เกือบทุกเช้าผมจะขับรถไปส่งแฟนที่ตึกเอ็มไพร์ แยกนราธิวาส-สาทร จอดรถที่ตึกนี้ แล้วจึงค่อยปั่นจักรยานของปันปั่นกลับมาที่ออฟฟิศที่พระราม 4
จักรยานปันปั่นคืออะไร?
มันคือโครงการของกทม.ที่ได้ติดตั้ง “สถานีจักรยาน” เอาไว้หลายจุดด้วยกัน โดยเฉพาะเส้นสาทร วิทยุ สีลม พญาไท และสุขุมวิท โดยหลังจากเราสมัครสมาชิกแล้ว เราสามารถยืมจักรยานจากสถานีหนึ่ง แล้วไปคืนที่สถานีหนึ่งได้เลย ถ้าขี่นานไม่เกิน 15 นาทีก็ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ แต่ถ้านานกว่านั้นก็คิดชั่วโมงละ 10 บาท โดยเราสามารถเติมเงินลงบัตรได้ที่ทุกสถานี
ก่อนจะมีจักรยานปันปั่น ผมต้องเดินจากตึกเอ็มไพร์ไปตึกอื้อจื่อเหลียง ใช้เวลาร่วมครึ่งชั่วโมง หรือถ้านั่งมอเตอร์ไซค์ก็เสียตังค์ 40 บาท หากสัปดาห์หนึ่งใช้มอเตอร์ไซค์ซัก 3 ครั้ง ปีหนึ่งก็ใช้เงินร่วมหกพันแล้ว
พอมีปันปั่น ชีวิตก็ดีขึ้น ใช้เวลาแค่ 15 นาทีก็ถึงออฟฟิศ แถมยังไม่ต้องเสียเงินเลยซักบาท
ผมคิดจะเขียนบทความนี้ เนื่องจากสะกิดใจบล็อกตัวเองเมื่อวันก่อนเรื่อง 9 สาเหตุที่ลูกน้องเบื่อเจ้านาย
โดยสาเหตุที่ทำให้ลูกน้องไม่พอใจเจ้านายบ่อยที่สุด ก็คือการไม่เห็นคุณค่าในงานที่ลูกน้องทำออกมา (Not recognizing employee achievements)
ผมว่าเราๆ ท่านๆ ก็เห็นคุณค่าของ “งานสาธารณะ” ที่คนอื่นทำให้เราน้อยไปหน่อยเหมือนกัน
ไม่ว่าจะเป็นคนเก็บขยะที่แวะเวียนมาบ้านเราสัปดาห์ละสามหน
หรือพนักงานการไฟฟ้าที่ต้อง “ลงสนาม” เพราะหม้อแปลงระเบิดและไฟดับไปทั่วหมู่บ้าน (ผมไม่แน่ใจว่างานเค้าเสี่ยงชีวิตแค่ไหนเหมือนกัน เพราะบางทีฝนยังตกหนักอยู่แต่ไฟก็กลับมาแล้ว)
หรือพนักงานการรถไฟที่ต้องคอยกั้นรถยนต์เวลารถไฟมา
ลองคิดภาพว่าถ้าไม่มีคนเหล่านี้ หรือมีแต่พวกเขาบกพร่องต่อหน้าที่ ชีวิตของเราจะเดือดร้อนแค่ไหน
แต่เรากลับไม่เคยพูดขอบคุณคนเหล่านี้เลย แม้กระทั่งในใจ
อาจจะเพราะว่าเราไม่เห็นเขา หรืออาจจะเพราะว่าเราคิดว่ามันเป็นหน้าที่ที่เขาก็ต้องทำอยู่แล้ว
แต่เวลาเราทำงานของเรา แล้วหัวหน้าหรือใครก็แล้วแต่มาชมเรา เราก็ชื่นใจไม่ใช่เหรอ?
ผมว่าคนที่ทำงานสาธารณะก็ควรมีโอกาสได้ชื่นใจด้วยเหมือนกัน
กลับมาที่เรื่องปันปั่นต่อ
ผมอยากจะเขียนว่าแนะนำโครงการนี้สำหรับคนที่ยังไม่เคยลอง เผื่อใครจะอยากคิดใช้งานดูบ้างครับ
- เข้าไปดูก่อนว่ามีสถานีปันปั่นอยู่ที่ไหนบ้าง จะได้รู้ว่าเราจะมีโอกาสได้ใช้รึเปล่า
- สมัครสมาชิกโดยดูขั้นตอนได้ที่นี่
- เมื่อได้บัตรมาแล้วก็ไปใช้ได้เลย!
