คนทำงานดึก 8 ประเภท
เชื่อว่าทุกคนที่ทำงานในบริษัทจะมีเพื่อนร่วมงานบางคนที่ชอบอยู่ออฟฟิศจนดึกจนดื่นเป็นประจำ
เท่าที่ผมสังเกตดู สามารถจำแนกแจกแจงคนที่ชอบทำงานจนดึกจนดื่นออกมาได้ 8 ประเภท โดยที่บางคนอาจจะอยู่ได้มากกว่าหนึ่งกลุ่ม
ถ้าคุณรู้จักใครที่ทำงานดึก (ซึ่งอาจจะรวมถึงตัวคุณเองด้วย) ลองดูนะครับว่าเขาอยู่ในกลุ่มที่กล่าวมาหรือเปล่า
1. พวกมนุษย์ค้างคาวโดยธรรมชาติ
กลุ่มนี้เราจะเห็นได้เฉพาะในองค์กรที่ไม่ต้องตอกบัตรเข้างาน หรือเป็นเจ้าของกิจการซะเอง เป็นพวกไม่ชอบตื่นเช้า (ซัก 8 โมงนี่ถือว่าเช้าสำหรับเขาแล้ว) เข้างานสิบโมงหรือสิบโมงครึ่ง แล้วก็ทำงานไปจนถึงสองสามทุ่ม กลับบ้านแล้วก็ยังมีชีวิตช่วงกลางคืนต่อไปจนถึงตีหนึ่งหรือตีสองถึงจะเข้านอน
2. พวกติดกับดักงานเร่งด่วน
คนกลุ่มนี้คือคนที่ใช้ชีวิตเหมือนมีไฟลนก้นตลอดเวลา พรุ่งนี้ต้องไปนำเสนองานกับลูกค้าแล้วแต่ยังไม่ได้เริ่มทำสไลด์เลยซักหน้า ก็เลยต้องอยู่ทำงานจนดึกจนดื่น และงานชิ้นอื่นๆ ที่อยู่ในคิวก็จะรวนไปด้วย เพราะจะ “ไม่มีเวลาทำ” จนกว่ามันจะจวนตัวจริงๆ
คนเหล่านี้มักจะเหนื่อยหนักและสุขภาพไม่ค่อยดีเพราะนอนไม่ค่อยพอ ดื่มกาแฟจัด และกินข้าวดึก
3. พวกตอนกลางวันงานไม่ค่อยเดิน
ที่งานไม่เดินอาจจะเพราะความจำเป็นเช่นมีประชุมเยอะ หรือระหว่างวันต้องช่วยเหลือคนอื่นจนต้องเก็บงานของตัวเองมาทำตอนที่เพื่อนร่วมงานกลับบ้านไปหมดแล้ว
หรืออีกประเภทหนึ่งคืองานไม่ค่อยเดินเพราะระหว่างวันมัวแต่เมาธ์หรือเล่นเน็ตซะเพลิน รู้ตัวอีกทีก็สี่ห้าโมงเย็นแล้ว เลยต้องอยู่ปั่นงานให้เสร็จ
4. พวกทุ่มเท
มาทำงานเช้าตรู่ และกลับเป็นคนเกือบสุดท้าย ผมเรียกคนเหล่านี้ว่าซุปเปอร์แมน ทำงานเสร็จเยอะและมีแต่คนเข้ามาขอความช่วยเหลือ จนกลายเป็นขวัญใจของเพื่อนร่วมงานทุกคน
5. พวกอยากให้เจ้านายเห็นว่าทุ่มเท
พวกนี้จะไม่ขยันเท่าไหร่หรอก ตอนเย็นอาจจะไปหาอะไรกินหรือทำกิจกรรมสันทนาการจนถึงทุ่มกว่าๆ แล้วค่อยมาทำงานต่ออีกหน่อย อาจมีส่งเมล์ตอนดึกๆ บ้าง โดยแอบหวังลึกๆ ว่าเจ้านายจะเห็นว่าเราทำงานดึกแค่ไหน
ทำอย่างนี้ก็เป็นดาบสองคม เพราะเจ้านายอาจจะมองว่าที่ต้องทำงานดึกเพราะระหว่างวันไม่ค่อยทำงาน หรือจัดการเวลาไม่ดีก็ได้ หรือร้ายไปกว่านั้นเจ้านายเค้าฉลาดพอที่จะมองออกว่าเราแกล้งทำเป็นทำงานดึกไปอย่างนั้นเอง
6. พวกต้องทำงานกับฝรั่ง
ถ้าต้องทำงานกับบริษัทที่ “truly international ” การทำงานกับเพื่อนร่วมงานที่ยุโรปหรืออเมริกาอาจจะเป็นสิ่งที่เลี่ยงได้ยาก เวลานัดประชุมกัน กว่าเพื่อนร่วมงานที่นิวยอร์คจะถึงออฟฟิศ ที่บ้านเราก็สองทุ่มเข้าไปแล้ว
