

ดังนั้นการจะทำคะแนน 10/10 จึงเป็นเรื่องที่อยู่ในวิสัยที่เราจะทำได้อยู่แล้ว เพียงแต่ต้องออกแรงเพิ่มขึ้นอีกนิด เสียสละมากขึ้นอีกหน่อย

อีกหนึ่งความเจ๋งหนึ่งคือกฎนี้ใช้ได้กับทุกๆ สถานการณ์ในชีวิตไม่ว่าจะเป็นเป็นที่บ้านหรือที่ทำงาน

ความท้าทายของการใช้กฎนี้ คือต้องอาศัยความรู้เนื้อรู้ตัวระดับหนึ่ง แต่ก็เชื่อว่าเป็นเรื่องที่ฝึกกันได้ไม่ยาก

ลองเอาไปปรับใช้ดูนะครับ


อ่านตอนเก่าๆ ได้ที่ https://anontawong.com/archives/

อ่านตอนใหม่ๆ ได้ทุกวันที่ Facebook Page Anontawong’s Musings (ที่ปุ่มไลค์จะมี drop down menu ให้เลือกได้ว่าอยากจะให้มี notifications หรืออยากเห็นโพสต์จากเพจนี้อยู่ต้นๆ ฟีดรึเปล่าครับ)

ดาวน์โหลดอีบุ๊ค “เกิดใหม่

4 thoughts on “กฎสิบเต็มสิบ

  1. Pingback: รางวัลที่ดีที่สุด | Anontawong's Musings

  2. Pingback: บ่นแล้วไม่ทำอะไรคือไทยแท้ | Anontawong's Musings

  3. ชอบๆ อันนี้ชอบ ใช้ด้วยตัวเองไปหลายรอบ โดยที่ไม่รู้ตัว จนได้มาอ่านนี่แหละ
    แต่เรื่องซื้อขนม ถ้าเป็น เรา ซื้อไป 2 ห่อ แล้วไปนั่งกินด้วยกัน 5555+ (เพราะ ชอบทั้งคู่)

    Liked by 1 person

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s