ชีวิตคือการทดลอง

20150728_LastTimeFirstTime

When was the last time you tried something for the first time?

นานแค่ไหนแล้วที่คุณได้ลองทำอะไรเป็นครั้งแรก?

– Unknown

—–

เคยรู้สึกว่าชีวิตจำเจ น่าเบื่อบ้างมั้ยครับ?

แพทเทิร์นชีวิตของผมวันจันทร์ถึงศุกร์คือ

ตื่นขึ้นมา แปรงฟัน อาบน้ำ แต่งตัว ขับรถ ปั่นจักรยาน ทำงาน พักเที่ยง ทำงาน ไปออกกำลังกาย เขียนบล็อก ไปรับแฟน ขับรถกลับบ้าน อาบน้ำ นอนเล่นเฟซ สวดมนต์ เข้านอน

การทำอะไรเป็นกิจวัตร ในแง่ดีก็คือมันช่วยประหยัดพลังสมองไปเยอะ ไม่ต้องมามัวคิดมากหรือกังวลว่าสิ่งที่เราทำไปมันถูกต้องหรือไม่ เพราะมันได้รับการพิสูจน์ครั้งแล้วครั้งเล่าว่ามันเวิร์ค

แต่ในอีกแง่หนึ่ง มันอาจจะทำให้เราใช้ชีวิตแบบไม่มีสติเท่าไหร่ เพราะเราจะทำทุกอย่างเป็นโหมด auto-pilot หมดแล้ว ลองนึกภาพตอนเราแปรงฟัน ใส่รองเท้า หรือขับรถก็จะเห็นว่าเราทำมันโดยไม่ต้องคิดด้วยซ้ำ

อีกข้อเสียหนึ่งของการใช้ชีวิตแบบเดิมๆ ทุกวันมันก็คือ มันออกจะน่าเบื่อเหมือนกันนะ!

When was the last time you tried something for the first time?

เวลาผมอ่านประโยคนี้ คำตอบแรกที่แว่บเข้ามาในหัวคือกิจกรรม Deep Canyon ที่ผมไปเล่นที่นิวซีแลนด์เมื่อตอนปลายปีที่แล้ว (ซึ่งผมเคยพูดถึงในบล็อกตอนเจ็บปวดแต่งดงาม) มันคือกิจกรรมที่ต้องกระโดดจากหน้าผา ไต่เชือก สไลด์ตัวลงโขดหิน ซึ่งทั้งแพง ทั้งโหด  ทั้งมัน แต่ก็รู้สึกดีทุกครั้งที่นึกถึง

ถ้ามองย้อนถอยกลับไปอีกก็คือการไปทดลองใช้ชีวิตแบบคนตาบอดที่ Dialogue in the Dark http://pantip.com/topic/30496041 ที่จามจุรีสแควร์เมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว (ค่าเข้าชม 90 บาทเท่านั้น ขอแนะนำเป็นอย่างยิ่งครับ)

การได้ลองทำอะไรใหม่ๆ นอกจากจะทำให้ชีวิตมีสีสันมากขึ้นแล้ว ยังช่วยพัฒนาสมองอีกด้วย เพราะเมื่อเราต้องทำสิ่งที่เราไม่คุ้นเคย นิวรอน (neurons) ในสมองของเราก็จะสร้างการเชื่อมโยง (connection) ใหม่ๆ ทำให้สมองของเราเหมือนได้ออกกำลังกาย

การลองทำอะไรใหม่ๆ ไม่จำเป็นต้องไปโดดหน้าผาหรือใช้ชีวิตแบบคนตาบอดก็ได้นะครับ อาจจะเป็นเรื่องง่ายๆ ที่เราทำอยู่ประจำ เพียงแต่ปรับเปลี่ยนนิดหน่อยก็อาจจะช่วยให้เรา “ทำลายแพทเทิร์น” เดิมๆ ได้แล้ว เช่น

ลองใช้ keyboard shortcut แทนที่จะใช้เมาส์คลิ้ก
ลองใส่ถุงเท้าก่อนใส่กางเกงขายาว
ลองแปรงฟันหลังจากกินข้าวเช้า (แทนที่จะแปรงก่อนกินเพราะถูกสอนมาตั้งแต่เด็กว่าอย่ากลืนน้ำลายบูด)
ลองใช้ไหมขัดฟันก่อนที่จะแปรงฟัน (แต่ก่อนผมจะขัดทีหลัง)
ลองกินน้ำเสาวรส+อาโวคาโด (แต่ก่อนผมไม่เคยคิดจะกินน้ำอโวคาโดเลย)
ลองหยิบหนังสือหมวดที่เราไม่เคยคิดจะอ่านขึ้นมาดู
ลองใช้เส้นทางใหม่ในการเดินทางไปทำงาน

