สุขง่ายๆ

20160408_EasilyHappy

[ถาม] พอถึงจุดหนึ่งที่อยู่กับตัวเองมากๆ คิดว่าความสุขที่แท้จริงของมนุษย์คืออะไร

[ตอบ] มันอยู่ที่เรามอง สำหรับเรา เรารู้สึกว่าความสุขในทุกวันนี้หาได้ไม่ยาก เหมือนอย่างที่เคยเล่าออกไปว่า ในวันที่เรานอนอยู่เฉยๆ ไปไหนไม่ได้ ทำอะไรก็ไม่ได้ แล้วพอวันหนึ่ง แค่เราได้เดินออกไปสูดอากาศหน้าบ้านในช่วงอากาศหนาวๆ โอ้โฮ มันมีความสุขมากเลย นี่คือต้นไม้สีเขียว นี่คือเสียงมอเตอร์ไซค์วิ่งผ่าน มันเหมือนกับมีความสุขง่ายขึ้นมาก จำได้ว่าวันที่ให้ยาครั้งสุดท้ายเสร็จ พออาการดีขึ้น เราก็ขับรถออกไปนอกบ้าน ยังไม่มีจุดหมายเลยว่าจะไปไหน บอกแม่แค่ว่า พิมออกไปข้างนอกนะ แม่ก็หัวเราะแล้วบอกว่า ไปเลย ไปไหนก็ไป จังหวะเดียวกับที่เพื่อนโทร.มาหาพอดี คนหนึ่งอยู่หลังสวน คนหนึ่งอยู่อีกที่ แต่เชื่อไหมเราขับไปหมดทุกที่ที่ไปได้เลย จากที่ปกติขี้เกียจขับรถมากเพราะรู้อยู่แล้วว่ากรุงเทพฯ รถติด ตอนนั้นคืออยากติดก็ติดไปเลย เราไม่เป็นไร รถติดก็นั่งฟังเพลงไปพลางๆ แค่นี้ก็มีความสุข ถ้าเป็นแต่ก่อนนะ รถติด โมโหก่อนเลย แต่เดี๋ยวนี้นั่งรถนานๆ ก็ดีนะ เพลงนี้ก็ไม่ได้ฟังนานแล้วนะ มันเลยเกิดเป็นความคิดประหลาดๆ ขึ้นมา เขาถึงบอกว่า คนเราถ้าไม่เคยเจอความทุกข์ ก็จะไม่รู้ว่าความสุขนั้นเป็นอย่างไร”

– พิมมาดา บริรักษ์ศุภกร
a day BULLETIN Issue 402 4-10 เมษายน 2559
สัมภาษณ์ : วิไลรัตน์ เอมเอี่ยม, วสิตา กิจปรีชา, พิมพ์อร นทกุล
ถ่ายภาพ : ภาสกร ธวัชธาตรี

 

สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ถ้ามาถามผมว่าชอบนักร้องผู้หญิงคนไหน พิมพ์ ซาซ่าน่าจะเป็นคนแรกๆ ที่ผมนึกถึง

เจ เพื่อนผู้หญิงที่เรียนด้วยกัน รู้ว่าผมปลื้มพิมพ์มาก วันหนึ่งพอบริษัทที่บ้านของเธอจัดงานคอนเสิร์ตและเชิญวงซาซ่ามา เลยชวนผมให้ไปดูคอนเสิร์ตนี้ และให้ผมเข้าไปขอลายเซ็นถึงหลังเวที

จำได้ว่าผมเขินมากจนต้องให้เจเป็นคนกรุยทางเข้าไปคุยให้ ผมเองได้คุยกับวงซาซ่าแค่ไม่กี่ประโยค แต่สุดท้ายก็ได้ลายเซ็นมาทั้งสามคน (จริงๆ ผมอยากได้ของพิมพ์คนเดียวนะ แต่น้องน้ำหวานกับน้องแก้วเขาจะเซ็นให้ด้วย ถ้าบอกว่าไม่ให้เซ็นก็อาจดูเสียมารยาทเกินไป!)

