เค้าว่ากันว่าทุกวิกฤตินำมาซึ่งโอกาส
เมื่อประมาณกลางเดือนที่แล้วมือถือผมเจ๊งครับ
ซัมซุงกาแล๊กซี่โน๊ตสองที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันมาสองปีครึ่ง จู่ๆ ก็บู๊ธไม่ขึ้น
ระหว่างที่เอาเครื่องไปซ่อมอยู่นั้น ก็ได้เครื่องสำรองมาใช้ไปพลางๆ ก่อน
เมื่อต้องเริ่มจากเครื่องเปล่า ผมเลยถือโอกาสเริ่มต้นใหม่
สิ่งแรกที่ทำก็คือลองลงโปรแกรมเท่าที่จำเป็นจริงๆ เท่านั้น
แต่ก็ยังไม่วายลง Facebook อยู่ดี เพียงแต่ไม่ได้ล็อกอินเอาไว้
ครั้งสุดท้ายที่ผมล็อกอินเฟซบุ๊คทางมือถือคือวันเสาร์ที่ 22 สิงหาคม หลังจากถ่ายรายการโฮมรูมเรื่องการเก็บบ้านแบบคอนมาริครับ ต้องรีบเข้าไปคอมเม้นท์เพื่อจะได้โปรโมตบล็อกตัวเอง เพราะในรายการไม่ได้พูดถึงเลย 😛
นับจากวันนั้นถึงวันนี้ก็ 21 วันพอดี ซึ่งฝรั่งเค้าเชื่อกันว่า ถ้าจะสร้างนิสัยใหม่ๆ ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 21 วันก่อนที่นิสัยนั้นจะติดแน่นคงทน
วันนี้เลยมาขอเล่าให้ฟังว่า หลังจากหยุดเล่นเฟซบุ๊คไปแล้ว เจอความเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างครับ
1. ใช้เวลากับมือถือน้อยลงไปเยอะ นอกจากจะไม่เล่นเฟซบุ๊คแล้ว ผมยังเลิกเล่น Quora ผ่านมือถือด้วย โดยจะมานั่งอ่าน Quora ช่วงพักเที่ยงแทน พอไม่ต้องเล่นสองโปรแกรมนี้ เวลาที่ใช้จ้องมือถือก็ลดลงอย่างฮวบฮาบ
2.ไม่ต้องห่วงเรื่องแบตเตอรี่ พอเล่นมือถือน้อยลง จึงไม่เคยต้องกังวลเรื่องแบตหมดระหว่างวันเลย บางวันจะเข้านอนแล้วแบตยังเหลือเกินหกสิบเปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นเลยตอนที่ยังเล่นเฟซบุ๊คบนมือถืออยู่
3. ได้อ่านบทความดีๆ เยอะขึ้น เวลาผมเจอบทความอะไรที่น่าสนใจ ผมจะเซฟลงแอ็พชื่อ Pocket (ดาวน์โหลดได้จาก Google Play Store และ Apple iTunes)