ผมเชื่อว่าชีวิตคือการทดลอง

ถ้าเราทำอะไรซ้ำๆ แบบเดิมตลอด มันก็อาจจะไม่มีความเสี่ยงอะไร แต่นั่นก็หมายความว่าเราตัดโอกาสที่จะได้เจอสิ่งที่ดีกว่าด้วย

พวกเราส่วนใหญ่น่าจะไม่อยากแก่ และอยากคงความหนุ่มความสาวไว้นานๆ

ผมเชื่อว่าการได้ทดลองทำอะไรใหม่ๆ (หรือทำเรื่องเดิมๆ ด้วยวิธีใหม่ๆ) อาจจะช่วยได้

เพราะมันจะกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นและคอยเตือนให้เรามีใจที่เปิดกว้าง ซึ่งเป็นคุณลักษณะของเด็กทุกๆ คน

คำถามเดิม -> คำตอบเดิม

คำถามใหม่ -> คำตอบใหม่

ขอให้สนุกกับการทดลองนะครับ

—–

ขอบคุณภาพจาก Pexels.com

ดาวน์โหลดอีบุ๊ค “เกิดใหม่

อ่านตอนเก่าๆ ได้ที่ Archives

อ่านตอนใหม่ๆ ได้ทุกวันที่ Facebook Page Anontawong’s Musings

นิทานนักเรียนหมอ

20150717_MedicalStudent

วันนี้วันศุกร์ มาฟังนิทานกันอีกซักเรื่องนะครับ

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในมหาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งที่อเมริกา

ในวันปฐมนิเทศของคณะแพทย์ ขณะที่ชายหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังเข้าคิวเพื่อที่จะลงทะเบียน ก็บังเอิญเหลือบไปเห็นว่าข้างหลังเขาไม่ใช่เด็กหนุ่ม แต่เป็นชายวัยชราผมสีดอกเลา จนเขาอดเอ่ยปากชวนคุยไม่ได้

ชายหนุ่ม: ลุงครับ ลุงมาลงเรียนคณะแพทย์เหมือนกันเหรอครับ

ชายชรา: ใช่แล้วพ่อหนุ่ม

ชายหนุ่ม: หวังว่าลุงจะไม่คิดว่าผมเสียมารยาทนะครับ เพียงแต่ว่าผมอยากรู้ว่าคุณลุงอายุเท่าไหร่แล้วเหรอครับ

ชายชรา: ปีนี้ก็ 74 แล้วล่ะ

ชายหนุ่ม: โห ผมนี่นับถือลุงจริงๆ เลยนะครับ อาุย 74 แล้วแต่ก็ยังมาเรียนแพทย์ กว่าลุงจะเรียนจบก็ขึ้นเลขแปดพอดีเลย

ชายชรายิ้มแล้วตอบว่า

“จะเรียนแพทย์หรือไม่เรียน อีก 6 ปีผมก็ต้องอายุ 80 ปีอยู่ดี สู้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักไม่ดีกว่ารึพ่อหนุ่ม?”

—–

ขอบคุณเรื่องเล่าจาก Quora

ขอบคุณภาพจาก Pixabay.com

ดาวน์โหลดอีบุ๊ค “เกิดใหม่

อ่านตอนเก่าๆ ได้ที่ Archives

อ่านตอนใหม่ๆ ได้ทุกวันที่ Facebook Page Anontawong’s Musings

ไม่มีคนไม่ดี

20150423_NoBadPeople

“โลกนี้ไม่มีคนไม่ดี มีแต่คนดี กับคนที่ยังเรียนรู้ไม่พอ”
– ฐิตินาถ ณ พัทลุง

—–

ผมชอบประโยคนี้ของคุณฐิตินาถ หรือครูอ้อย ผู้เขียนหนังสือเข็มทิศชีวิตมาก

คนที่แนะนำให้ผมอ่านหนังสือเล่มนี้ก็คือเพื่อนที่ชื่อไก่ (คนเดียวกับที่เล่านิทานช้างน้อยให้ฟัง และถามว่าทำไมเราต้องพักร้อนนี่แหละ) โดยหัวหน้าเขาเป็นคนที่แนะนำมาอีกที

