หัวใจเต้นแรงที่สุดก่อนลงมือทำ

เวลามี guest speaker มาพูดที่บริษัท แล้วเขาถามคนฟังว่าใครมีคำถามอะไรบ้าง เรามักจะมีคำถามแต่เราไม่กล้ายกมือทันที

ช่วงที่เรากำลังชั่งใจว่าจะยกมือถามหรือไม่ยกมือถามนั้น หัวใจเราจะเต้นแรงมาก คิดไปต่างๆ นาๆ คำถามของเรามันเข้าท่ารึเปล่า เราจะพูดจารู้เรื่องรึเปล่า ถามแล้วเราจะกลายเป็นตัวตลกรึเปล่า

แต่เมื่อเราตัดสินใจยกมือขึ้น หัวใจก็ยิ่งเต้นแรงขึ้นระหว่างที่รอไมค์ แต่พอได้ลุกขึ้นพูด หัวใจกลับค่อยๆ เต้นช้าลง


เคยสงสัยมั้ยครับว่าทำไมสวนสนุกที่มีเครื่องเล่นดังๆ ถึงปล่อยให้คนเข้าคิวรอเป็นชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็นเมืองไทยหรือเมืองนอก ทำไมเขาไม่ทำให้ process ได้เร็วกว่านี้

ผมเคยอ่านเจอว่า เพราะการเข้าคิว ก็เป็นหนึ่งในประสบการณ์สำคัญสำหรับสวนสนุก

ระหว่างที่รอคิว เราก็จะเงยหน้าไปมองคนอื่นๆ ที่เขากำลังเล่นกัน ได้ยินเสียงกรีดร้องคลอไปกับเสียงของเครื่องเล่น คนรอคิวได้เห็นได้ยินแล้วก็ทั้งตื่นเต้น ทั้งกลัว ทั้งอยากเล่นไปพร้อมๆ กัน

เมื่อได้ขึ้นเครื่องเล่นจริง ได้กรี๊ดประมาณ 2 นาทีก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว

ประสบการณ์ที่เราตื่นเต้นระหว่างรอนั้นยาวนานกว่าประสบการณ์ตื่นเต้นตอนที่เราเล่นจริงเสียอีก


พี่ป๊อด โมเดิร์นด็อกเคยกล่าวไว้ในโฆษณาว่า ความกลัวเป็นสิ่งที่เราสร้างขึ้นมาเอง

สิ่งที่ทำให้เราหัวใจเต้นแรง คือความปรุงแต่งของเราที่คิดไปก่อนล่วงหน้า ทั้งก่อนที่จะยกมือถามคำถามและก่อนจะก้าวขึ้นรถไฟเหาะ

แต่เมื่อได้ทำจริงๆ แล้ว มันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เราคิดหรอก

ลองนึกถึงประสบการณ์ adventure ที่ผ่านมาก็ได้ ว่าหัวใจเราเต้นแรงสุดตอนไหน

ไม่ใช่ตอนที่ทำกิจกรรมนั้น แต่เป็นตอนก่อนที่จะลงมือทำ ไม่ว่าจะลงสไลเดอร์ยักษ์ในสวนน้ำ กระโดดหอ หรือบันจี้จัมพ์

ดังนั้น อย่าไปกลัวสิ่งต่างๆ จนเกินไป

รู้ทันถึงความกลัวที่เราสร้างขึ้นมาเอง แล้วลองลุยดูสักตั้งครับ

กล้าแค่วันละ 20 วินาที

เราไม่จำเป็นต้องเป็นคนกล้าหาญอะไรเลย

เราอาจจะเป็นคนที่ขี้ขลาดเกือบทั้งวันก็ยังได้

แต่เมื่อถึงจุดที่ต้องตัดสินใจ ขอให้กลั้นใจใช้ความกล้าแค่ 20 วิเท่านั้น

กล้าที่จะยกหูโทรหาคนนั้นที่เราผัดผ่อนมานาน

กล้าที่จะบอกว่าเราไม่เห็นด้วย

กล้าที่จะยอมรับว่าตัวเองพลาด

ทุก action ที่กล่าวมาใช้เวลาแค่ 20 วินาทีในการลงมือทำ จากนั้นทุกอย่างก็จะเป็นไปตามครรลอง เราแทบไม่ต้องอาศัยความกล้าอีกเลยจนการกระทำนั้นสำเร็จลุล่วง

แค่กล้าให้ได้วันละ 20 วินาที แล้วลองดูครับว่าชีวิตจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีอย่างไร


ขอบคุณประกายความคิดจาก Darren Hardy: How to Destroy Fear with 20 Seconds of Courage

ชวนฟังเพลงภาษาใจ: https://bit.ly/pasajaiyt

ไม่ใช่รู้ไม่พอ แค่กล้าไม่พอเฉยๆ

20200604b

เราไม่ได้ต้องการข้อมูลมากกว่านี้ เราไม่ได้ต้องการเวลามากกว่านี้ เราแค่ต้องการความกล้ามากกว่านี้เท่านั้นเอง

กล้าที่จะบอกว่าไม่รู้ กล้าที่จะขอความช่วยเหลือ กล้าที่จะถูกมองว่าไม่เก่ง กล้าที่จะถูกมองว่าใจร้าย

ที่ปัญหามันยุ่งยาก ที่เรามัวแต่ต้องมานั่งอ้อมค้อมกันอยู่ ก็เพราะมัวแต่กังวลว่าใครจะมองเรายังไง

ใครจะมองเรายังไงมันก็เป็นสิทธิ์ของเขา และมันสะท้อนตัวตนของเขามากกว่าตัวตนของเราเสียอีก

เราทำได้ดีที่สุดเพียงหา “หลัก” ให้เจอแล้วยึดมันไว้ให้มั่น

จากนั้นผลอะไรจะตามมาก็แค่ยอมรับและแก้ปัญหากันไปครับ

เรารู้อยู่แล้วว่าต้องทำอะไร

Slide1

แต่ที่เราไม่ทำเพราะมีเหตุผลมากมาย

“ไม่มีเวลา” “ไม่มีทุน” “ความรู้ไม่พอ” “ทำไม่ได้”

สารพันเหตุผลที่เราให้กับตัวเอง

และบางครั้งเราก็สับสนระหว่างเหตุผลกับข้ออ้าง

อาจารย์วิพรรธ์ ผู้ก่อตั้ง Asian University ที่ผมจบมา เคยสอนผมว่า

“People like to say it is impossible, so they don’t have to do it.”