แต่บทความส่วนใหญ่มักจะได้แค่เซฟไว้แต่ไม่เคยได้อ่าน เพราะพอเราหยิบมือถือขึ้นมาทีไรก็เปิดเฟซบุ๊คหรือไม่ก็โควร่าก่อนทุกครั้ง แต่พอเลิกเล่นเฟซบุ๊คสถานการณ์ก็เปลี่ยนไป ได้อ่านบทความที่ตัวเองเซฟไว้อย่างน้อยวันละสอง-สามบทความ
4. เล่นเฟซบุ๊คได้สะใจมากขึ้น เมื่อก่อนผมจะเปิดดูเฟซบุ๊คอย่างน้อยชั่วโมงละสองครั้ง ซึ่งบางทีก็มี notification (ที่เป็นตัวเลขสีแดงๆ ตรงลูกโลก) แค่หนึ่งหรือสองชิ้น หรือบางทีเปิดมาแล้วไม่มี notification เลยผมก็อดไม่ได้ที่จะห่อเหี่ยวเล็กๆ (โดยเฉพาะหลังจากที่เราโพสท์อะไรใหม่ๆ แล้วลุ้นว่าจะมีใครมาไลค์หรือคอมเม้นท์รึเปล่า)
เวลาเปิดเฟซขึ้นมาแล้วเจอ notification แค่หนึ่งเรื่อง อารมณ์มันคล้ายกับเปิดก๊อกแล้วเจอน้ำที่ไหลเบาราวเยี่ยวแมว ทำให้เราต้องใช้น้ำอย่างกระเบียดกระเสียร
แต่พอผมเล่นเฟซบุ๊คน้อยลง ตอนกลางคืนหลังเลิกงานแล้วไม่ได้เล่นเลย มาเช็คอีกทีเช้าวันถัดมา พอเปิดเฟซบุ๊คขึ้นมาคราวนี้จะเจอ notifications เป็นสิบเรื่อง อารมณ์เหมือนเอาขันตักน้ำในโอ่งแล้วราดใส่หัว โดยรวมแล้วจำนวนน้ำก็เท่าเดิมแหละ แต่มันชื่นใจกว่าจริงๆ
5. เลิกเล่นมือถือระหว่างรถติด รู้อยู่แก่ใจนะครับว่าเล่นมือถือระหว่างรถติดนั้นเป็นอันตราย แต่บางทีพอรถติดหนักๆ มันก็อดไม่ได้จริงๆ
แต่มาตอนนี้ มือถือไม่มีอะไรให้ดูแล้ว (จะอ่านบทความจาก Pocket ก็ใช่ที่เพราะยาวเกิน) ความรู้สึกอยากหยิบมือถือขึ้นมาเล่นนั้นยังมีอยู่เรื่อยๆ แต่ก็รู้อยู่แก่ใจว่าหยิบขึ้นมาก็ไม่มีอะไรดูอยู่ดี การหยุดเล่นเฟซบุ๊คจึงถือเป็นวิธีเลิกเล่นมือถือระหว่างขับรถที่ทรงพลังที่สุดสำหรับผม
6. เลิกเล่นมือถือที่โต๊ะกินข้าว อันนี้ไม่ใช่แค่ผมคนเดียว แฟนผมก็เล่นมือถือระหว่างนั่งกินข้าวน้อยลงไปเยอะ อาจเป็นเพราะว่า เวลาเราอยู่กับใครสักคน ถ้าเขาหยิบมือถือขึ้นมาเล่น เราก็เหมือนโดนบังคับกลายๆ ให้หยิบมือถือขึ้นมาเล่นไปด้วย (เพราะไม่มีใครคุยด้วย) แต่มาตอนนี้ เมื่อผมไม่เล่นมือถือแล้ว แฟนก็คงไม่รู้สึกอยากหยิบมือถือขึ้นมาเล่นเท่าแต่ก่อน นั่งคุยกันเองสนุกกว่าเยอะ!