ผมอ่านหนังสือเข็มทิศชีวิตเกือบครบทุกเล่ม แต่ต้องบอกตามตรงว่ามีแค่เล่มหนึ่งกับเล่มสองเท่านั้นที่ผมชอบ

ประโยคข้างบนนี้ถ้าจำไม่ผิดผมว่าน่าจะมาจากเล่มที่สองครับ

—–

เคยอ่านบทความหนึ่งของคุณประภาส ชลศรานนท์ ซึ่งเล่าถึงพวกพฤติกรรมการดูละครของนักโทษในเรือนจำ

นักโทษส่วนใหญ่เชียร์พระเอกหรือนางเอกทั้งนั้น ไม่มีใครเชียร์ตัวโกงเลย

ดูย้อนแย้งมั้ยครับที่ “ตัวร้าย” ในโลกแห่งความจริง กลับเข้าข้าง “ตัวดี” ในโลกเสมือน

นั่นเพราะว่าไม่มีใครคิดว่าตัวเองเป็นคนไม่ดีหรอก

ไปถามคุณทักษิณก็ได้ว่าคิดว่าตัวเองเป็นคนเลวหรือเปล่า

อย่ากระนั้นเลย ถ้ามีคนถามคำถามนี้กับฮิตเลอร์ เขาก็คงยืนยันว่าสิ่งที่เขาคิดเขาทำมันมีเหตุผลและถูกต้องชอบธรรมแล้ว

ผมไม่เชื่อว่าจะมีใครตื่นเช้าขึ้นมา แล้วถามตัวเองว่า “เอ…วันนี้เราจะออกไปทำอะไรให้ใครเดือดร้อนดีนะ?”

พวกแก๊งเด็กซิ่งเด็กแว้น คงไม่ได้อยากจะป่วนเมืองอะไร เขาเพียงแต่สนุกกับการไปบิดมอเตอร์ไซค์กับเพื่อนๆ

นักการเมืองที่ยักยอกภาษี ก็อาจจะไม่ได้มองว่ามันเป็นการ “โกงชาติโกงแผ่นดิน” แต่มองว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะเขาต้องดูแลคนเยอะ และ ใครๆ ก็ต้องทำ ถ้ามาอยู่ในสถานะอย่างเขา

โจรใต้อาจจะไม่ได้มองว่ากำลังทำบาปอะไร เขาอาจจะเชื่อว่าได้ไปสวรรค์ด้วยซ้ำหากเขาช่วยให้ “ภารกิจ” สำเร็จ

ครับ ผมเชื่อว่าใครๆ ก็อยากเป็น “คนดี” กันทั้งนั้น

ที่เรายังเป็นคน “ไม่ดี” อยู่ ก็เพราะว่าเรายังเรียนรู้ไม่พอ

เรียนรู้เรื่องอะไรบ้าง?

  • เราไม่สามารถทำร้ายคนอื่นโดยที่ไม่ทำร้ายตัวเองไปด้วย
  • ไม่มีความจำเป็นอันใดที่จะต้องแก่งแย่ง
  • การที่ “ใครๆ ก็ทำ” ไม่ได้สร้างความชอบธรรมให้เราทำสิ่งนั้นด้วย
  • การมีความสุขกับการมีเงินเป็นคนละเรื่องกัน
  • ความทุกข์กับตัวเราก็เป็นคนละส่วนกัน
  • “ตัวเรา” ไม่มี ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะเบียดเบียนคนอื่นเพื่อตัวเองหรือแม้กระทั่งคนที่ “เรา” รัก

แต่ละข้อนี่ผมแค่เข้าใจแบบตื้นๆ นะครับ แค่พูดตามทฤษฎี แต่ตัวเองก็ยังทำไม่ได้หรอก

—–

โลกนี้ไม่มีคนไม่ดี มีแต่คนดี กับคนที่ยังเรียนรู้ไม่พอ

ผมชอบประโยคนี้เพราะว่ามันช่วยให้เรามองโลกอย่างมีความหวัง

ว่าวันหนึ่ง หากพวกเรา “เข้าใจ” ในสิ่งที่เป็นแก่นสารสาระอย่างแท้จริง

Utopia หรือดินแดนพระศรีอาริย์ก็อาจจะไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันเกินไปก็ได้

ระวังแก่เกินเรียน

20150327_LearnBusy

Learn as much as you can while you are young, since life becomes too busy later.
– Dana Stewart Scott