พอทำงานแล้ว วงซาซ่าก็เริ่มเงียบๆ ไป ระดับความปลื้มของผมจึงลดลงบ้าง แต่พอรู้ว่าเล็ก เพื่อนที่อยู่ทีมเดียวกัน เป็นเพื่อนสนิทของพิมพ์สมัยเรียนมัธยม ผมก็จะคอยถามไถ่เล็กเสมอว่าเจอพิมพ์บ้างมั้ย จะมาที่ตึกเราบ้างมั้ย ฯลฯ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เคยได้เจอตัวจริงซักที

มารู้ข่าวของพิมพ์อีกทีก็คือตอนที่เธอออกมาประกาศว่าเป็นมะเร็งรังไข่นี่แหละ

แน่นอนว่าต้องใจหาย แต่ก็โล่งอกที่เธอตรวจพบตั้งแต่ระยะแรกๆ และได้รับการดูแลจากหมออย่างจริงจัง

พิมพ์ต้องรักษาผ่านการทำคีโมถึง 6 ครั้ง และครั้งสุดท้ายเพิ่งผ่านพ้นไปเมื่อต้นเดือนมีนาคมนี้เอง

ในฐานะแฟนคลับคนหนึ่ง ก็ขอส่งกำลังใจให้พิมพ์กลับมาแข็งแรงสมบูรณ์ในเร็ววันนะครับ

—–

ในบทสัมภาษณ์ a day BULLETIN พิมพ์บอกไว้ว่า แต่ก่อน สิ่งที่ทำให้พิมพ์ทุกข์ที่สุดคือเรื่องความรัก

จนมาเจอมะเร็งนี่แหละ ที่ทำให้เธอรู้ว่าทุกข์ที่หนักหน่วงจริงๆ นั้นเป็นอย่างไร

และความทุกข์นั้นมันก็มากพอที่จะเปลี่ยนแปลงมุมมองที่เธอมีต่อความสุข

…แค่เราได้เดินออกไปสูดอากาศหน้าบ้านในช่วงอากาศหนาวๆ โอ้โฮ มันมีความสุขมากเลย นี่คือต้นไม้สีเขียว นี่คือเสียงมอเตอร์ไซค์วิ่งผ่าน มันเหมือนกับมีความสุขง่ายขึ้นมาก

…รถติด ตอนนั้นคืออยากติดก็ติดไปเลย เราไม่เป็นไร รถติดก็นั่งฟังเพลงไปพลางๆ แค่นี้ก็มีความสุข

คนอะไร ได้ยินเสียงมอเตอร์ไซค์ก็มีความสุข รถติดก็ยังมีความสุข!

เพราะคนเรามองความสุขแบบสัมพัทธ์ (Happiness is relative)

เราจะเปรียบเทียบสิ่งที่เรามีกับสิ่งที่เรายังไม่มี หรือเปรียบเทียบสิ่งที่เรามีกับสิ่งที่คนอื่นมีเสมอ

ในกรณีของพิมพ์ ที่เคยป่วยจนไปไหนมาไหนไม่ได้ การได้ออกจากบ้านคือความสุขอย่างยิ่ง

ในกรณีของผม ที่ไม่เคยป่วยหนัก การได้ออกจากบ้าน ได้ยินเสียงมอเตอร์ไซค์ ได้นั่งฟังเพลงตอนรถติด จึงไม่ได้ทำให้มีความสุขเท่าไหร่

บทสัมภาษณ์ของพิมพ์ เป็นเครื่องเตือนใจที่ดี ว่าตอนนี้ผมอาจตกอยู่ในภาวะความสุขเฟ้อ ที่ทำให้เรามองไม่เห็นความสุขเล็กๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัวเรา

ข่าวดีก็คือ ผมไม่จำเป็นต้องรอให้ป่วยหนักเสียก่อน ถึงจะมีความสุขแบบนี้ได้

มันเป็นทักษะที่ผมเริ่มฝึกได้ทันที

แค่ใส่ใจให้มากขึ้น

และเรียกร้องให้น้อยลงเท่านั้นเอง

—–

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก a day BULLETIN Issue 402 4-10 เมษายน 2559

อ่านตอนเก่าๆ ได้ที่ https://anontawong.com/archives/

อ่านตอนใหม่ๆ ได้ทุกวันที่ Facebook Page Anontawong’s Musings (ที่ปุ่มไลค์จะมี drop down menu ให้เลือกได้ว่าอยากจะให้มี notifications หรืออยากเห็นโพสต์จากเพจนี้อยู่ต้นๆ ฟีดรึเปล่าครับ)

ดาวน์โหลดอีบุ๊ค “เกิดใหม่

Leave a comment