นี่คือหน้าตาของสถานี
มีแผนที่ให้เราดูว่าสถานีมีที่ไหนบ้าง
เครื่องยืมจักรยานและเติมเงิน
เมื่อกดเลือกแล้ว ให้เอาบัตรแตะตรงพื้นที่สีขาวใต้จอ
ใส่รหัสประจำตัวสี่หลัก (คล้ายๆ PIN ของบัตร ATM)
เลือกจักรยาน
เอาบัตรแตะไปที่ช่องสีแดงเพื่อให้แท่นปลดล็อคจักรยาน
อย่าลืมเช็คเบรค กริ่ง และอานจักรยานให้เรียบร้อย
พอปั่นถึงที่หมายแล้ว ก็แค่เสียบจักรยานเข้าแท่นได้เลย แต่ว่าต้องออกแรงนิดนึง เพื่อให้จักรยานเข้าไปจนสุดจนแท่นมันล็อคหัวจักรยานครับ เสียบเข้าไปแล้วลองดึงจักรยานดูก็ได้ว่ามันล็อกเรียบร้อยรึยัง จากนั้นก็เดินจากมาได้เลย
ผมใช้จักรยานปันปั่นมาร่วมปี จึงขอสรุปสิ่งที่ประทับใจและข้อปรับปรุงไว้ตรงนี้ด้วยแล้วกันนะครับ
สิ่งที่ประทับใจ
- ใช้งานง่าย
- มีสถานีค่อนข้างถี่ ทำให้ถ้าจักรยานหมดก็สามารถเดินไปเอาอีกสถานีนึงได้
- ฟรี! (ถ้าขี่ไม่เกิน 15 นาที)
- Call Center: 087 029 8888 บริการดีมาก โทร.ไปไม่เกินห้าตู๊ดก็รับสาย เจ้าหน้าที่พูดจาสุภาพ และขอบคุณเราทุกครั้งที่โทร.ไปแจ้งปัญหา
- แอดมินเพจ PUN PUN ก็ช่วยเหลือดีมากเช่นกัน
สิ่งที่ปรับปรุงได้
- อยากให้หมั่นตรวจเช็คเบรค เพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่ ตอนนี้ที่เจอคือใช้ได้แต่เบรคหน้า ส่วนเบรคหลังสึกหมดแล้ว
- บางคันเบรคอาจยังดีอยู่ แต่ยังมีปัญหาเบรคแล้วเสียงจี๊ดแสบหู จนเราไม่กล้าใช้เบรค
- ระบบยังล่มประมาณเดือนละสองสามครั้ง ถ้าเสถียรกว่านี้ได้จะแจ่มมาก
- แท่นจักรยานบางแท่น มีจักรยานจอดอยู่ แต่มันไม่ขึ้นโชว์ให้เราเลือก
- แท่นจักรยานบางแท่น มีจักรยานจอดอยู่ แต่ดึงจักรยานออกไม่ได้ เหมือนแท่นมันล็อคค้างไว้
- หน้า Login ของสมาชิก ควรจะมีปุ่ม “Forgot password?” เพื่อให้เราสามารถรีเซ็ตพาสเวิร์ดได้
- ควรจะมี feature ให้เราเปลี่ยนพาสเวิร์ดเองได้ด้วยครับ (ตอนนี้ต้องติดต่อไปที่ทางเพจ PUN PUN อย่างเดียวเลย)
ผมบอกเรื่องที่จะปรับปรุงมาเยอะกว่าข้อดี แต่จริงๆ แล้วผมพอใจกับจักรยานปันปั่นมากนะครับ ให้คะแนน 8 เต็ม 10 เลย
สุดท้ายนี้ ผมต้องขอขอบคุณกทม. และทีมงานจักรยานปันปั่นทุกๆ คน ที่ช่วยให้คุณภาพชีวิตของผมรวมถึงอีกหลายร้อยคนในกรุงเทพดีขึ้นครับ
– จากใจแฟนคลับปันปั่นคนหนึ่ง
—–
ดาวน์โหลดอีบุ๊ค “เกิดใหม่”
อ่านตอนเก่าๆ ได้ที่ Archives
อ่านตอนใหม่ๆ ได้ทุกวันที่ Facebook Page Anontawong’s Musings









Pingback: ความเคยชินทำให้คนตาบอด | Anontawong's Musings
Pingback: ติดเบรค | Anontawong's Musings
Pingback: เคล็ดลับหลับสบาย | Anontawong's Musings
Pingback: สำนึกสาธารณะ | Anontawong's Musings