เมื่อตอนเจ้ายังหนุ่มสาว จงเรียนรู้ให้มากเข้าไว้ เพราะโตมาแล้วชีวิตเจ้าจะวุ่นวายเกินกว่าจะเรียนรู้อะไรได้
-ดาน่า สจ๊วต สก๊อต

ถ้าเป็นเมื่อก่อน ผมอ่านประโยคนี้ก็คงเฉยๆ

เพราะคิดว่า ยังไงเราก็สามารถเรียนรู้ได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว

งานที่เราทำทุกวันก็คือการเรียนรู้อย่างหนึ่ง

คนที่เราต้องพบปะพูดคุย หรือทะเลาะเบาะแว้ง ก็เป็นการเรียนรู้อีกอย่างหนึ่ง

มีบทเรียนในทุกวัน ขึ้นอยู่กับว่าเราจะมองเห็นมันรึเปล่า

แต่บางทีเราก็อยากมีสิทธิ์เลือกเรื่องที่เราจะเรียนรู้ได้มากกว่านี้

—–

สมัยหนุ่มๆ ผมนั่งรถไฟมาทำงาน

ผมไม่ได้หมายถึงรถไฟฟ้าหรือรถไฟใต้ดินนะครับ

ผมหมายถึงรถไฟหวานเย็นที่เค้าให้นั่งฟรีๆ นี่แหละ (ก่อนที่มันจะฟรีก็เก็บค่าขึ้นรถไฟแค่ 2 บาทเท่านั้น จะถูกไปถึงไหน)

เป็นช่วงชีวิตที่สบายสุดๆ ขอบอก

ผมจะเดินจากคอนโดมาขึ้นรถไฟที่สถานีหัวหมาก มาลงรถไฟตรงที่หยุดรถอโศก แล้วค่อยขึ้นรถใต้ดินสถานีเพชรบุรีมาลงสถานีลุมพินีเพื่อเดินมาออฟฟิศที่ตึกอื้อจื่อเหลียง

ใช้เวลาเดินทางหนึ่งชั่วโมงพอดี

และเพราะตอนนั้นผมยังไม่มีสมาร์ทโฟนและเฟ๊ซบุ๊ค ช่วงที่เดินทางตอนเช้าผมจึงมีเวลาอย่างน้อย 30 นาทีในการอ่านหนังสือบนรถไฟทั้งสองขบวน

ส่วนตอนเย็นจะได้อ่านเยอะกว่าหน่อย เพราะรถไฟชอบมาช้า

สรุปคือในหนึ่งวันผมจะได้อ่านหนังสือที่ผมอยากอ่าน ไม่น้อยกว่าหนึ่งชั่วโมง

เฉลี่ยผมเลยอ่านหนังสือจบสัปดาห์ละหนึ่งเล่ม ปีหนึ่งก็ 50 เล่ม

ผมใช้รถไฟมาทำงานไม่ต่ำกว่า 8 ปี ดังนั้นผมน่าจะได้อ่านหนังสือ 400 เล่มเพราะรถไฟหวานเย็น

มาเดี๋ยวนี้ มีคู่ชีวิตแล้ว จะพาโหนรถไฟก็กระไรอยู่ ผมจึงขับรถมาทำงาน การอ่านหนังสือในช่วงเวลาเดินทางจึงหมดไป ทำได้อย่างมากก็ฟัง audiobook

ตอนเย็นกว่าจะฝ่ารถติดกลับถึงบ้าน ก็มานั่งเขียนบล็อก Anontawong’s Musings ก็เลยไม่ได้อ่านหน้งสือ

ในอนาคตหากมีลูก เวลาในการหาความรู้แบบเดิมๆ ก็คงจะยิ่งน้อยลงไปอีก

แน่นอน หนังสือไม่ใช่แหล่งความรู้ที่ดีที่สุด แต่มันก็ยังเป็นวิธีที่สะดวกที่สุดที่เราจะเรียนรู้ในเรื่องที่เราสนใจ

แต่พอเราอายุมากเข้า มีหน้าที่ที่เยอะขึ้น (ตอนแรกจะเรียกว่า “ภาระ” แต่ผมว่าคำนี้มันดูลบเกินไปหน่อย) เวลาที่จะมีให้ตัวเองย่อมน้อยลงไปอย่างช่วยไม่ได้

จึงอยากขอเตือนคนที่ยังโสดและยังมีเวลาเหลือเฟือ ให้ตักตวงช่วงเวลานี้ให้เต็มที่

เพราะวันหนึ่งคุณจะคิดถึงมันแน่นอนครับ