ปัญหานี้บรรเทาได้ด้วยการผลัดกันอยู่ดึก เช่นเดือนนี้เรายอมประชุมตอนสองทุ่มบ้านเรา-แปดโมงบ้านเค้า ส่วนเดือนหน้าก็ประชุมแปดโมงบ้านเรา สองทุ่มบ้านเค้า หรืออีกวิธีที่นิยมใช้กันคือประชุมที่บ้านครับ เพราะส่วนใหญ่ก็ใช้วิธีประชุมผ่านโทรศัพท์ที่เรียกว่า teleconference อยู่แล้ว
7. พวกติดร่างแหวัฒนธรรมองค์กร
องค์กรบางแห่งต้องทำงานดึกเป็นประจำ อย่างพวกเอเจนซี่โฆษณานี่ปั่นงานกันเลยเที่ยงคืนเป็นว่าเล่น
ถึงงานเราจะเสร็จแล้ว แต่ถ้าเพื่อนอยู่ดึก แถมหัวหน้าก็อยู่ดึก หากเรากลับเร็วก็อาจจะกลายเป็นแกะดำได้
8. พวกไม่มีชีวิตนอกที่ทำงาน
กลุ่มนี้อาจจะเป็นกลุ่ม “ผู้หญิงเก่ง” (ทำไมเราไม่มีคำว่า “ผู้ชายเก่ง”?) ที่ทำแต่งาน จนงานกลายมาเป็นอัตลักษณ์และเป็นตัวชี้วัดหลักสำหรับความสำเร็จหรือความสุขของเขา กลุ่มนี้จะน่าเห็นใจตรงที่ “ไม่มีอะไรให้ทำนอกจากงาน” หรือ “ไม่รู้จะกลับบ้านเร็วไปทำอะไร” เพราะไม่มีแฟน ไม่มีงานอดิเรก ไม่ค่อยได้เจอเพื่อน ก็เลยเอาเวลาและความสนใจมาลงกับงานอย่างเดียว กลุ่มนี้ดูไม่ยากเพราะหายใจเข้าออกเป็นเรื่องงาน ไม่ว่าจะดึกดื่นแค่ไหนหรือเป็นวันอะไรของสัปดาห์
—–
ถ้าใครติดกับการทำงานดึกแล้วอยากจะออกจากวงจรนี้ ผมก็มีข้อเสนอมาให้พิจารณานะครับ
– ในกรณีที่ทีมอยู่ดึก อาจจะต้องเลิกแคร์สายตาคนอื่นบ้าง เดินเข้าไปคุยกับหัวหน้าเพื่อให้เขาเข้าใจในความต้องการ/ความจำเป็นของเรา ในขณะเดียวกันเราก็ต้องแสดงฝีมือให้เขาเห็นว่า ถึงเราจะกลับบ้านเร็วแต่ประสิทธิภาพและประสิทธิผลเรานั้นยังเท่าเดิมหรือดีกว่าเดิมด้วยซ้ำ
– ในกรณีที่คุยกับหัวหน้าแล้วเขาไม่ยอมให้เราเปลี่ยน อาจต้องลองหาทางย้ายทีมหรือย้ายองค์กร
– ในกรณีที่ตอนกลางวันงานไม่ค่อยเดิน หรือติดกับดักงานเร่งด่วนตลอดเวลา ขอให้ลองใส่ใจกับงานที่ “สำคัญแต่ไม่เร่งด่วน” ให้มากขึ้น เพราะมันจะทำให้เราป้องกันเรื่องเร่งด่วนได้ไม่น้อย
– ในกรณีที่ “งานเป็นสิ่งเดียวที่ฉันมี” ก็ลองหาสิ่งอื่นทำดูบ้าง เช่นไปลงเรียนโยคะ เข้าคอรส์ฟิตเนส เข้ากลุ่ม Meetup หรือนัดเจอเพื่อน ผมว่านี่เป็นสิ่งสำคัญเพราะมันจะทำให้ชีวิตเรามีมิติ และมีสุขภาพดีขึ้นทั้งกายและใจครับ
เคยพูดไปแล้วแต่ขอพูดอีกครั้ง:
Nobody on their deathbed wished they had spent more time at the office – ในช่วงนาทีสุดท้ายของชีวิต ไม่มีใครบ่นหรอกนะว่า “แหม ฉันน่าจะใช้เวลาที่ออฟฟิศให้มากกว่านี้ซักหน่อย
—–
ดาวน์โหลดอีบุ๊คฟรี
หากท่านใดสนใจหนังสือ eBook “เกิดใหม่” ซึ่งรวบรวม 17 เรื่องราวที่อาจจะช่วยให้คุณได้มองโลกในมุมใหม่ๆ ใช้ภาษาวัยรุ่น ไม่ต้องปีนกะไดอ่าน ขอเชิญได้ที่นี่เลยครับ