7. เข้านอนตรงเวลามากขึ้น สมัยก่อนเวลาผมกับแฟนกลับถึงบ้านมาเหนื่อยๆ ก็จะขอเอนกายลงบนเตียงนอนเล่นเฟซบุ๊ค “แป๊บนึง” ประมาณว่าไม่เกินสิบนาที แต่สิ่งที่เกิดจริงๆ ก็คือมันมักจะกินเวลาไปถึงครึ่งชั่วโมงหรือมากกว่านั้น ซึ่งย่อมไปเบียดบังเวลานอนของเราอย่างช่วยไม่ได้ สมัยนี้กลับมาถึงบ้าน ผมก็จะอาบน้ำเลย แล้วมานอนคุยกับลูก (ในท้องแฟน) หรือไม่ก็อ่านหนังสือเป็นเล่มๆ แทน
8. มีเวลาภาวนามากขึ้น คนที่อ่านบล็อกผมมาซักพักอาจจะพอระแคะระคายบ้างว่าผมสนใจเรื่องการภาวนา ซึ่งก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าการตามรู้กายตามรู้ใจตนเอง การภาวนาเป็นเรื่องที่ทำที่ไหนก็ได้ เช่นตอนรถติด ตอนรอลิฟต์/ขึ้นลิฟต์ และตอนรออาหาร เพียงแต่สมัยก่อนเวลาว่างสั้นๆ เหล่านี้โดนมือถือเอาไปกินเรียบ แต่พอมือถือมีบทบาทต่อชีวิตน้อยลง ผมก็เอาเวลาช่วงนี้ไปทำสิ่งที่มีความหมายต่อตัวเองได้มากขึ้นครับ
แน่นอน การเลิกเล่นเฟซบุ๊คบนมือถือก็ใช่ว่าจะมีแต่ข้อดีอย่างเดียว ข้อเสียที่ผมสังเกตได้ก็คือผมเปิดเฟซบุ๊คผ่านคอมบ่อยขึ้น แต่บวกลบคูณหารแล้วผมก็ใช้เวลากับเฟซบุ๊คน้อยลงอยู่ดี
อ้อ อีกสิ่งหนึ่งที่พบก็คือ แม้ว่าบางครั้งจะมี Notifications มานับสิบเรื่อง แต่พอกดเข้าไปดู หลายๆ ครั้งก็รู้สึกว่า “ไม่เห็นจะมีอะไรเลย”
ยิ่งทำให้คิดได้ว่า แต่ก่อนที่เรากดเฟซบุ๊คดูบ่อยๆ มันเป็นเพราะเราหมกมุ่นเกินไปจริงๆ
—–
ป.ล. ความเสี่ยงของการเขียนโพสต์นี้ก็คือ ถ้าผู้อ่านเล่นเฟซบุ๊คน้อยลง บทความผมก็อาจจะถูกอ่านน้อยลงด้วยเช่นกัน แต่ชั่งน้ำหนักแล้วคิดว่าเขียนแล้วมีประโยชน์กว่าไม่ได้เขียนครับ ใครที่กดไลค์เพจแล้วไม่อยากพลาดบทความก็สามารถกด “See First” ใต้ปุ่ม Following ได้นะครับ หรือถ้าใคร scroll down ไปอีกหน่อย ก็จะมีช่องให้กรอกอีเมล์เพื่อรับบล็อกใหม่ส่งตรงถึง Mailbox ทุกวันครับ ใครหาที่กรอกไม่เจอลองดูรูปนี้ครับ)
ขอบคุณภาพจาก Pixabay.com
อ่านตอนเก่าๆ ได้ที่ https://anontawong.com/archives/
อ่านตอนใหม่ๆ ได้ทุกวันที่ Facebook Page Anontawong’s Musings)
ดาวน์โหลดอีบุ๊ค “เกิดใหม่”
Pingback: Tool or Toy? | Anontawong's Musings
Pingback: เปล่งแสง | Anontawong's Musings
Pingback: 3 ขั้นตอนสำหรับการสร้างอุปนิสัยใหม่ | Anontawong's Musings
ไม่ได้ล็อกอินเฟซบุ๊คกับIGมาพักนึง ทำให้รู้ว่ามันเวลามีมากพอจะทำอะไรที่อยากทำมากขึ้น การได้อยู่เงียบๆก็มีคุณค่ากับการภาวนามาก ขอขอบคุณที่แนะนำแอพ Pocket ด้วยค่ะ
LikeLiked by 1 person
กล่องที่ให้กรอกอีเมล์จะอยู่ใต้ Facebook และ Search ครับ หน้าตาประมาณนี้ครับ https://dl.dropboxusercontent.com/u/3750911/EmailFill.jpg
ถ้าดูจากมือถือต้อง scroll down ลงไปเยอะๆ เลยครับ แต่ถ้าเข้าจากคอมให้ดูแพนเนลด้านขวามือครับ
LikeLike
ต้องการรับบล๊อกใหม่ทุกวันคะ
LikeLike