คนชอบบอกว่าเป็นไปไม่ได้ จะได้ไม่ต้องทำ

คำถามคือเราอยากจะอยู่แบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน

ถ้าไม่ได้ชอบสภาพที่เป็นอยู่ตอนนี้ ก็ต้องหาทางเปลี่ยนรึเปล่า

ถ้าทำเหมือนเดิม ผลลัพธ์ก็ย่อมเหมือนเดิม

ถ้าอยากให้เปลี่ยน ก็ต้องทำต่างออกไป แน่นอนว่ามันยาก แต่ไม่ใช่จะเป็นไปไม่ได้

เราไม่ได้ขาดแคลนเวลา ทุนทรัพย์ หรือความรู้

สิ่งที่เราขาดจริงๆ คือความกล้าต่างหาก

เรารู้อยู่แล้วว่าต้องทำอะไร

เหลือแค่ว่าจะกล้าทำรึเปล่าเท่านั้นเอง

—–

“ช้างกูอยู่ไหน” หนังสือเล่มใหม่ของผมที่ว่าด้วยการลดทอนสิ่งที่ไม่ใช่ออกไปจากชีวิต มีวางขายที่นายอินทร์ ซีเอ็ด B2S Asia Books และ Kinokuniya แล้วนะครับ อ่านรายละเอียดได้ที่ bit.ly/eitrfacebook และอ่านรีวิวได้ที่นี่ครับ bit.ly/eitrreportingengineer

ถ้าอยากออกผจญภัยในท้องทะเลอันกว้างใหญ่

20190217_thousandsunny

เราก็ไม่อาจปฏิเสธคลื่นลมและพายุฝน

ช่วงสองปีที่ผ่านมา ผมมีโอกาสได้พูดคุยกับคนที่สนใจมาสมัครงานที่ Wongnai มากมาย

หลายคนทำงานองค์กรข้ามชาติที่มีฐานะมั่นคง แต่ก็มีความน่าเบื่อแบบองค์กรใหญ่ เช่นคิดหรือตัดสินใจอะไรเองไม่ค่อยจะได้

เขาอยากมาอยู่ที่ Wongnai เพราะอยากได้งานที่ท้าทายยิ่งกว่านี้ อยากได้ทำอะไรที่มันทำให้หัวใจเต้นแรงกว่านี้

แต่ขณะเดียวกันก็อยากได้เงินเดือนดีๆ โบนัสดีๆ และสวัสดิการดีๆ เหมือนที่เคยได้รับที่องค์กรใหญ่ด้วย

ผมมักจะบอกว่า เรื่องเงินเดือนเราก็คงจัดให้เหมาะสมตามความสามารถของคุณและมากกว่าที่เก่าแน่นอน แต่โบนัสดีๆ และสวัสดิการดีๆ เราคงไม่อาจให้ได้เท่ากับองค์กรใหญ่ อย่างน้อยก็ในตอนนี้ สิ่งที่เราเชื่อว่าเราให้ได้ดีกว่าคือบรรยากาศการทำงานดีๆ และโอกาสที่คุณจะได้คิด ได้ตัดสินใจ ได้ลงมือทำอะไรด้วยตนเอง

เป็นอิสรภาพที่มาพร้อมกับความรับผิดชอบ

หัวใจที่เรียกร้องการออกผจญภัย คือหัวใจที่ต้องพร้อมยอมรับความเสี่ยง

เพราะถ้ามันไม่มีความเสี่ยงเลย จะเรียกว่าการผจญภัยได้อย่างไร

แต่เราสามารถผจญภัยอย่างรอบคอบได้

เมื่อเรือเล็กคิดจะออกจากฝั่ง ก็ควรตรวจสอบเรือให้ดีๆ ว่ามีรอยผุรอยรั่วตรงไหน เสบียงพร้อมหรือไม่ มีแผนที่เดินทะเลและอ่านทิศทางของคลื่นลมเป็นรึเปล่า ลองซ้อมล่องเรือในบริเวณใกล้ๆ ดูบ้างรึยัง

วิธีคิดและวิถีใจแบบนี้ใช้ได้กับหลายสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นการออกจากองค์กรข้ามชาติมาอยู่สตาร์ทอัพ ออกจากงานราชการมาทำธุรกิจส่วนตัว หรือเปลี่ยนสายงานอาชีพไปโดยสิ้นเชิง

อยู่บนฝั่งก็ปลอดภัยดี แต่อยู่นานๆ มันก็น่าเบื่อ

เพราะหัวใจคนเราไม่ได้ถูกออกแบบมาให้อยู่ใน comfort zone ไปตลอดชีวิตครับ

—–

ขอบคุณภาพจาก Wikimedia: Thousand Sunny

เปิดรับสมัคร Time Management รุ่นที่ 12 วันเสาร์ที่ 9 มีนาคมนี้ อ่านรายละเอียดได้ที่ bit.ly/tgimtimemar19